ชายบ้านเรา บางกลุ่ม โดยเฉพาะรุ่นก่อนๆ ยังยึดติดความ macho แบบแปลกๆ ค่อนข้างจะดูถูกอะไรที่ทำให้ภาพพจน์ตัวเองดูอ่อนแอ อารมณ์แบบ ช่างเชื่อมไม่ใส่หน้ากาก เพราะดูขี้กลัว อ่อน ไรงั้น

ฉะนั้น กับการใช้นักจิตวิทยา มายด์เซ็ตทีมงานบอลไทย ซึ่งน่าจะมีชายรุ่นก่อนๆเยอะ ก็คงไม่ต่างกัน ส่วนคนรุ่นใหม่ในทีมงาน อาจจะมีไม่เห็นด้วย แต่คงไฟท์มากไม่ได้ ตามสไตล์บ้านเรา ได้แต่เก็บความในใจไว้ล้อมวงนินทา

กลับกัน ประเทศอังกฤษ ที่ดูอนุรักษ์นิยม ดูจะ macho และ white supremacist มาก กลับใช้นักจิตวิทยาเข้าช่วยในการกีฬาตั้งแต่ต้นๆ 2000 หนึ่งในคนที่เริ่มใช้คือคนรุ่นเก่าอย่าง เซอร์ เดฟ แห่งอินิออส ตอนทำทีมจักรยาน หรือแม้แต่คนที่ดูอีโก้จัดแบบรอนนี่ แฟนสนุ้กทราบกันดีว่าใช้บริการนักจิตวิทยาอย่าง สตีฟ ปีเตอร์ส มานานแล้ว ทีมชาติอังกฤษของเซอร์เซาธ์เกต ก็ใช้บริการ ปีเตอร์ส มาตลอดเช่นกัน

กลับมาที่เรา บอลบ้านเราดูไม่ค่อยเปิดกว้างกับเรื่องนี้อย่างที่คุณว่าจริงๆ และผมขอแถมว่า นอกจากไม่ค่อยเปิดรับอะไรใหม่ๆ เราไม่ค่อยเปิดรับคนรุ่นใหม่ด้วย ผมเห็นทุกวันนี้ในโซเชียลโค้ชโปรไลเซนส์ยังโดนดูหมิ่นอยู่เนืองๆ ทั้งที่ไม่มีงานที่เหมาะสมให้เขาทำ หรือย้อนไปซัลบา ฆูเลี่ยน ก็โดนดูหมิ่นว่าเป็นครูพละ ตอนนี้ซัลบาคุมฮัวเรซเด็กนำจ่าฝูง ส่วนฆูเลี่ยนเคยคุมทีม j3 ผลงานดีอยู่เป็นปี

ผมก็ไม่รู้คนฟุตบอลบ้านเรามันเก่งมาจากไหน โลกทัศน์คับแคบ แถมชอบดูหมิ่นคนอื่น ชอบคิดว่าตัวเองเก่งกันเหลือกัน สุดท้ายกรรมก็ตกกับเด็ก เหมือน u17 ชุดนี้