1.ผมได้บอกให้มันรีบบึ่งไปส่งใบขอดูคะแนนทั้งสองภาคก่อน เผื่อเกิดความผิดพลาดมีใครกรอกผิดจะได้อุทธรณ์คำสั่งก่อนเลย

2.ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด พอได้ใบมาแล้ว ให้ลองติดต่อกลุ่มสรรหาดูว่าจะทำเรื่องขอดูเหตุผลของการให้ตกได้ไหม? ลองอาศัยอำนาจตาม พรบ.ข้อมูลข่าวสารราชการดู ถ้ามันบอกไม่ได้ ลองถามดูว่าคณะกรรมการวินิจฉัยเปิดเผยข้อมูลเขาจะรับไหม

3.เมื่อได้หนังสือชี้แจงเหตุผลมาถ้าไม่พอใจ หรือมันบอกให้ไม่ได้ พวกคณะบอกเปิดเผยไม่ได้ ผมแนะนำให้มันยื่นอุทธรณ์คำสั่งปกครองต่อหน่วยงานตามขั้นตอน ซึ่งตรงนี้ไม่ชัวร์ว่าต้องทางฝ่ายนั้นแจ้งสิทธิ์อุทธรณ์มาก่อนหรือเปล่า กำลังจะลองโทรไปถามพวกสายด่วนอัยการหรืออะไรทำนองนี้ดู (ถ้าใครทราบบอกรายละเอียดได้จะเป็นพระคุณมาก)

4.อุทธรณ์แล้วไม่เห็นด้วย หรือมันยังงี่เง่าปกปิดกันไม่เลิก ผมแนะนำให้ฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้น เพื่อให้กรมมันมีคำสั่งแก้ไขและยกเลิกประกาศ บวกกับคืนความเป็นธรรมให้แก่มัน ที่สำคัญอยากเห็นคนโดนสอบวินัยโว้ย

5.ดูว่าชนะไหม ถ้าชนะแล้วกรมนี่มันจะอุทธรณ์ไปสูงสูดหรือเปล่า ถ้าไปก็สู้ยาวๆ เอาให้มันกลายเป็นฏีกาในวารสารศาลปกครองอีกคดี  

1.ในการสัมครั้งนี้มีกรรมการทั้งหมด 20 คน แบ่งเป็น10 โต๊ะ โต๊ะละ 2 เพื่อนผมได้โต๊ะเลขคู่ (บอกแค่นี้พอ) มีกรรมการหนึ่งชายหนึ่งหญิง ลำดับเพื่อนผมคือคนแรกๆเลยครับ บนโต๊ะเซนต์ชื่อก่อนมันแค่สองคนเ่ท่านั้น มันคือคนที่สามของโต๊ะนี้

2.ระหว่างการสัมภาษณ์กรรมการหญิงยกธงแดงขึ้น เพื่อเรียกหาคนคุมสอบ แล้วก็คุยกระซิบกระซาก มันบอกได้ยินคร่าวๆว่าจะให้รองอธิบดีเข้ามาสัมที่โต๊ะเอง ตรงนี้ไม่ยืนยันเพราะมันได้ยินเขากระซิบอีกฝ่ายไม่ได้พูดโต้งๆ มีข้อความหลายส่วนที่จับใจความไม่ได้ ส่วนกรรมการผู้ชายนั่งงงๆเอ๋อๆไปแปปนึง เหมือนงงนี่มันเกิดอะไรขึ้น ครั้นเขาตั้งสติได้ก็ชวนเพื่อนผมคุยต่อ

3.คุยไปได้สักพักกรรมการหญิงเอาอีกแล้ว เรียกหาผู้คุมสอบคนเดิมแล้วก็กระซิบกระซาก คล้ายจะเรียกหารองอธิบดีอีกรอบ เพื่อนมันว่ามาประมาณนี้เพราะเสียงพูดเบากว่าตอนแรกมาก กรรมการชายก็เหมือนจะไม่สนใจอะไรแล้ว ปล่อยให้กรรมการหญิงคุยกับคนคุมสอบไป ส่วนเขาก็ตั้งหน้าตั้งตาสัมภาษณ์เพื่อนผมตามหน้าที่ต่อ

