เท่าที่ตามจากข่าว เหมือนสินค้าอเมริกาไปขายประเทศอื่นโดนคิดภาษีนำเข้าอย่างแพง แต่เวลาประเทศอื่นนำสินค้ามาขายในอเมริกากลับโดนภาษีนำเข้าที่ต่ำกว่ามาก แล้วมันจะ fair trade ได้ยังไงครับ การที่โดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นภาษีรอบนี้ก็ยังไม่สูงเท่ากำแพงภาษีประเทศอื่นที่มีต่อสินค้าอเมริกาเลยมั้ง หรือมันมีอะไรซับซ้อนกว่านี้ไหมครับ แล้วคำว่า fair trade มันควรออกมารูปแบบไหนครับ แบบที่จีนทำกับสินค้าไทย แบบนี้เรียกว่า fair trade รึเปล่า

คุณถูกทรัมป์หลอกครับ ตอนแรกมันบอกว่าจะตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ประเทศที่ได้ดุลการค้าจากการคิดภาษีนำเข้าสินค้าอเมริกาสูง แต่เอาเข้าจริง มันไม่ได้คิดอัตราภาษีจากการเปรียบเทียบอัตราภาษีระหว่างกันในแต่ละประเทศอย่างที่มันพูดตอนแรก มันเล่นเอาส่วนต่างยอดนำเข้า-ส่งออกแต่ละประเทศหารด้วยยอดส่งออกไปประเทศนั้นๆ (import-export)/export แล้วมาบอกว่าประเทศอื่นคิดภาษีอเมริกาแพง เลยต้องตอบโต้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม

ซึ่งความจริงยอดขาดดุลไม่ได้เกิดจากการตั้งกำแพงภาษีใส่กันซะทีเดียว ต่อให้ไม่มีกำแพงภาษีเลย สมมุติ อเมริกาผลิตสินค้า A ราคา 100 บาท สินค้า B ราคา 50 บาท ไทยผลิตสินค้า A ราคา 50 บาท สินค้า B ราคา 20 บาท มันก็ไม่แปลกที่ไทยจะไม่ซื้อของอมเริกา ในขณะที่อเมริกาจะมาซื้อสินค้า B จากไทยไปขายในอเมริกาเพราะต้นทุนถูกว่าผลิตเอง แล้วแบบนี้การที่ไทยได้ดุลการค้าอเมริกา (ขายให้อเมริกามากกว่าที่ซื้อจากอเมริกา) เป็นเพราะไทยคิดภาษีแพงกว่าอเมริกาหรอครับ

แต่ถ้าถามว่าอเมริกามีความชอบธรรมในการตั้งกำแพงภาษีกับประเทศไทยไหม มีเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ประเทศใครประเทศมัน แต่ผลที่ตามมาคือคนเดือดร้อนกันหมด ทั้งคนในอเมริกาที่จะไม่มีของถูกให้ซื้อ คนไทยขายของให้อเมริกาได้น้อยลง หรืออาจจะขายไม่ได้เลยในกรณีที่เมื่อบวกภาษีไปแล้วทำให้สินค้าไทยแพงกว่าสินค้าจากประเทศคู่แข่ง

ทั้งนี้ การตั้งกำแพงภาษีของทรัมป์ มันก็มีข้อดี(กับอเมริกา)ในระยะยาว ถ้าประเทศต่างๆตอบสนองในทางที่ทรัมป์คาดการณ์ แต่ดีเทลมันเยอะขอไม่พูดถึงนะครับ แค่อยากให้เห็นภาพว่าทรัมป์มันลูกเล่นเยอะ ไม่ได้ตรงไปตรงมาครับ

อาจจะเพราะขึ้นแบบใส่ทุกประเทศมั้งครับ แบบบางประเทศไม่น่าขึ้นก็ขึ้น

เข้าเฟสบุ้ค โพสต์ของคุณ kornkit disthan ครับ อธิบายหลายประเด็นได้ดีครับ มีที่มาที่ไป

เรื่องภาษีนำเข้าจากอเมริกาแพงเนี่ย ขออย่างนึงว่าอย่าไปเชื่อไอฟีเจอร์บอร์ดที่ทรัมป์มันถือมาตอนงานแถลงนะ

ไอนั่นมันไม่ใช่เลขภาษีที่ประเทศไปตั้งให้มัน แต่คือเป็นเลข (Export - Import)/Import * 100% เฉยๆ
หรือก็คือจำนวนขาดดุลเป็นกี่ % แล้วแม่งก็ใช้คำมั่วๆว่าอีกฝั่งอะตั้งกำแพงภาษีกั้นสินค้าสหรัฐเท่านี้ ซึ่งจริงๆอะไม่ใช่ (แต่ก็สะท้อนการศึกษาคนเมกาดีเหมือนกันนะ )

