คำทำนายของอนาคต (ที่เกิดขึ้นแน่ๆ ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง) ของกองทุนสุขภาพของคนไทย

1. กองทุนประกันสังคม ล้ม ผู้ประกันตนปัจจุบันอาจจะไม่ได้เงินบำนาญหรือเงินชดเชยใดๆ โดยเฉพาะคน Gen Z และ Gen Y ช่วงต้น โมเดลคณิตศาสตร์บอกชัดเจน ถ้าปล่อยไปแบบนี้ไม่ทำอะไร ไปแน่นอน

2. ค่ารักษาพยาบาลของกรมบัญชีกลาง ก็ไม่น่าจะไหว เพราะ ในเมื่อรายได้ของรัฐไม่ได้โตขึ้นทันกับค่าใช้จ่ายภาครัฐที่มากขึ้นเรื่อย อาทิ เช่น ข้าราชการเกษียณ และ ค่ารักษาพยาบาลที่มีแต่เพิ่มขึ้น ไม่มีแนวโน้มลดลง

3. สิทธิ์รักษาสุขภาพถ้วนหน้า ระเบิดเวลาที่เห็นกันตำตาว่า ยังไงก็ไม่น่าจะไหว ขนาดประกันสังคมที่เป็นกึ่ง co-pay ยังเสร็จ แล้วนับอะไรกับของฟรีที่อาศัยเงินอุดหนุนล้วนๆ

ทุกสิ่งจะถูกซ้ำเติมด้วย อัตราเกิดของประชากรใหม่ที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน คนเสียชีวิตมากกว่าคนเกิด วัยทำงานหดลงเรื่อยๆ กลายเป็นวงจรอุบาทว์วนไปมาไม่รู้จักจบ

ตอนนี้มีข่าวการนำ 3 กองทุนสุขภาพมารวมกัน คือ ประกันสังคม + กรมบัญชีกลาง + บัตรทอง คนที่เสียมากสุดของเกมนี้คงเป็น ผู้ที่ถือสิทธิ์กรมบัญชีกลาง ในขณะที่บัตรทองอาจจะเป็นคนที่ได้ประโยชน์มากที่สุด ส่วนคนถือประกันสังคมก็อาจจะงงๆ ว่าตนเองได้หรือเสีย 555+

ถ้าเอามารวมกันจริง อาจจะการลาออกจากการเป็นข้าราชการจำนวนมาก แต่คำถามที่น่าคิดคือ ออกมาจากภาครัฐ นั่นแปลว่า ต้องมาอยู่ภาคเอกชน

ซึ่งคำถามก็ต่อเนื่องไปคือ ภาคเอกชนตอนนี้อัตราการว่างงานมากหรือน้อย

สำหรับสายสาธารณสุข ตอนนี้ภาคเอกชนน่าจะอิ่มตัวมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมืองใหญ่ ถ้ามีบุคลากรลาออกจากภาครัฐชุดใหญ่ คนที่ลูบปากรอเลยน่าจะเป็นเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชนที่จะได้สภาวะ Supply ของแพทย์ > Demand ของแพทย์อย่างรวดเร็ว ใครได้ใครเสีย มองเห็นภาพทันที

ดังนั้น การรวม 3 กองทุนรอบนี้ของรัฐ อาจจะเป็นการ rebalance โครงสร้างครั้งใหญ่จริงๆ กลายเป็น

1. เฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุข ของจริง เอาไปเท่าๆกัน 555+
2. ปรับโครงสร้างพนักงานรัฐครั้งใหญ่ เพราะถ้าปล่อยไปแบบนี้ ค่าใช้จ่ายภาพบำนาญของรัฐ คงพาทั้งประเทศติดหล่มแน่ๆ หลายคนออก แต่ก็น่าจะมีหลายคนเข้า
3. ตลาดแรงงานเอกชนอาจจะคึกคักมากๆๆๆ เพราะมีคนเข้ามาในระบบหางานเยอะเป็นเท่าๆตัว มีสิทธิ์เลือกจ้างคนเก่งในราคาที่ไม่แพง คิดแล้วอาจจะเป็นหนีเสือปะจระเข้ได้ครับ

ประชาชนอย่างเราๆ ทำได้เพียง พึ่งตนเอง อย่าหวังพึ่งคนอื่น เพราะดูแล้วไม่น่าจะมีใครช่วยเราได้

จงรักษาสุขภาพของตนเองให้ดีที่สุด อย่าเป็น NCDs จะได้มีอายุในการทำงานที่ยาวนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะคนรุ่นผมตอนนี้ เขาบอกว่าต้องทำงานไปจนอายุ 70+ ปี เป็นอย่างน้อย

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid024Mbhn8etiNNy9P8HbqTrzdfXGnWsbr5owy3CKxhWGFxnjYpBsxjCWVXFkSxzmFQal&id=100000531060799