4.จู่ๆมีการเปลี่ยนวิธีเรียกผู้เข้าสอบกลางคัน ผู้หญิงอยู่ๆก็เรียกแทนตัวเองว่าพี่ แล้วก็เรียกเพื่อนผมว่าน้อง ส่วนผู้ชายเรียกเพื่อนผมว่าพี่แทน ทำไมหนอจู่ๆก็มานับญาติกันอย่างกระทันหัน...ทั้งที่ตอนแรกก็ยังตุณใส่กันไปมาอยู่เลย

5.ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะครับ ผมฟังครั้งแรกยังตกใจนี่WTH กรรมการหญิงหันไปถามกรรมการชายว่าคำถามนี้ถามไปหรือยังนะ แล้วก็หันกลับมาถามคำถามซ้ำกับคำถามเดิมที่ตัวเองเคยถามเพื่อนผมไปในตอนแรก ฮัลโลเจ๊!! สมาธิอยู่ไหน? คุณใช้ดุลยพินิจอย่างเต็มที่ในฐานะกรรมการสัมแล้วแน่นะ? ชิลๆอย่างงี้แล้วเอาอะไรปัดตกเพื่อนผมเนี่ยนะ? มิติใหม่แห่งการสัมภาษณ์งานหรือเปล่า? ยึดจากทฤษฏีจิตวิทยาจากปรมจารย์ท่านใดกัน?

6.โต๊ะสัมภาษณ์อื่น ณ เวลาขณะนั้นไม่มีอะไรผิดปกติเลย (อย่างน้อยจากสายตาที่มองเห็นก็ 4โต๊ะรอบด้าน ยกเว้นโต๊ะหลังที่เพื่อนผมเหลี่ยวมองไม่ได้) พวกเขาก็สัมกันตามปกติมีแต่โต๊ะเพื่อนผม คิวเพื่อนผมนี่ล่ะ มันคืออะไรกันหนอ? ใบสั่งหรือเปล่า? ไอ่เพื่อนผมไม่มีหลักฐานไม่อยากจะคาดเดา

ตรงนี้เราจะเห็นว่ากรรมการหญิงไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะกรรมการสัมเลยนี่หว่า เดี่ยวเรียกคุยแถมไม่ได้ให้คนสัมหยุดด้วย ไม่ชี้แจ้งอะไรแล้วเลี้ยวกลับมาถามคำถามเดิมที่ตัวเองเคยถามไปแล้ว ยังมีหน้าหันไปถามกรรมการอีกคนอีกว่าถามไปหรือยัง? ปรบมือสิครับรออะไร โปร่งใสขนาดนี้จะไปมีทุจริตได้ยังไง

สรุปคือ ผู้ต้องสงสัยจากเรื่องเล่านี้ ผมว่ามี 4 ตัวละคร
1.คนคุมสอบที่ถูกกรรมการหญิงเรียกมาคุย กระซิบอะไรกันหนอ?
2.กรรมการชาย คนๆนี้ดูเหมือนไม่รู้อะไร แต่เราก็ไม่รู้ว่าเขาแกล้งไม่รู้หรือเปล่า
3.กรรมการหญิง เจ๊Mungพิรุธสุดละ
4.รองอธิบดีที่Windwalkอยู่ ไม่ยอมโผล่มาที่โต๊ะแต่ถูกกรรมการหญิงเรียกหาผ่านผู้คุมสอบอีกที...

ผมพูดคุยกันทีเล่นทีจริงหลังฟังจบว่า สงสัยจะโดนล็อคเป้า แล้วมือสังหารก็เรียกทหารมายืนยันคำสั่งกำจัดเป้าหมาย ถึงสองครั้งก่อนตัดสินใจลั่นไก โป้ง!! ตกไปซะ

ส่วนเรื่องจริงนั้นจะเป็นอย่างไร ไม่มีใครรู้ได้นอกจากพวกเขาสี่คนนั่นแหล่ะ แต่คุณคิดว่ามันไม่แปลกไปหน่อยหรือไงพฤติการณ์เช่นนี้ แถมคนที่ตกมันก็ดันเป็นเพื่อนผมที่ประสบเหตุการณ์นั้นๆโดยตรง ถ้าเพื่อนผมไม่ตกสัมแต่ได้ขึ้นบัญชีมันจะไม่ซีเรียสอะไรเลย คงคิดว่าแค่มาเจอการสอบสัมห่วยๆเท่านั้น

ข้อแถม อันนี้คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกันแต่ใส่ไว้สักหน่อยเพิื่อเป็นข้อมูลเฉยๆ คนได้อันดับที่1คือพนักงานราชการนิติกรของกรมนี้ครับ

ลักษณะการสัมภาษณ์มันบอกชวนคุยเรื่อยเปื่อยเลยล่ะ ถามเรื่องจิปาถ ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร หรือสาระสำคัญเช่นการตั้งคำถามเชิงวิชาการ หรือทดสอบความรู้ด้านกฏหมาย หรือแม้แต่ทักษะด้านภาษาเลย แค่ถามแล้วก็อืมเหมือนไม่สนอะไร บอกยังไงก็เชื่อยังงั้นมั้ง?