ถ้าบอกว่าเลขตรงนี้ไม่ใช่กำแพงภาษีที่ประเทศอื่นไปตั้งกับเมกา ท่านก็น่าจะไม่ถามต่อแล้วมั้งว่าแฟร์ไม่แฟร์อะนะ

สะท้อนการศึกษาไม่ใช่แค่คนเมกาหรอกครับ

เอผมก็เข้าใจว่ามันตั้ง tariff เพราะประเทศอื่นเอาเปรียบได้ดุลอเมริกามหาศาลมาตลอด ตั้งแต่แรกเลยนะ หรือ trump มันบอกเลยว่าตั้ง tariff เพราะภาษี import จากอเมริกา

คุณถูกทรัมป์หลอกครับ ตอนแรกมันบอกว่าจะตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ประเทศที่ได้ดุลการค้าจากการคิดภาษีนำเข้าสินค้าอเมริกาสูง แต่เอาเข้าจริง มันไม่ได้คิดอัตราภาษีจากการเปรียบเทียบอัตราภาษีระหว่างกันในแต่ละประเทศอย่างที่มันพูดตอนแรก มันเล่นเอาส่วนต่างยอดนำเข้า-ส่งออกแต่ละประเทศหารด้วยยอดส่งออกไปประเทศนั้นๆ (import-export)/export แล้วมาบอกว่าประเทศอื่นคิดภาษีอเมริกาแพง เลยต้องตอบโต้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม

ซึ่งความจริงยอดขาดดุลไม่ได้เกิดจากการตั้งกำแพงภาษีใส่กันซะทีเดียว ต่อให้ไม่มีกำแพงภาษีเลย สมมุติ อเมริกาผลิตสินค้า A ราคา 100 บาท สินค้า B ราคา 50 บาท ไทยผลิตสินค้า A ราคา 50 บาท สินค้า B ราคา 20 บาท มันก็ไม่แปลกที่ไทยจะไม่ซื้อของอมเริกา ในขณะที่อเมริกาจะมาซื้อสินค้า B จากไทยไปขายในอเมริกาเพราะต้นทุนถูกว่าผลิตเอง แล้วแบบนี้การที่ไทยได้ดุลการค้าอเมริกา (ขายให้อเมริกามากกว่าที่ซื้อจากอเมริกา) เป็นเพราะไทยคิดภาษีแพงกว่าอเมริกาหรอครับ

แต่ถ้าถามว่าอเมริกามีความชอบธรรมในการตั้งกำแพงภาษีกับประเทศไทยไหม มีเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ประเทศใครประเทศมัน แต่ผลที่ตามมาคือคนเดือดร้อนกันหมด ทั้งคนในอเมริกาที่จะไม่มีของถูกให้ซื้อ คนไทยขายของให้อเมริกาได้น้อยลง หรืออาจจะขายไม่ได้เลยในกรณีที่เมื่อบวกภาษีไปแล้วทำให้สินค้าไทยแพงกว่าสินค้าจากประเทศคู่แข่ง

ทั้งนี้ การตั้งกำแพงภาษีของทรัมป์ มันก็มีข้อดี(กับอเมริกา)ในระยะยาว ถ้าประเทศต่างๆตอบสนองในทางที่ทรัมป์คาดการณ์ แต่ดีเทลมันเยอะขอไม่พูดถึงนะครับ แค่อยากให้เห็นภาพว่าทรัมป์มันลูกเล่นเยอะ ไม่ได้ตรงไปตรงมาครับ

ไม่รู้ว่าหลักคิดของทรัมป์แกคิดถึงปัจจุบันควบคู่ไปด้วยหรือเปล่าคนในประเทศจะต้องจ่ายเงินซื้อสินค้าแพงขึ้น กรณีที่นานาชาติไม่เป็นไปตามคาดการณ์

มีครับ จะตั้งกี่พันpercent ก็ได้ถ้ารับได้กับผลที่ตามมา อย่างจีน กล้าจัดไทยเพราะรู้ว่ายังไงไทยก็ไม่ทำอะไร อันนี้เหมือนกัน แต่ที่มันต่างกันออกไป เพราะเมกามันคือผู้ชนะอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องมาplay move นี้ เพราะคนที่เดือดร้อนจริงๆคือ ประชาชนของตัวเอง ต่อไปความนิยมในความเป็น US ซึ่งคือ soft power ของแท้ ที่เมกา สั่งสมมานาน จนทั่วโลกยอมให้เป็นพี่ใหญ่ คิดภาพวันนี้พี่ใหญ่กำลังของขึ้น ลงมาตบคู่แข่งอย่างจีน แต่พอดีอารมณ์ไม่ดี ระหว่างทาง เลยตบกบาล ลูกน้องตัวเองที่เดินตามต้อยๆ อย่าง สิงค์โปร ญี่ปุ่น เกาหลีด้วย คิดเอาว่าพวกลูกน้องจะยังเคารพ อยู่มั้ย

