‘สมศักดิ์’ เผยแผนแก้ ‘หมอลาออก’ ใช้ ‘Telemed-นับคาร์บ’ ลดภาระงาน ผลิตเพิ่มตามแผน ‘9 หมอ 10 ปี’
The Coverage • Movement • 18 เมษายน 2568
“สมศักดิ์” เผย แก้ปัญหา “หมอลาออกจากระบบ” ระยะสั้น เล็งขยายใช้ “เทเลเมดิซีน” ให้มากขึ้น ส่วนระยะกลาง สธ.กำลังเร่ง “นับคาร์บ” ปชช. เพื่อช่วยลดผู้ป่วย NCDs ลดภาระงานบุคลากร ขณะที่ระยะยาวต้องพึ่งพา “โครงการผลิตแพทย์ 9 หมอ 10 ปี”

จากกรณีที่โรงพยาบาลบึงกาฬออกมาระบุว่า แพทย์เพิ่มพูนทักษะ (อินเทิร์น) ที่มาชดใช้ทุนที่โรงพยาบาลบึงกาฬจำนวน 16 คน ที่กำลังจะใช้ทุนครบ 1 ปีมีการแจ้งความประสงค์ลาออกแล้ว 6 คน เนื่องจากต้องการกลับไปทำงานที่ภูมิลำเนา ซึ่งผ่านการคัดเลือกเข้าปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) แล้ว และอีก 4 คนกำลังจะเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสังกัด กทม. จนทำให้เกิดกระแสขึ้นว่าการลาออกของแพทย์ไม่ใช่แค่อยากกลับไปภูมิลำเนา และไม่ได้เกิดที่โรงพยาบาลบึงกาฬเพียงแห่งเดียว แต่ยังมีปัญหาเรื่องภาระงาน ค่าตอบแทน ฯลฯ รวมถึงเกิดในหลายโรงพยาบาลทั่วประเทศด้วย ซึ่งกำลังเป็นปัญหาที่ท้ายที่สุดส่งผลให้ระบบสาธารณสุขไทยกำลังขาดแคลนแพทย์ในระบบภาครัฐ

ล่าสุด นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานการประชุมผู้บริหาร สธ. เพื่อแก้ไขปัญหาหมอลาออก และขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในทุกวิชาชีพ เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2568 ได้เปิดเผยในช่วงต้นของการประชุมในทันทีว่า จากประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น สธ. ได้พยายามแก้ปัญหามาตลอด ซึ่งได้มีแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวเพื่อใช้เป็นแนวทางแก้ไขแล้ว

ทั้งนี้ สำหรับการแก้ไขระยะสั้น ที่เป็นระยะเร่งด่วน จะต้องบริหารจัดการเรื่องของภาระงาน โดยจะต้องมีการนำระบบดิจิทัลมาใช้กับการบริการสุขภาพให้กับประชาชนมากขึ้น เพื่อลดภาระงานของบุคลากรในโรงพยาบาล โดยจะต้องเน้นการบริการการแพทย์ทางไกล (เทเลเมดิซีน) ซึ่งปัจจุบันมีตู้ห่วงใย ที่เป็นนวัตกรรมบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ภายใต้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อให้ประชาชนไปใช้บริการพบแพทย์ผ่านระบบการแพทย์ทางไกลนี้มากขึ้น พร้อมกระจายอย่างครอบคลุมและต้องทำอย่างรวดเร็ว

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ในส่วน การแก้ปัญหาระยะกลาง ขณะนี้ สธ. กำลังขับเคลื่อนนโยบายลดผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ด้วยการให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) แนะนำประชาชนในการนับคาร์บ เพื่อลดคาร์โบไฮเดรต ที่จะช่วยลดความเสี่ยงโรค NCDs และยังเป็นวิธีที่ทำให้ผู้ป่วย NCDs มีอาการที่ดีขึ้น ปัจจุบันมีประชาชนทั่วประเทศเข้าใจการนับคาร์บเพื่อสุขภาพแล้วกว่า 26 ล้านคน โดยเมื่อประชาชนสุขภาพดี ก็จะลดความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วย และช่วยลดภาระงานของบุคลากรแพทย์ได้อีกด้วย ซึ่ง สธ. ก็กำลังดำเนินการเต็มที่

