โปรดอภิปราย

ปล. วอนท่าน Tpk เข้าร่วมการอภิปรายด้วย

เข้าใจว่าส่งออกจะสาหัสกว่าข้าวของในประเทศไทยนะ

สินค้าทุกอย่างที่ส่งไปขายอเมริกา จะแพงขึ้นทันที


สินค้าไทย ราคา 100 บาท

ถ้า ภาษีเดิม 10% ก็ราคาขายให้คนอเมริกันบ้านๆ 110%




แต่เรตใหม่ 37% ชาวอเมริกัน จะต้องจ่าย 137 บาท




คนที่เป็นศพแรก ตอนนี้ คือร้านอาหารไทยในอเมริกา ที่ต้นทุนสูงขึ้นทันที

ของที่ประเทศไทยส่งออก จะไปแพงที่ สหรัฐฯ
พอของแพงขึ้น การบริโภคก็น้อยลง พอบริโภคน้อยลง ส่งออกก็น้อยลงตาม
ทีนี้การจัดเก็บภาษีส่งออกก็น้อยลงตามไปอีก

เศรษฐกิจไทยน่าจะชะลอตัว เพราะเราพึ่งพาการส่งออกเยอะ

ยกเว้นเราจะหาตลาดใหม่ๆที่แทนสหรัฐได้ซึ่งก็ยากเพราะต้องแย่งกันตัดราคากับเพื่อนบ้านอีก

ส่งออกลำบาก ขายของได้น้อยลง

ขายได้น้อย เงินเข้าประเทศได้น้อย gdp ติดลบ ต่างชาติไม่อยากมาลงทุน

รัฐบาลมีงบประมาณน้อยลง ลดรายจ่าย

รายได้คนในประเทศลดลง ก็ลดการใช้จ่าย ของขายไม่ได้ โรงงาน แม่ค้า ห้าง ลดพนักงานลง


สรุป ของน่าจะแพงขึ้นหมด เพราะคนไม่มีเงินเยอะขึ้น ยกเว้นของที่นำเข้าจากประเทศที่โดนภาษีสหรัฐหนักๆ เช่น จีน เวียดนาม จะราคาถูกลง ส่วนคนได้ประโยชน์ ไม่น่ามี มีแต่คนเจ็บกันหมดทั่วโลก ใครทนไม่ไหวก็ไปเจรจายอมแพ้ก่อน

ไม่พิมพ์ยาวละกัน คือคนเขาถกกันไปตั้งแต่วันพฤหัส-ศุกร์แล้วมั้ง

การตั้ง Tariff (กำแพงภาษี) = ฝั่งเมกาจ่ายไม่ใช่เราจ่ายเมกา ฉะนั้นนำเข้ามาหาเราเนี่ยจ่ายเท่าเดิม ยกเว้นเราจะโต้ตอบแบบจีนคือตั้งกำแพงภาษีสู้

แต่ส่งออกไปหาเขาเนี่ย คนเมกาจ่ายเพิ่มขึ้น ฉะนั้นระยะสั้นเลยคือขายให้เมกาได้น้อยลงฉับพลัน คนในเมกาจ่ายแพงขึ้น ถ้าเป็นของที่สามารถหาทดแทนได้จากประเทศอื่น(ที่โดน Tariff ต่ำกว่า)ของเราก็คงน้อยลงระยะยาว
แต่ถ้าหาทดแทนได้ยากหรือไม่คุ้มจะทดแทน demand ก็จะไม่ค่อยลดมากเท่าที่ควร

ถามแค่เรื่องแพงขึ้นผมก็ตอบแค่เรื่องแพงขึ้นนะ ถ้าจะถกเรื่องขาดดุลเกินดุลไปบาลานซ์กับจีน ผมว่ากระทู้เมื่อวันพฤหัส-ศุกร์ที่ผ่านมาถามกัน 10 กว่ากระทู้ น่าจะถกกันแทบทุกอย่างละ

ของในอเมริกาที่ต้องนำเข้าจะแพงขึ้น

อีกมุมนึง ของจากไทยที่ส่งไปอเมริกาน่าจะมียอดส่งออกลดลง แล้วถ้ามีของค้างสต๊อคในไทยเยอะๆ อาจะทำให้ราคาสินค้านั้นๆในไทยลดราคาลงมา(ในระยะสั้น)จนกว่าจะระบายสต๊อคกลับสู่ภาวะปกติ

