ติดตามมาจนถึงล่าสุดในโซเชี่ยลแตกออกเป็น2ส่วน ฝ่ายค้านขี้โม้ไม่เห็นมีอะไรกับอุ๊งอิ๊งกลวงจัดตอบไรไม่ได้

นักวิชาการก็แตกเป็นสองเสียง ฝ่ายค้านเรื่องเก่าไร้หมัดเด็ดกับฝ่ายค้านทำได้ดี

คิดว่าผลงานฝ่ายค้านกับอุ๊งอิ๊งเป็นไงกันบ้างครับ

เจอจีนนี้เข้าไป ถ้ายังไม่โง่จนถึงขั้นบ้าน่าจะรู้สึกอะไรมั่งแหละ

มันหน้าด้าน ไม่เห็นหรอ แถไปเรื่อย สุดท้ายอาศัยพลังโหวตล็อบบี้จากฝั่งตัวเอง งูเห่าบ้างอะไรบ้าง
เป็นมานานแล้วนะแบบนี้ ไม่เห็นอะไรจริงๆหรอ

เค้าเรียก Cope Mechanism ครับหรือแปลไทยคือ ใจดีสู้เสือ นั่นแหละ

ถ้าเรายอมรับว่าเราแพ้เราก็แพ้แล้ว ถ้าเราไม่ยอมรับว่าแพ้เราก็ไม่มีวันแพ้ครับ mindset พวกนั้น ได้แต่ปลอบใจตัวเองไปวันๆ

คือแต่ละเรื่องมัน ห. สุดๆไปเลยนะครับ

คือ มันคงจะไม่มีเรื่อง แบบ ตั๋วช้าง หรือ สว ทรง เอ

แต่แค่ เลี่ยงภาษี, เอาพ่ออยู่เหนือกฎหมาย, ปล่อยเบลอเรื่องคอลเซ็นเตอร์ หรือ บริหารงานไม่เป็น

มันย่ำแย่มากนะ แค่มันไม่เผ็ดร้อน แบบ เรื่อง ดิว หรือ เรื่อง ผัวๆเมียๆ มีชู้ปะครับ

มันจะไปมีอะไรมากกว่าที่ทำอยู่ได้อีกในเมื่อทุกครั้งที่ผ่านมา 2 ยุครัฐบาลมันก็ลอยตัวแบบเดียวกันหมด มีกี้กี้มาคอยเกะกะเหมือนที่ประธานสภาพูดว่าประชาชนไม่ได้ต้องการเห็นการประท้วงต้องการเห็นการถามและตอบจากสองฝั่ง

ฝ่ายค้านทำหน้าที่อย่างโดดเดี่ยวอยู่พรรคเดียว การอภิปรายเหมือนเป็นพิธีการแค่นั้นคงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ประชาชนที่หวังให้มีการเปลี่ยนแปลงแทบจะสิ้นหวังกันเลย

ส่วนตัวว่าจืดไป ข้อมูลดีแต่มันสร้างกระแสไม่ได้ มันดันไปไวรัลเรื่อง กี๊กี๊ / ความโชว์โง่ของ ออ / ความอัปรีย์ของคนคุมประชุม

เอาจริงๆประเด็นวิโรจน์เนี่ยดีมากๆเลยนะ อาจจะไม่ผิดในเชิงกฎหมาย แต่มันสะเทือนอารมณ์ได้คล้ายกรณีหุ้นชินคอร์ป แต่เรื่องนี้มันตกไปเพราะคนไปโฟกัสประโยค กี๊กี๊ มากกว่า

ผมก็แอบผิดหวังเหมือนกันนะ อาจจะด้วยที่คาดหวังมากๆเพราะฟังโปรยหัวมาซะเยอะ
แต่กลับกลายเป็นที่ฝึกให้ นายก ไม่ตื่นสนามแล้ว จากตอนแรกที่กลัวสภา ถึงแม้ว่าคำตอบมันจะแย่แค่ไหน
แต่นั้นไม่ใช่เป้าหมายของพวกนี้แต่แรกอยู่แล้ว

แค่เราไม่ต้องทำอะไรเลยซะ แค่นี้พวกแม่งก็ไม่มีอะไรให้ตรวจสอบและจับผิดละ เป็นไงอัฉริยะป่ะ