เพื่อให้ทั้งโลกถือเงิน US ดอลล่า อเมริกาก็เลือกที่จะ offer เรื่องกำแพงภาษีที่ต่ำเอง แต่คุณก็ไปตั้งโรงงานผลิตในประเทศโลก 3 ทดแทนกันไง ของคุณราคาต้นทุนถูกลงก็ขายได้ทั่วโลก แต่นี่เหมือนว่าจะเอาทุกทางเลยนะ โรงงานก็จะดึงกลับไปผลิตเอง สร้างงานให้คนอเมริกันแต่ลืมไปหรือเปล่าว่าหลายอย่างผลิตเองไม่ได้ วัตถุดิบไม่มี แถมการตั้งกำแพงภาษีกลับทำให้การแข่งขันของบริษัทเอกชนลดลงด้วย นวัตกรรมใหม่ๆมันจะไม่เกิดเอานะ

โดยส่วนใหญ่แล้วถ้าของที่ส่งไปขายไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทในประเทศนั้นๆเค้าก็ไม่ค่อยเก็บภาษีอยู่แล้วไม่ใช่หรอ ว่าง่ายๆคือขายของไม่ชนกัน ขายของที่มันขาดแคลน มันก็แทบจะปลอดภาษีอยู่แล้ว

ห้ะ

ป้ายที่มันชูตอนแถลงมันก็ใช้คำว่า tariff charged to the USA ไม่ใช่หรอ

ประเด็นนี้เค้าคุยกันไปเเล้วตั้งเเต่วันเเรกๆเเล้ว ทรัมป์มันตอเเหลว่าเราเก็บภาษีมันเเพง เมกาเลยต้องเก็บเเพงตอบโต้กลับ จริงๆเราเก็บไม่เยอะ อีกเรื่องที่มันไม่พูดคือดุลการค้าในภาคบริการที่เมกามีรายได้มหาศาล
สรุปสั้นๆอย่าไปเชื่อที่มันพูดมาก

จากรูปที่ท่านยกมานี่ล่ะครับ
ตัวหนังสือเล็กๆก็บอกชัด ว่า"รวม......." ซึ่งวิธีการคิดก็อย่างที่ข้างบนว่าครับ

ในส่วนของความเป็นจริง อัตราภาษีของไทย ไม่มีอัตราพิเศษเฉพาะกับประเทศใดโดยที่ไม่มีข้อตกลงทางการค้า แม้จะเป็นประเทศจีน(เราไม่มีอัตราภาษีไทย-จีน) เป็นอัตราเดียวกันกับที่นำเข้าแบบธรรมดาจากทั่วโลกครับ
ตรงนี้เป็นจุดบอด ที่อเมริกาไม่ได้ทำFree Trade Agreement(FTA)กับกลุ่มประเทศโซนนี้ การนำเข้ามาประเทศไทยเลยเป็นอัตราภาษีปรกติ(อัตราเดียวกับจีน ญี่ปุ่น เกาหลี และทั่วโลกในกรณีนำเข้าปรกติ)

ที่สำคัญคือ เนื่องจากสินค้าอเมริกานำเข้ามาไทยน้อยกว่าเราขายไปมาก เลยไม่มีอัตราภาษีทุ่มตลาด(Anti-Dumping)กีดกันด้วย นั่นแปลว่าTrade Barrierที่ยกมาคือเรื่องอื่นที่ไม่ใช่อัตราภาษีครับ

ในส่วนของCurrencyที่ยกมาอ้างก็มั่วสนิท เพราะเกือบ100%ที่เราทำธุรกิจกับอเมริกา เราซื้อ-ขายกันในราคาUSD นั่นแปลว่าต่อให้ค่าเงินจะผันผวนขนาดไทย อเมริกาไม่มีผลกระทบเลย ยังสามารถซื้อได้ตามราคาที่สั่ง(xxxUSD) หรือขายแล้วรับเงินตามราคาที่ตกลง(xxxUSD) และคนที่จะกำไร/ขาดทุนมากขึ้นคือคู่ค้าที่รับผิดชอบตรงนั่นครับ (ค่าเงินมากขึ้น=ได้เงินมากขึ้นตอนแลกกับธนาคารไทย ค่าเงินลด=ได้เงินน้อยลงจากราคาขายเดิม)

พึ่งรู้ว่าคนโดนทรัมป์หลอกเยอะ

เม้นในเฟสข่าวนี่เพียบเลย ต้องยอมซอฟเพาเวอร์เมกาจริงๆ พูดไรคนก็เชื่อหมด