“การนับคาร์บ จะช่วยลดผู้ป่วย NCDs เพราะที่ผ่านมา จากจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับบริการที่โรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศกว่า 300 ล้านครั้ง มีถึงกว่า 40% ที่ป่วยด้วยโรค NCDs ขณะเดียวกัน ก็ต้องใช้งบประมาณด้านรักษาพยาบาลไปกับผู้ป่วยกลุ่มนี้สูงถึง 52% หรือกว่า 7 หมื่นล้านบาทเมื่อเทียบกับโรคอื่นๆ ซึ่งหากลดผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้ ก็จะช่วยลดภาระงานบุคลากรทางการแพทย์ได้อีกทางเช่นกัน” รมว.สาธารณสุข ระบุ

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขณะที่แผนระยะยาวสำหรับการแก้ปัญหาขาดแคลนแพทย์ ได้ชี้แจงต่อที่สาธารณะมาตลอด นั่นก็คือต้องผลิตบุคลากรทางการแพทย์เพิ่มเติมในทุกสาขาวิชาชีพที่จำเป็น โดยรัฐบาลได้มีโครงการ 9 หมอ 10 ปี ที่เป็นการผลิตบุคลากรทางการแพทย์รวม 9 สาขาวิชาชีพ โดยจะได้บุคลากรรวมกันทั้งหมดประมาณ 6.2 หมื่นคน ซึ่งก็รวมถึงบุคลากรแพทย์ที่อยู่ในโครงการนี้ ที่ต้องผลิตให้ได้ 3 หมื่นคนด้วยเช่นกัน และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็อนุมัติโครงการไปเมื่อ ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา

“แผนการผลิตบุคลากรทางการแพทย์รวมถึงแพทย์จะเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว แต่ก็ต้องใช้เวลาอยู่เหมือนกัน ตอนนี้ในประเทศไทยเรามีหมออยู่ประมาณ 7 หมื่นคน และต้องผลิตเพิ่มอีก 3 หมื่นคนถึงจะเพียงพอ ส่วนพยาบาลก็เช่นกัน ปัจจุบันเรามีประมาณ 2 แสนคน และต้องเพิ่มอีก 1.2 แสนคน” นายสมศักดิ์ กล่าว

อนึ่ง แนวทางดังกล่าวเป็นข้อเสนอจาก นายสมศักดิ์ ในช่วงต้นของการประชุมเท่านั้น ส่วนมติการประชุมและแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นทางการ The Coverage จะรายงานเพิ่มเติมหลังจากที่ประชุมได้ข้อสรุปร่วมกันอีกครั้ง

หลังจากที่ประชุมหารือร่วมกันเป็นเวลาราว 2 ชั่วโมง 'นายสมศักดิ์' ได้แถลงผลการประชุมต่อสื่อมวลชน โดยกล่าวถึงข้อสรุปในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวว่าการผลักดัน (ร่าง) พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการสาธารณสุข พ.ศ. …. ยังเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด แต่อาจต้องใช้เวลาตามกระบวนการประมาณ 2 ปี ส่วนการแก้ไขปัญหาในขณะนี้จะมีทั้งสิ้น 7 แนวทาง ประกอบด้วย 1. สธ. จะมีการกำหนดพื้นที่ที่มีปัญหาให้เป็นพื้นที่พิเศษ เพื่อลดระยะเวลาการใช้ทุนในการไปศึกษาต่อ 2. เพิ่มแพทย์อินเทิร์น ทั้งแบบฝึกเองและร่วมฝึก เพื่อให้อัตราส่วนแพทย์เพียงพอต่อจำนวนประชากร 3. ขอรับการสนับสนุนจากแพทย์เฉพาะทางจากจังหวัดใกล้เคียงในพื้นที่ที่มีความขาดแคลนแพทย์

4. เสริมระบบบริการด้วยระบบดิจิทัลสุขภาพ และระบบการแพทย์ทางไกล (เทเลเมดิซีน) โดยจะมีการประสานกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้มีการสนับสนุนการจัดระบบเทเลเมดิซีนให้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะตู้ห่วงใย รวมถึงให้นำแพทย์ที่เกษียณอายุราชการแล้วให้มาทำงานต่อได้ เพื่อช่วยระบบสุขภาพ ซึ่งจะให้ สปสช. ไปช่วยปรับแนวทาง และดำเนินการเรื่องนี้

5. กำหนดตำแหน่งข้าราชการรองรับแพทย์ที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเอกชน และมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ ในกรณีที่แพทย์จากระบบปกติไม่เพียงพอ 6. พิจารณาเพิ่มค่าตอบแทนนอกเวลาราชการ (อยู่เวร) โดยอาจจะเป็น 1.5 หรือ 2 เท่า ตามเหตุผลที่สามารถดำเนินการได้ 7. การส่งเสริมสวัสดิการ เช่น บ้านพัก การเดินทาง อย่างเหมาะสม