ตอนลุงเป็น รัฐบาลพวก กี้กี้มันก็ออกมาด้อยค่าฝ่ายค้านแหละ มันเรื่องปกติ จิตวิทยาล้วนๆ

ผมงงกับตรรกะกูรูหรือนักวิชาการ ที่ว่าฝ่ายค้านไม่มีอะไรนะ

เพราะทุกอย่างที่อภิปรายมันเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งนั้น
- ที่ดิน
- แรงงาน
- ค้ามนุษย์
- ความยุติธรรมของคนเสื้อแดงที่ตาย
- เศรษฐกิจตกต่ำ และรมต. คลัง ออกมายอมรับเอง
- call center
- กลุ่มทุนใหญ่ ค่ายมือถือ

(ผมฟังอธิปรายแค่นี้นะ คงมีเรื่องอื่นอีก)

ถ้าเรื่องที่เขียนมา มันไม่มีอะไร ผมก็คงไม่รู้จะพิมพ์อะไรต่อ

ก็ขอให้เป็นแรงงานทาส ผลิตภาษีกันไปให้ชนชั้นนำกดขี่ และกีดกันทางความคิดกันต่อไปครับ

มีเรื่องภาษีที่เป็นเรื่องใหม่ นอกนั้นเป็นเรื่องเดิมๆที่เคยหลุดหรือเคยด่ากันมาแล้วเลยไม่ว้าว

ที่ว้าวสุดๆคือ ความสามารถในการตอบของนายกฯ attitude ชัดเจนเหมือนตอนไปแขวนชาวเน็ต

อภิปราย ไม่ไว้วางใจ สุดท้ายมันก็จบที่เสียงข้างมาก ซึ่งก็คือฝั่งจัดตั้งรัฐบาล ใครมันจะระเบิด ตัวเองตาย สุดท้าย ยังไงก็ต้องพึ่งพา หน่วยงานอิสระ จัดการแทน

เห็นสภาพออ.ตอบแล้ว ใครเลือกก็สมละที่เค้าเรียกค.แดง

เอาจริงๆมะ อภิปรายไม่ไว้วางใจอะในระบบประชาธิปไตยมันไม่เคยเวิร์คอยู่แล้ว

ไม่ต้องไทยหรอก เมกาแม่งเปิด Impeachment เสนอชื่อขับไล่ปธน.มากี่รอบ แม่งผ่านจริงๆแค่ครั้งเดียวแล้วร้อยกว่าปีก่อนนู่นได้มั้ง มันจะชนะได้ยังไงแม่งต้องให้ฝั่งรัฐบาลเห็นด้วยในการขับหัวหน้าตัวเองออกงี้

อย่างมากมันก็แทงได้กับพวกลูกกระจ๊อกอะไรงี้ ยุคสมัยตู่ที่โดนอภิปรายไปรอบนึงยังมีเฉียดๆด้วยซ้ำ (ป้อมปะตอนนั้น) นี่แม่งแทงตัวแม่ คือมันหวังผลได้เชิงจิตวิทยา แต่ถ้าหวังผลเรื่องแบบจะให้ฝั่งพรรคร่วมแทงข้างหลังแล้วโหวตปลดออกนี่ผมว่าต่ำกว่า 0% อีก

แล้วเอาจริงๆคนไทยดูการเมืองเหมือนดูมวยดูบอลอะ สนุกไปประมาณอาทิตย์นึงเดี๋ยวก็ลืมกันละ

อภิปรายไม่ไว้วางใจจริงๆมันไม่ได้สนุกหรอก ละจริงๆมันก็บ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่นๆได้สบายไม่ยาก ตามหลักจริงๆการอภิปรายไม่ไว้วางใจ (vote of no confidence) เนี่ย มันต้องระดับอังกฤษที่ว่าสองฝั่งหันหน้าจะชกกัน โหวตแบบ Anonymous คือไม่เสนอชื่อว่าใครโหวตบ้าง พรรครัฐบาลแทงข้างหลังเป็นเรื่องปกติถ้าผลงานไม่ดี (คือมีมาตราฐานตัวเองอะ ไม่ใช่เฮโลกันแบบเมกาหรือไทย) ของไทยเราแม่มเอาแค่หลักการหรืออุดมการณ์ยังไม่มีเลย