พ่อเป็นพุทธ แม่เป็นมุสลิม พ่อเข้าอิสลามแล้วนิกะห์(แต่งงาน)กับแม่ ลูกเกิดมาเป็นมุสลิม

พ่อเลิกกับแม่ พ่อกลับไปนับถือพุทธ แต่พ่อยังส่งเสียค่าเลี้ยงดู พูดคุย และพบลูกปกติเหมือนเดิม

ลูกซึ่งเป็นมุสลิม หลังจากพ่อเลิกกับแม่ได้พักใหญ่ ก็เริ่มไม่ละหมาด และสุดท้ายไม่ละหมาดอีกเลย เข้าวัดไหว้พระทำบุญ เวลาอยู่นอกบ้านก็กินหมูดื่มเหล้าเบียร์เป็นประจำ กลับบ้านก็ทำตัวปกติ โดยที่แม่ไม่รู้

ล่าสุดเมื่อวันก่อน ไปไหว้เชงเม้งกับพ่อที่สุสาน แต่แม่ไม่รู้ แม่คิดว่าไปทำงาน และเมื่อวานวันรายอ ก็ไปบ้านคุณตากับแม่ ไปละหมาดกับคุณตา

ถาทว่าแบบนี้ตกศาสนาแล้วไหมครับ

ตกครับ กราบไหว้สิ่งอื่น

โดยหลักการแล้วมุสลิม ไม่กล่าวหาใครว่าชิริก


การตัดสินว่าใครตก/ไม่ตก ศาสนาเป็นเรื่องของพระเจ้า



ส่วนตัวผมนะ ความเป็นมุสลิมเริ่มต้นที่เชื่อในพระเจ้า ตามหลักปฏบัติข้อแรก การปฎิญาณตน

ส่วนการปฏิบัติอื่น ละหมาด ถือศีลอด จ่ายซะการ ทำฮัจย์ เป็นเรื่องที่ตามมา
ซึ่งรวมถึงข้อปฏิบัติอื่น ๆ ด้วย



ตกศาสนามั้ย ม้นขึ้นอยู่กับตัวเค้าว่ายังเชื่อในพระเจ้า เชื่อในอิสลามอยู่หรือเปล่า ซึ่งไม่มีใครตอบแทนเจ้าตัวได้

ทำตามที่ชอบครับ ศาสนาบางอย่างมันไม่อัพแพทมาหลายพันปีแล้ว

ถ้าใจยังนับถือก็ไม่น่าจะตกครับ

แบบนี้เป็นมุสลิมโดยกำเนิด แต่ตัวเขาอาจจะไม่ได้นับถืออิสลาม แค่ปฎิบัติให้แม่สบายใจมั้ง
ถ้าสมมติ​เป็นแบบนั้นจะตกไม่ตก เขาคงไม่กังวล

แต่สมมติ​วันนึงเขาหาที่พึ่งทางใจแล้วกลับมาศึกษาศาสนาจริงจังก็อาจจะศรัทธาขึ้นมาแบบบังโตก็ได้
หรือจะไปทางพุทธทางอื่นแทน ก็เป็นไปได้หมด

แต่จากที่เห็นเพื่อน 2คนออกแล้วก็ออกเลย ไม่กลับมา

คนที่ทำงานเป็นมุสลิมกินหมูกรอบ อีกคนก็ไม่ได้ถือศีลอด (วันนี้วันออกศีลอด จัดกันเต็มมาก ลาบปากเบย)

อยากรู้จริงๆ คงต้องถามเจ้าตัวว่ายังเชื่อในอิสลามอยู่ไหม หรือไม่เชื่อแล้ว แต่ทำให้ที่บ้านเห็นเท่านั้น

ส่วนถ้าดูจากการกระทำ แยกตามสิ่งที่ทำจะสรุปได้ดังนี้

กินเหล้า หมู => หากเชื่อว่ามันคือบาป แต่ก้อยังกิน ถือว่าเป็นบาปใหญ่ ไม่ตกศาสนา

ไม่ละหมาด => เรื่องนี้มีหลายทรรศนะ บางคนก้อบอกไม่ตก บางคนก้อบอกตก ซึ่งท่านศาสดาเคยบอกว่า สิ่งที่แยกระหว่างมุสลิมกับไม่ใช่มุสลิม คือการละหมาด

ไหว้พระ กราบพระ => มองยังไงก้อตกศาสนา เพราะกราบไหว้และเชื่อสิ่งอื่น นอกจากพระเจ้า