อยากให้เปรียบเทียบเอกชน = ค้าปลีก

ของรัฐอ่ะล้มแน่ๆ แต่รอวันระเบิด

แล้วเอกชนจะมาแทนที่ การรักษาก็จะมีหลายระดับ

ขอไปที -> ทั่วไป -> พรีเมี่ยม -> luxury

ไม่เห็นภาพผมจะอธิบายสั้นๆ สมมติผมเป็นไข้หวัด

500 ให้คำแนะนำ รับยาจบ
1500 วิเคราะห์อาการ ให้คำแนะนำ รับยา
2500 วิเคราะห์อาการ ให้คำแนะนำ ระบุอาการ ใช้เครื่องมือที่ดีขึ้น รับยา
4000 นั่งรถเข็น ไม่ต้องรอคิวนาน วิเคราะห์อาการ ให้คำแนะนำ ระบุอาการ ใช้เครื่องมือที่ดีที่สุด รับตัวยาที่ดี

แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือ รพ.-คลีนิค เถื่อน

30บาทอะ ตัวระเบิดทุกอย่าง อันนี้หมายถึงรวมนะๆ บัตรทอง บลาๆๆๆอะไรพวกนี้


พูดเรื่องนี้ไป10-15ปี

ประเทศมันก้คือธุรกิจ เอางบไปอุ้มตรงนี้เหมือนเงินเสียเปล่า ต่างกับ งบสร้างรพ หรืองบไปอุ้มสร้างหมอเยอะกว่านี้นะ


อะมันอาจจะช่วยคนให้กลับมาทำงานให้เงินเข้าระบบภาษี แทนที่จะตายไม่ก้ติดเตียง

แต่ คนที่ใช้รพรัฐส่วนมากก้เสียภาษีน้อยอยุ่แล้ว ลบจนไม่รุ้จะลบยังไง


แถมไอสิ่งที่เราได้จากอันนี้คือระบบอนามัยที่ดี ดันไม่เอาไปต่อยอดอะไรเข้ารัฐ ไปสร้างรพรองรับคนตปท เอาเข้าภาครัฐ

นี่ก้ไม่ทำ ให้เอกชนทำ สรุป เอกชนรวย เจ้าของรพเอกชนมีไม่กี่เจ้าที่ใหญ่หรอก ก้สูบยับๆ สรุปรัฐอุ้ม รัวๆ


ปล แต่สุดท้ายคนก้จะวนมาที่คำว่า ถ้าไม่คอรัปชั่น ไม่เอาเงินไปลงสีเขียว ไม่เอาไปให้มังกรฟ้า ก้จะเหลืองบมาลงตรงนี้บาน

ถ้าคิดแบบนี้ก้ถูกแหละ ถ้าแก้ตรงนั้นได้อะนะ

ทุกอย่างแก้ได้ถ้ารัฐจะทำ



คือตอนนี้ เอกชนกำไรเป็ฯหมื่นล้านต่อปี ทำได้ไง แปลว่าต้นทุนรักษากำไรตั้งหมื่นล้าน

ก้แค่สร้างรพที่ดีระดับกลางๆขึ้นมาด้วยงบของรัฐ ลงไปเลย หลายพันล้าน สร้างรพรัฐที่จังหวัดใหญ่ๆขึ้นมา

กทม 3 เหนือ1 อีสาน2 ใต้1

ดันหมอเก่งๆไปรักษา เก็บค่ารักษาระดับถูกกว่าเอกชน เช่นรักษาเอกชน 1แสนบาท เก็บไป5หมื่นพอ


เงินก้ไม่ไหลออกให้เอกชน หมอก้ไม่ไหลออกให้เอกชน ระบบทุกอย่างลงตัวไปหมด


คนที่พออยากรักษาเองก้ไปจ่ายรพพวกนี้ ประหยัดครึ่งนึง ทุกอย่างเหมือนเอกชน ทำไมคนจะไม่เอา



แต่ที่มันไม่ทำเพราะ คำว่า เจ้าสัว แค่นั้นเอง

10 ปีก่อน ผมไปผ่าซีสที่ต้นขา รพ.รัฐผมใช้ประกันสังคมแล้วไป รพ.เอกชนเจ้านึงแต่ใช้บัตรประกันสุขภาพ เพื่อล้างแผล ครั้งละ 1200.-ผมนี่ในใจร้องเหวอเลย(ซึ่งฟรี ใช้ได้สูงสุด 2000.-ต่อครั้ง) แต่ใช้ได้ 30 ครั้งต่อปี พยาบาลให้นั่งรถเข็นพาขึ้นเตียงนอน แล้วบอกทุกครั้งว่า ค่อยๆนะคะคนไข้ ไป 4-5 ครั้งจนพยาบาลบอก

พี่ค่ะไปล้างแผลที่ รพ.รัฐเถอะค่ะ หนูเสียดายสิทธิ์ของพี่

พอแผลหายต้องไปเอาท่อเดรน(ทีเสียบระบายหนองกับเลือด)ที่ รพ.ประกันสังคม รอคิวนานเกือบ ชม.มั้ง
พอถึงคิวผม คนไข้ขึ้นเตียงค่ะ ตะแคงข้างค่ะ หายไปไหนไม่รู้ แล้วจู่ๆก็เหมือนถูกมีดแทงที่ต้นขา(พยาบาลคนนั้นกลับมากระตุกท่อทิ้งแบบดื้อๆเลย) แล้วแปะผ้าก๊อตเสร็จบอก เรียบร้อยค่ะ

