ลุกช้าจ่ายรอบวง จริงๆ
ใครเล่นบิทคอยสมัย bx น่าจะพอเข้าใจและมีภูมิคุ้มกันบ้างแล้ว

ตอนนี้น่าจะปรับฐานไปซักพัก จนกว่าทรัมมันจะหุบปาก
ตลาดหุ้นความเชื่อมั่นสูงสุด ลงจุดต่ำสุดในไม่กี่วัน

เชิ่อเมิงเลย

อันนี้สงสัยนะครับ

ถ้ารถยนต์ในสหรัฐขึ้นราคาจนคนไม่ซื้อ บริษัทจะมาขึ้นราคาในประเทศอื่นๆเพื่อให้ได้รายได้รวมตามเป้า เป็นไปได้มั้ยครับ

เป็นไปได้ครับ เขาเหมารวมว่ารายจ่ายเพิ่ม และต้องหาเงินด้วยการ dynamic รายรับอย่างอื่นมาแทน คือการ rev management นั่นแหล่ะ

แต่ทั้งนี้ยังมีอีกหลายปัจจัย
- จะไปขึ้นราคาในประเทศที่มี demand ต่ำอยู่แล้วก็ไม่มีประโยชน์ มันขายไม่ออกอยู่แล้ว ขึ้นทำไม
- ขึ้นราคาประเทศที่พอขายได้ ก็ต้องไปเทียบกับคู่แข่งอีก
- ขึ้นราคาแบบไร้เหตุผล ถ้าไม่มีกฎหมายกำกับ รัฐบาลเข้ามาถามแน่
- ต้องฮั้วกันทั้งหมดแบบรถญี่ปุ่น จับมือทุกแบรนรถ เหมือนพวกผู้ผลิตน้ำมัน แล้วกำหนดราคาเอง อันนี้ดูยากแล้ว ผู้เล่นมันเยอะ

ราคาจะขึ้นได้ชัดเจน ต่อเมื่อจีนตกลงทำสัญญากับญี่ปุ่นอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งมันเกิดขึ้นได้ยาก

ถ้ารัฐบาลประเทศนี้ จะมีมอบนโยบายเอื้อให้บริษัทขายรถได้อีกมั้ย ผมห่วงตรงนี้แหละ

ในมุมนักลงทุน มันคือโอกาส แต่มองมุม คนอเมริกา นี่คือ ความชิบหาย

ส่วนไทย เราก็รับผลกระทบเยอะ เรื่องภาษีอเมริกา อันนี้คิอเรื่องด่วน

ไม่ใช่แค่การเจรจากับอเมริกา แต่ไทยต้องเตรียมพร้อมทั้งสองด้าน

สิ่งที่มาแน่นอน สินค้าทะลักจากฝั่งจีน ปัญหาคือ ไทยยังงงๆอยู่แล้วว่าควรทำอะไร

ยิ่งเห็นความคิดเห็นพวกแบก ในใจผมคิดถ้าคนในประเทศคิดแบบแบก ฉิบหายแน่นอน

สิ่ง ที่ผมประเมิน กระแสเงินสดในประเทศน่าจะฝืด ถ้าไทยไม่สามารถหาตลาดส่งออกขยายฐานเดิม

แต่สิ่งที่น่ากังวล การบริโภคภายในประเทศน่าซบเซาไปอีก

รัฐบาลอยากกดราคารถลง เพิ่มผู้เล่น มันดีกับผู้บริโภคจริงๆ
ผมว่าราคาอาจจะลงมาได้อีกด้วย เพราะของเหลือเยอะขึ้น

แต่ก่อนถึงเวลานั้น รอดูก่อนเลยว่าบริษัทไหนอยู่รอดบ้าง ลดการผลิต ลดการจ้างงานมีแน่นอน

คิดว่าจะทำแบบไหนครับ

ระหว่างขึ้นราคา โดยที่รถที่ขายเมกาก็จะมาทำตลาดต่อไม่ได้
กับลดราคา แล้วเอารถที่จะขายให้เมกามาทำตลาดต่อ

อีลอนมัสปวดกบาลเลย

ดูแล้วอยากลองเป็นศัตรูกับคนทั่วโลกแน่นอน เดี๋ยวดูทั่วโลกรุมเอาคืน อเมริกา นะ

ถ้าข้อสอง demand ต้องสูงมากพอที่จะทำยอดขายต่อได้ด้วยนะ ถ้า demand น้อย แต่ supply เยอะ ก็น่าเสี่ยง