ต้องแยกกัน
บางส่วนผิดครับ เพราะ tariff มันคิดฝั่งนำเข้า ถ้า USA ตั้ง tariff ไทย สินค้าที่มาจากไทยจะถูกเก็บเงินเพิ่มตอนนำเข้าแผ่นดินอเมริกา ซึ่งถ้าผู้นำเข้ามาขายไม่ยอม absorb tariff เอง ก็ต้องไปบวกราคาปลายทางทำให้คนอเมริกันต้องจ่ายแพงขึ้นครับ จะกระทบไทยก็คือของราคาแพงขึ้นคนซื้อลดลง ทำให้ส่งออกน้อยลง

บางส่วนถูกตรงที่ถ้าราคาอาหารขึ้น%เท่ากัน คนไทยจะจ่ายมากกว่าในอัตราส่วนค่าแรงขั้นต่ำ

ข้าวกระเพราไม่น่าเกี่ยสกับ usa เลยมั้งนั่น

ถ้าเบอเกอร์ว่าไปครับ สินค้าพวก technology ขึ้นแน่ และทุกแบรนด์ขึ้นตามแน่ๆ เตรียมเลยพวกเราซื้อไม่มีกล่องอะไรเลย มาแน่ๆ

ทางตรงไม่ แต่ทางอ้อมต้องไปดูรายละเอียดอีกที

เมกาขึ้นภาษีเราก็เหมือนที่เราตั้งภาษ๊รถนำเข้า 300% มีแค่คนไทยที่จะซื้อรถนำเข้าเท่านั้นที่จ่ายแพง 300% ต้นทางเค้าก็ราคาเดิม

เอาแบบเกี่ยวกับกระเพราแบบทางอ้อมละกัน เช่นโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ พอโดนภาษีสูงขึ้น ทำให้บ.ที่อเมริกาไปซื้อของจากประเทศอื่นที่ราคารวมถูกกว่า โรงงานนี้ก็จะไม่มีออร์เดอร์ เกิดการเลิกจ้างงาน ไม่มีเงินซื้อข้าวกระเพราะกิน

ไทยส่งออกไปสหรัฐ ปีละ 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

เจอ tariff เขาก็บวกราคาสินค้าขึ้นให้มัน match กัน กับ tariff ชาวเมกาก็จะซื้อของแพงขึ้น แต่ผลพลอยได้ราคามันก็จะเข้าใกล้ made in america มากขึ้น ทำให้มีเกิดโรงงานในเมกามากขึ้น มีการจ้างงานมากขึ้น ราคาก็จะลดลงมา

กระเพราไข่ดาวเดี๋ยวนี้70แล้วครับ

ร้านอาหารไทยที่อเมริกาได้รับผลเยอะครับ

ค่าอาหารแบบในรูปผมว่ายังเทียบผิดเลยครับ เอากะเพรา+ไข่ดาว 60 บาทที่หาได้ทั่วไป(จะหาของกินอื่นที่ถูกกว่านี้ก็มีเยอะแยะหรือแม้แต่กะเพราะ+ไข่ดาวเองที่ราคาถูกกว่านี้แล้วหาได้ทั่วไปก็ยังมีอีกเยอะ) ไปเทียบกับของที่ราคาถูกสุดๆของอเมริกา แถมไม่ได้หาซื้อได้ทุกที่ด้วย(มั่นใจว่าไม่ใช่จะหาซื้อของกินแบบในรูปในราคา 5 ดอลได้แน่ๆอ่ะ อย่างแมคที่ว่าถูกสุดๆของอเมริกา จะเอาแค่แซนวิสในรูปอย่างเดียวก็ 5 ดอลแล้วมั้ง ถ้า + อีก 2 อย่างไปยังไงก็เกิน 10 ดอล) ในรูปมันน่าจะเช็ตแบบโปรโมชั่นหรืออะไรพิเศษสักอย่างที่ไม่ได้หากินได้ตลอดเวลา เพื่อให้เห็นว่าค่าอาหารเทียบกับค่าแรงต่างกันมาก มันก็แปลกๆนะท่าน

อย่างถ้าผมทำแบบในรูปมาเทียบเอง ผมเอาข้าวเหนียวหมูย่าง/ข้าวเหนียวไก่ทอด ราคา 30 บาทมาคิดแทน(อันนี้ก็ยังหากินได้ทั่วไปเหมือนกันนะ) ถ้าจะเอาแบบถูกๆหายากแบบที่ท่านยกของฝั่งอเมริกามา ผมว่าหาข้าวกล่องราคา 20 บาทมาก็ยังได้ เท่ากับ 5 % ของค่าแรงขั้นต่ำ

