พอดีผมคุยกับเพื่อนคนยุโรปที่ทำงานที่เป็น Consultant ให้ธนาคารมา 20+ ปี

เค้าแชร์มุมนึงที่น่าสนใจมากเลย คือตอนนี้อเมริกาเป็นหนี้เยอะมากๆ ประมาณ 35 trillion

แล้วตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องจากเงินให้สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้แล้ว

ทรัมป์มันเลยพยายามสร้างวิกฤตเศรษฐกิจอะไรก็ได้ เพื่อกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐลดอัตราดอกเบี้ย

เพราะเมื่อเกิดวิกฤตทางการเงิน ปกติแล้วสถาบันการเงินจะลดดอกเบี้ยเพื่อให้เกิดความคล่องตัวเพื่อให้พ้นวิกฤต

ตัวอย่างเช่น ต้องการให้เกิดบริษัทใหม่ๆ ถ้าดอกเบี้ย 5-10% มันก็จะทำให้กู้ยาก แต่ถ้าดอกเบี้ยลดเหลือ 1% คนก็จะกล้าที่จะกู้มากขึ้น

ทีนี้หนี้ของอเมริกาก็อาจจะได้ลดดอกเบี้ยไปด้วย หรืออย่างน้อยจะได้ยืดเวลาการจ่ายมากขึ้น เช่นปีนี้อาจจะต้องจ่าย 5% ของยอดทั้งหมด อาจจะลดเหลือแค่ 1-3%

มันทำให้เงินที่ต้องจ่ายลดลงเยอะมาก เพราะตัวเงินต้นมันมหาศาล

ผมฟังแล้วก็ดูมีเหตุผลดีนะ แต่ผมก็ฟังเค้ามาอีกที ไม่ได้มีความรู้เรื่องพวกนี้เท่าไร เลยมาชวนคุยกันครับ

สร้างวิกฤตแล้วช้อตหุ้นรึเปล่า รวยเละ

นักวิเคาระห์หลายคน ก็มองแนวคล้ายแบบนี้
เช่น อ.ทวีสุข พี่หมู
แต่มีเพิ่มเรื่องสงครามเข้าไปด้วย
เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์มุมมองของนักวิเคราะห์ทั้งหลาย

มีเหตุผลหมดแหละคับ ถ้ามองแค่มุมเดียว มูลค่าตลาดหายไป 10 ล้านล้าน มองภาพรวมยังไงก็แย่
fed เค้าก็ไม่ได้ควายอะ ยกเว้น fed มันจะเอาด้วย

ผมยังมองว่า Fed จะไม่ลดเพราะเหตุการณ์นี้มากกว่า
นำเข้าแพงขึ้น ยังไงของในประเทศก็แพงขึ้น ของแพง = เงินเฟ้อ
เงินเฟ้อก็ต้องกลับมาแก้ด้วย ทำให้ดอกเบี้ยสูง

นั่นคือแผนทรัมป์อีกมุมนึงครับ เรื่องหนี้บัตรเครดิตสูงมากของอเมริกาเนี่ยเป็นปัญหามาหลายปีแล้ว ถึงขนาดที่มีคนบอกว่ามันเป็นระเบิดเวลาอีกลูกนึงด้วยซ้ำเพราะมีโอกาสสูงมากที่จะเกิดหนี้สูญ (default)

ผมก็เลยมองว่ามันอาจจะไม่ขนาด madman ก็ได้ที่เขาทำ เพียงแต่ Jay Pow เขาก็ท่าทีแข็งกร้าวเรื่องนี้นานแล้ว ตั้งแต่สมัยแรกด้วยซ้ำไป (ช่วงก่อนโควิดที่ทรัมป์กดดันให้ลดอัตราดอกเบี้ยจนถึงขนาดหารือว่าปธน.สามารถปลดประธาน Fed ได้ไหมอะไรงี้) ก็เลยงงๆว่าทำไมคิดว่ารอบนี้เขาจะยอม