แล้วเพื่อนผมมันไม่ใช่คนคุยโม้หรือสตอในสิ่งที่มันไม่ได้เป็น แบบที่ขยันแนะนำกันบนต๊อกๆหรือแอปแดงวิธีสอบสัมราชการทั้งหลายแหล่ ถึงมันจะเวิ่นๆตามประสาพวกติสๆก็เถอะ

ทั้งที่ภาษามันดีกว่าหลายคนที่จบนอก แต่มันยังถ่อมตนบอกเขาว่าพอใช้ พูดตรงๆว่าทำอะไรได้บ้างมันก็บอกไปตามนั้น ปัญหาคือไม่มีใครคิดที่จะทดสอบความสามารถมันเลยนี่สิ ยิ่งมาเจอผลลัพธ์แบบนี้อีกมันคิดหนักเลย แฟลชแบคตอนสัมภาษณ์ย้อนเป็นฉากๆว่ามีอะไรบ้าง

คิดเอาไม่เจอไม่เที่ยวกันมาเกือบปี จู่ๆมันก็โทรหาผมเลย คงแค้นจัดหาที่ปรึกษากฏหมาย

ข้อมูลเสริม บัญชีนิติกรคราวที่แล้วของกรมนี้ ผ่านข.X6 ขึ้นบัญชี X5 (X = ตัวเลขเดียวกัน) หายไปหนึ่งซึ่งไม่รู้วาเขาไม่มาหรือเปล่า? เรียกบรรจุหมดบัญชีภายในสองปี  

1.มันทำงานสายอาร์ทเลี้ยงชีพมาตลอดตั้งแต่เรียนจบ เรียกว่างานประจำไม่เคยแตะ งานมันมี
เขียนนิยาย,เขียนคอลัมภ์ให้พวกนิตยสาร งานนิยายขายได้เรื่อยๆตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว รายได้มันก็ทรงๆคือพออยู๋ได้ระดับ30-40kเฉลี่ยๆไม่เท่ากันสักเดือน ทั้งในไทยและเทศ ภาษาอังกฤษมันจึงระดับเดียวกับนักแปล เป็นพวกรุ่นบุกเบิกEbookในไทยเลย

2.งานรองวาดรูปรับคอมมิชชั่น,รับสอนวาดรูปลูกศิษย์เพียบจนมันต้องเลิกไม่มีเวลาไปเขียนหนังสือขาย

3.มันอยู่กับพ่อแม่ ก็ไม่ได้เดือดร้อนเงินทองอะไร พ่อแม่มันก็ข้าราชการบำนาญทั้งคู๋ แม่มันเพื่อนสนิทแม่ผมอยู่กรมเดียวกัน เคยเป็นหัวหน้าฝึกอบรบ ส่วนพ่อมันเสียไปแลว้เคยเป็นหัวหน้าช่างรังวัดประจำจังหวัดนึง กรมเดียวกันอีกนั่นแหล่ะ

4.มันเป็นคนชิลๆ พวกอินดี้ไม่สนสังคมเท่าไหร่ จะบอกอินโทรเวิร์ทก็ไม่ใช่มันติสเฉยๆ แฟนก็ไม่หาเมียก็ไม่อยากมี หิวซื้อกินอย่างเดียว เป็นคนตัวสูงใหญ่นะสมัยก่อนเล่มกล้ามกับมันประจำ หุ่นตอนนี้หมีมากๆ บุคลิกน่าเกรงขามเลยล่ะเวลามันแต่งสูทเนี่ย นึกว่าบอดี้การ์ดทรัมป์ตัวบึ้กเลย