จบมาสิบปี ไม่มีอะไรต่าง ยกเว้นจำนวนหมอที่จบใหม่เพิ่มขึ่้น

จะมานับตะขาบอะไรอี๊กกกกก

หนักพยาบาลแทน

ผลิตมาเท่าไหร่ก็ไม่พอหรอก ตราบใดที่ยังใช้งานหนักขนาดนี้ เค้าลาออกไปทำคลีนิคเสริมความงามกันหมดแล้ว

นั่งมากี่กระทรวง มีผลงานอะไรที่โดดเด่นบ้าง

จำได้แต่แชร์การดื่มน้ำต้มมะละกอรักษามะเร็งเนี่ยแหละ

มีทางออกสองทาง

1 ยกเลิก 30บาท บัตรทอง ปรับเป็น 1000บาท ลดจำนวนมารพก่อนเลย โรคร้ายแรงค่อยช่วย

2 สร้างรพรัฐที่เก็บเงินประมาณ 50% ของรพเอกชน หรือเอาแบบเท่าทุนไม่เอากำไรอะ แล้วให้หมอวนไปประจำที่นั่น ได้รายได้มาอุดที่ต้องแบก ประชาชนก้ไม่ต้องเลือก จะฟรีหรือโดนโขกหัวแบะ จะได้เข้ารพนี้


ส่วนตัวว่าทำทั้งสองอันอะ เวิค ทำอัน1ไปก่อน อัน2ค่อยๆสร้างรพเพิ่ม เอาซัก10โรงก่อนก้ได้ทั่วไทย เหนือ 2 อีสาน 3 กลาง 2 กทม 2 ใต้1

มันไม่กล้าเปลี่ยนระบบหรอก บอกเลยถ้าแก้คะแนนเสียงหายแน่

การเมืองไทยเมื่อไหร่จะหลุดพ้นจากเอาคนไม่รู้เรื่องเห้ไรในสายงานนั้นมานั่ง รมต

เทเลเมด 555 เอกชนทำยังไม่ค่อยจะเวิร์คเลย

ปัญหาเชิงโครงสร้าง มึงใช้การนับคาร์บเข้าแก้

ชีวิตแม่งวนเวียนแค่นี้ ก่อนหน้านี้ต้มใบมะละกอรักษามะเร็งมั่ง รักษานู่นนี่มั่ง พอกระแสด่าก็เงียบ

ตอนนี้จะทำนับคาร์บ ก็จะให้การนับคาร์บแก้แม่งทุกปัญหาสาสุข



แล้วกุบอกเลยว่าการทำ tele ห่านไรเนี่ยไม่ได้ลดงาน แต่เพิ่มงาน ทุกวันนี้กุทำ health rider กับ tele มันลดงานตรงไหน เพราะงานเดิมก็ยังต้องทำ แถมต้องมาทำงานใหม่สนอง need ให้พวกเมิงได้หน้ากันอีก งานกุเพิ่มเอาๆ ไอ้ ค

tele ไม่ใช่ไปเพิ่มงานหมอที่ใช้เป็นเหรอ กลายเป็นงานโหลดหมอหลายคนอีก

ใครแม่มเชียร์วะ นับคาร์บเนี่ย

แม่มคิดว่า ncd มันจะลดลงได้เร็วแค่ไหน หรือ มันเป็นเพราะเคส ncd ทำงานลดลงเหรอ

ถ้าใครทำงานด้านนี้จะรู้ ชาวบ้านที่ไหนมันจะมานั่งนับคาร์บ

NCD มันเป็นโรคของประเทศด้อยพัฒนา เพราะเศรษฐกิจไม่ดี คนแค่เอาตัวรอดไปวันๆก็ลำบากแล้ว
ของที่เอาเข้าปากส่วนใหญ่เขาเลือกไม่ได้ด้วยซ้ำ

สิ่งที่คุณควรทำคือ ทำให้เศรษฐกิจและสังคมดี สองคือทำให้คนมีการศึกษา สุดท้ายเขาจะสนใจดูแลสุขภาพของเขาเอง

สุดท้ายพวกยา ร.พ.ชุมชนส่วนใหญ่ ยังมีแต่ยาสมัย15-20ปีที่แล้วใช้ ทั้งที่แนวทางการรักษาปัจจุบันมันไปถึงไหนแล้ว
ถ้ากล้าจริงก็เอายาพวกนี้เข้าบัญชียาหลัก แล้วก็จ่ายเงินชดเชยรายหัวให้เหมาะสม