แต่ระยะยาว บ.ผู้ผลิตและส่งออก จะรายได้ลดเพราะตลาดหดตัว ขายสินค้าได้น้อยลง GDP ไทยจะหดตัวตาม ภาพรวมเศรษฐกิจไทยก็จะแย่ลงไปอีก

มันคือนรกของประเทศที่รับจ้างผลิตแบบไทย เขามาตั้งโรงงานในไทยเพราะค่าแรงถูกแล้วส่งกลับไปขายเมกา ถ้าโดนขึ้นภาษีนำเข้าคนเมกาก็ต้องจ่ายแพงขึ้นกว่าเดิมเยอะ

5 อันดับส่งออก
1. เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 24.9% ด้วยมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
2. เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 11% ด้วยมูลค่ากว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
3. ผลิตภัณฑ์ยาง 10.6% ด้วยมูลค่ากว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
4. อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอต 5.8% ด้วยมูลค่ากว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
5. รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ด้วยมูลค่าเกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ส่วนสินค้าการเกษตร เราอาจจะส่งออกได้น้อยลงถ้าประเทศอื่นที่โดนภาษีน้อยกว่าเราเขาขายได้ถูกกว่า

แน่นอนว่าของที่ส่งออกไปขายคือจะแพงขึ้น แต่ส่วนที่เป็นหลักใหญ่ใจความคือโอกาสในการทำธุรกิจครับ
การเจรจาขายสินค้าแทบจะปิดตายไปเลย ในแง่ของการเสนอราคามันก็ต้องบวกตัวนี้เข้าไปในต้นทุนสินค้า
พอต้นทุนมากขึ้น การแข่งขันที่สินค้ามีต้นทุนสูง โอกาสปิดการขายก็แทบจะหายไปเลย เมื่อเทียบกับสินค้า
ที่มาจากประเทศที่ภาษีต่ำกว่า รวมไปถึงนโยบายของรัฐที่จะเป็นตัวสนับสนุน+ผลักดันเทคโนโลยีการผลิตอีก
ซึ่งบ้านเรา.............ไม่มีแม่มอะไรซัพพอร์ท sme เลย

ไอโฟน?

ไอโฟนแพงแบบกระทบชิ่งมากกว่าครับคือ

ราคาไอโฟนทั่วโลกอิงราคาเมกา -> ราคาเมกาต้องขึ้นเพราะภาษีนำเข้าการผลิตในจีน -> ราคาทั่วโลกแพงตาม

อันนี้คือตัวอย่างในอุดมคติของทรัมป์คุงว่าถ้าย้ายกลับไปผลิตในเมกาก็จะไม่โดนตรงนี้

ของ made in usa ที่ต้องใช้วัตถุดิบ+ชิ้นส่วนจากประเทศอื่น

ที่อเมริกาเจอเงินเฟ้อแน่นอน

ในไทยน่าจะเศรษฐกิจซึมกว่าเดิมมากกว่า เพราะกระทบส่งออก ส่วนที่จะแพงขึ้นน่าจะเป็นแบรนด์ worldwide ของอเมริกา ที่ต้นทุนในประเทศสูงขึ้นมาก คงต้องผลักภาระไปทั่วโลก

คิดแบบเร็วๆ ก็คือยอดขายบริษัทที่ส่งออกไป USA จะลดลงเยอะพอสมควร

แล้วเราส่งออกไปสหรัฐเยอะด้วยสิ 18% ของการส่งออกทั้งหมด

ภาษีอาจจะทำให้สัดส่วนนี้ลดลงเหลือ 13-15% ซึ่งเยอะมาก โดยเฉพาะบริษัทที่พึ่งพาสหรัฐเป็นหลัก

ยอดขายเค้าลด เค้าก็ลดกำลังผลิตลง หรือสั่งของในประเทศน้อยลง

พวกโรงงานเล็กๆ ที่ส่งต่อให้เจ้าใหญ่ ก็ได้รับอานิสงไปอีก

แล้วค่อยวนมาพวกร้านค้าเล็กๆ ที่รู้สึกว่าประชาชนเริ่มรัดเข็มขัด ใช้จ่ายน้อยลง

เกิด Recession อีกระดับหนึ่ง

ซึ่งส่วนตัวผมว่า มันจะรุนแรงและเห็นชัดมากกว่า Digital Wallet ที่ผ่านมาด้วยซ้ำ

จนกว่าจะหาทางเจรจา และมีมาตรการอื่นๆ ให้กลับมาเหลือ 25 > 20 > 15 ได้