ส่วนฝั่งอเมริกาก็เอาของแมคทั่วไปนี้แหละแบบแซนวิส+น้ำ ราคาที่หาได้ทั่วไปจริงๆผมว่าสัก 10 ดอล % ก็มากกว่าของไทยแล้ว

เทียบอาหารต่อค่าแรงนี้เอาตามหลักความจริงเลย ผมว่าไทยเรายังไงก็ดีกว่าอเมริกาแน่ๆอ่ะครับ ของอเมริกาก็เทียบกับแค่พวกแซนวิส เบอร์เกอร์จากแมคแค่นั้นเลยที่ถือว่าเป็นอาหารทั่วไป ถูกๆของเขาแล้ว ของเรานี้ยกมาเทียบได้เยอะแยะเต็มไปหมด

เเต่พวก sme ที่นำเข้าในอเมริกาจะตายก่อนนะครับ ตายเรียบเลย

เเถมไปตั้งโรงงานในอเมริกาต้นทุนก็โคตรสูงโดยเฉพาะค่าเเรง ราคามันจะลดลงได้ยังไง
รายได้เท่าเดิมเเต่รายจ่ายมากขึ้น เมื่อจ่ายไม่ไหวกำลังซื้อก็หดตัว ส่งผลต่อระบบเศษฐกิจอีก

ตั้งใหม่มันจะแพงครับ แต่ถ้าอยู่ไปพอซัพพลายเชนมันเข้าที่ก็จะถูกลงเพราะจำนวน unit ที่ทำได้ต่อ time มันดีขึ้น เรื่องเบสิกเลยครับ

แต่ราคามันก็ไม่ได้ถูกระดับจีน เวียดนามไรแบบนั้น แต่ราคาสินค้าจีน+tariff มันก็พอจะทำสินค้าเมกามาสู้ได้

นั่นเเหละครับปัญหา ราคาที่สู้พวกจีนไม่ได้ สุดท้ายเเล้วคนเมกาก็ต้องจ่ายเเพงอยู่ดี

รายได้เท่าเดิมเเต่รายจ่ายมากขึ้น คนเมกาจะทนได้เท่าไหร่ในสภาวะเเบบนี้ ยิ่งกับคนรากหญ้าด้วย งบ Medicaid ก็โดนตัดอีก อย่าลืมว่าเลือกตั้งกลางเทอมอีก 2 ปี ถ้าทรัมป์ดันเเพ้ จะไปต่อก็ลำบากล่ะ กว่าจะตั้งโรงงานก็ต้องใช้เวลาอีก เเละเเทบเป็นไปไม่ได้เลยที่อเมริกาจะกลับมาผลิตชิ้นส่วนเองทั้งหมด

ทรัมไม่ได้สู้เพื่อให้ของในเมกาถูกกว่าปัจจุบันไงครับ ถ้าแบบนั่นแพ้แน่ๆ ใน tradewar ใครจะไปสู้จีนได้ค่าแรงก็คนละเรื่องละ

ทรัมอยากให้พวกบริษัทต่างๆ โดยเฉพาะโรงงาน tech อิเล็กทรอนิกต่างๆ กลับมาเปิดโรงงานในเมกา(tsmc?) เพราะภายในเมกาไม่ต้องเสีย tariff และเมกาก็เป็นตลาดใหญ่เหมือนกัน พอถึงตอนนั้นทีว่าเมกาผลิตอะไรได้ไม่ได้ก็มาดูกันอีกทีว่าเมกาทำอะไรได้บ้าง ส่วนนโยบายมันเปลี่ยนชั่วข้ามคืนได้อยู่ละกลับไปกลับมา

ทรัมป์จะทำ made in america เเต่คนในประเทศจะไหวรึเปล่าที่จะต้องจ่ายเเพงกว่าเดิมในปัจจุบัน เพราะขนาดตอนเลือกตั้งนโยบายที่ประชาชนต้องการยังเป็นให้ลดค่าครองชีพ สุดท้ายมันก็ต้องวนกลับไปเรื่องราคาเรื่องต้นทุนอยู่ดีไม่ใช่หรอครับ เพราะตอนย้ายไปก็เพราะเรื่องนี้ที่มันถูกกว่า ในขณะที่ทรัมป์อยู่ได้เเค่ 4 ปี
นโยบายมันเปลี่ยนชั่วข้ามคืนได้ เเต่ทางขั้นตอนการดำเนินการปฏิบัติมันลำบาก เเละต้องใช้เวลา เเถมจะส่งผลกระทบตามมาอีก