ผมว่าของแพงมันไม่ได้หมายถึงเงินเฟ้ออย่างเดียวนะครับ ของแพงขึ้นแต่เงินเดือนเท่าเดิมมันจะกลายเป็นเงินฝืด เศรษฐกิจถดถอยมากกว่า

เพื่อนผมเค้าบอกว่ามันไม่ใช่การวางแผนที่ดีด้วยอ่ะครับ เหมือนคิดว่าทางนี้จะได้ผลแล้วก็ทำเลยมากกว่า

ช่ายครับ คือเอาง่ายๆเลย มันเหมือนเผาบ้านไล่หนูอะครับ

จริงอยู่ที่หนี้มันใกล้จะระเบิดจริง แต่การทำลายเศรษฐกิจบ้านตัวเองมันไม่คุ้ม ทำลายทั้งความเชื่อมั่นนักลงทุน
ทำลายทั้งการทูต ฯลฯ แล้วเหมือนลืมไปด้วยมั้งว่าเจ้าหนี้ของอเมริกาจริงๆคือญปและจีน ซึ่งสองประเทศนี้เนี่ย ประเทศนึงเขาก็เศรษฐกิจไม่ได้ดีแต่แรกแล้ว อีกประเทศนึงก็ดันจะไปงัดกับเขาอีก

อันนี้เงินเฟ้อ cost push ครับ ราคาของแพงขึ้นคนใช้จ่ายน้อยลง ถ้าตัวเลขเศรษฐกิจหดตัวการลดดอกเบี้ยเพื่อให้ต้นทุนลดลงก็เป็นวิธีการแก้อย่างนึงครับ

ผมว่าพอนักวิเคราะห์หลายๆคนพยายามคิดให้เยอะไว้ก่อนก็จะไปเข้ากรณีเดียวกับที่พี่ด้วงตบเข่าฉาดครับ ส่วนตัวยังเชื่อว่าทรัมป์มันแค่บ้าอำนาจ คิดว่าเป็นPOTUSแล้วจะทำอะไรก็ได้ ซึ่งหลายๆครั้งก็ขัดกับกฎหมายหรือโดนbackfireกันไป

มีอีกไอเดียนึงที่บอกกันว่า bond ของประเทศที่เสียดุลมากๆ หรือ เป็นหนี้มากๆ ให้เป็น Zero Coupon Perpetual bond แทน

ถ้ายอมอาจจะลดภาษีลงเป็นต้น

ก็เป็นไปได้ เพราะญี่ปุ่นก็ใช้นโยบายทางค่าเงิน เพราะให้ชำระหนี้สาธารณะน้อยขึ้น

Reset ระบบการเงินใหม่โดยสงคราม ผู้ชนะเท่านั้นที่จะกำหนดกติกาได้

ทางรอดหนี้สหรัฐคือ เงินเฟ้อ >> ลดมูลค่าหนี้ที่ต้องจ่าย
แต่โป๊ะแตกเพราะหนี้เพิ่มเร็วเกินลง เงินกับสงครามไปก้อนใหญ่เกินสมัยไบเดน ดอกสูงจนจ่ายไม่ไหว
ก็เลยต้องหาเงินจริงๆจังๆมาจ่ายหนี้(ออกพันธบัตรใหม่มาจ่ายไม่ได้เพราะดอกเบี้ยมันก็สูงขึ้นไปอีก ต้นก็เท่าเดิมเผลอเยอะขึ้นจากต้องโยกเงินโน่นนี่) ซึ่งทรัมป์มาแนวจะให้จบใน2-3เดือนคือหักคอให้ชาวบ้านเขาซื้อของบ้านมันเยอะขึ้นโดยเอา tariff มาขู่ไม่ซื้อของกรู กรูขึ้นภาษี
ซึ่งคงไม่โดนใจคนในอเมริกาเท่าไรหรอก เพราะระยะสั้นคนอเมริกันอะลำบากหนักๆ