5.นิสัยมันจะติสต์ๆ ขี้เล่นหน่อยๆ บางทีก็พูดมากบ้างพูดน้อยบ้างเดาใจมันยาก ตอนจริงจังมันคือลุคที่ดีที่สุดของมันละแต่มันไม่ชอบทำ เป็นคนบ้าความยุติธรรม ตรงเผง ขนาดลองให้มันเจ้าเล่ห์แผนมันยังโครตมีหลักการและตึงเปร๊ยะ เป็นพวกขาลุยด้วย คู่หูต่อยตีผมสมัยมัธยมเลย

6.นามสกุลใหญ่ในแวดวงตราสิงห์ นี่อาจเป็นเหตุผลที่มันไม่เลือกสอบหน่วยงานในตราสิงห์ด้วยล่ะมั้ง? เห็นเปิดอยู่หลายที่

มันเรียนจบนิติ เกรดก็ห่วยๆแต่มันเป็นคนหัวดีใช้ได้อย่าให้มันฮึดขึ้นมา เคยโชว์ชนะพนันทำเกรดAรวดตบปากเพื่อนในกลุ่มมาแล้วเทอมนึงจากตอนแรกไม่เอาอะไรเลย เคยมีอีกทีมันไม่มาเรียนเน หนังสือบรรยายก็ไม่ซื้อแต่ดันผ่านสองขาเทอมนั้นหน้าตาเฉย แล้วมันก็เลิกเรียนไปแบบงงๆ ไปสอบตั๋วมันก็สอบแค่ภาคทฤษฏี สอบปฏิบัติมันก็ไม่มา

โคตรติสต์ แต่เป็นพวกพูดจารู้เรื่องนะอาจจะเวิ่นหน่อยๆ สำหรับผมมันคือเพื่อนตาย

เคยได้ยินมันบ่นครั้งหนึ่งตอนเมาว่าหมดศรัทธางานกฏหมายเลยไม่อยากยุ่ง

เหตุผลที่มันไปสอบตำแหน่งนี้เพราะมันว่าจะพักไม่ทำพวกงานอาร์ทเป็นหลักละ ก็คนมันติสท์ไม่รู้มันคิดอะไร แต่คงเบื่อๆล่ะมั้ง สุดหยั่งถึงความคิดมันติสต์เกิน หรืองานมันเยอะจนไม่ต้องทำอะไรใหม่เงินก็ไหลเรื่อยๆแล้วก็ไม่รู้

ส่วนอันนี้แถม ไม่รู้มันโม้หรือพูดจริงหรือเปล่า? อ่านหนังสือ 2 อาทิตย์ผ่านสบาย เออแล้วมันก็ผ่านแต่ดันมาติดตรงภาค ค. ผมเลยเล่าเรื่องแฟนให้มันฟังว่าโดนมาเหมือนกันเมื่อต้นปี ทีนี้ล่ะไฟลุกกว่าเดิม  

ปล.เรื่องนี้ผมจะนำมาอัพเดทโดยการตั้งกระทู้ใหม่เป็นระยะๆแล้วแนบลิงค์เดิม เพื่อให้พี่น้อง SS ที่เข้ามาสรรเสริญเรื่องความโปร่งใสและให้คำแนะนำได้สำราญใจ ร่วมเป็นสกขีพยานทวงความเป็นธรรมกันสักครั้ง มาดูกันว่าเรื่องนี้จะจบลงที่ตรงไหน ต่อให้เพื่อนมันจะใจฝ่อไปก่อนผมก็จะเข้ามาสรุปเรื่องอีกทีอย่างเหงาๆ

ปล2.ใบ้เพิ่ม นี่คือกรมที่พวกเราชาว SS รักครับ เคยมีกระแสโดนถล่มยับหมาก่อนหน้าสตง.ไม่นาน ใครสังกัดกรมนี้แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมสังฆกรรมในความมีพิรุธดังกล่าวด้วย ผมขอโทษด้วยนะที่นำเรื่องฉาวมาเล่าสู่กันฟัง ผมไม่ได้มีเจตนาให้คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องต้องมานั่งกุมขมับเลย

ปล3.ใครอ่านแล้วเชื่อไม่ลงก็ขอให้คิดว่าอ่านนิทานก็แล้วกันครับ เชิญเพลิดเพลินไปกับนิทานในกะลาแลนด์แดนสนธยา ที่เต็มไปด้วยความโปร่งใสทุกหย่อมหญ้า อ่า..นี่มันทุ่งลาเวนเดอร์ใต้บ่อโคลนนี่หว่า