เล่นผมน้ำตาซึมเดินกะเพลกออกจาก รพ. อ่ะ

การรักษาต่างกันลิบ ผมก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่

รัฐบาลไหนกล้าเอาสิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการออก แล้วไม่เพิ่มเงินตอบแทนด้านอื่น ต่อให้เป็นพรรคชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย ก็เตรียมตัวตายครับ บอกแค่นี้




อันดับแรก เจอหมอประท้วงไม่มาทำงานเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยแน่นอน อย่าคิดว่าเค้าไม่กล้าทำ พวกรพ แพทย์ รพ ศูนย์อาจจะไม่กล้า เเต่พวก รพช ชุมชน อำเภอ กล้าทำแน่ โดยเฉพาะพวกแพทย์ใช้ทุน เด็กรุ่นใหม่ อาจได้เห็นมหกรรม พวกชาวบ้านบัตรทอง โดนปล่อยตายคาวอร์ดมากสุดครั้งแรกของชาติ เพราะหมอไม่มาทำงาน แน่ๆ



ซึ่งถ้าหมอกล้าทำ พยาบาล เภสัช เค้าก็กล้าตาม (ถ้าไม่มีหมอ ที่เหลือก็รักษา ไม่ได้ครับไม่มีคน ออเดอ )

ราชการหน่วยอื่นก็ออกมาแน่นอน




หมอใช้ทุนเด็กๆเค้ามาทำงานรัฐเพราะสิทธิ ความมั่นคง ความก้าวหน้าในการเรียนต่อ ถ้ารัฐตัดเรื่องพวกนี้ออก หมอพวกนี้เค้าก็ออกครับ หรือไม่ก็อยู่รัฐต่อ แล้วทำงานแบบส้นเท้าแทน ผลเสียก็มาลงที่ประชาชน นั่นแหละ




หมอรุ่นน้อง(รุ่นลูก) รวมถึงหมอจบใหม่หน้าใส ยุคนี้ หมดยุคเสียสละ ลำบาก ไปอยู่บ้านนอก ทำฟรีไม่ได้เงิน เหมือนละครน้ำเน่าละครับของพวกนี้ ใช้แค่ตอนสัมภาษย์เข้าเรียน จบมาก็อีกเรื่อง

เค้าเน้นใช้ชีวิต กินร้านอาหารดีๆ เที่ยวต่างประเทศ ไอโฟนไอแพด บ้านหลังใหญ่ คอนโดกลางเมือง ผญ ก็กระเป๋า เสื้อผ้า แบรนด์เนม ผช ก็รถหรู ตีหม้อตัวท้อป บางคนแต่งงานก็ รร ดีๆ นานาชาติ ให้ลูก ต้องใช้เงินทั้งนั้น เอาความดีไปแลกเป็นแต้มบุญไม่ได้นะ



( ไป รพ ดูได้ครับ หมอวัยรุ่นคนไหนไม่มีไอโฟน ไอแพด ถ้าแอนดอย ก็รุ่นเรือธง 10คนจะเจอชักคนที่ไม่แคร์ของพวกนี้ )



หมอรุ่นใหม่ถ้าใครแรงมา เค้าก็แรงกลับ ด่ามากรูด่ากลับ ไม่ใช่หมอรุ่นแก่ๆ ธัมมะธัมโม ใจดีตลอดเวลา แล้ว

ไม่ได้สิครับ ถ้ารัฐทำอย่างที่คุณบอก แล้วโรงพยาบาลเอกชนดังๆที่เป็นสปอนเซอร์ให้พรรคการเมือง จะเอาลูกค้ากระเป๋าหนักจากต่างประเทศได้ไงล่ะครับ ไอ้พวกนี้มันส่งคนไปเล่นการเมืองก็เพื่อให้ออกกฏหมาย ออกนโยบายเพื่อให้พวกมันรวย ส่วนคนไทยอื่นๆ ก็ช่างมัน

ปัญหาพองตัวแบบนึ้พอมันแตกก็ต้องยกระบบสาสุขใหม่ แต่รัฐบาลไหนก็ไม่กล้าทำเพราะกลัวเสียฐานเสียงรากหญ้า เพราะการรักษาถ้วนหน้าแม่งโคตรได้คะแนนเสียง โดยทิ้งภาระไว้ให้บุคลากรในระบบกับงบประมาณแบกเอา จะไปแตกที่ยุคไหนรัฐบาลใครก็ช่างแม่ง

วันแตกก็คงเปนเหมือนพวกประเทศเจริญแล้วปะ ที่ทำให้แพง ทำให้ยากเพื่อให้ประชาชนรู้จักประคองสุขภาพตัวเองก่อนมากขึ้น คิดเยอะๆก่อนเข้าโรงบาลที เพราะแพงบรรลัย

ถ้าบอกว่า ค่ารักษาแพง แล้วคนจะรักษาสุขภาพ


ชาว SS คิดผิด


ดูจาก อัตราคนน้ำหนักเกิน ในอเมริกา ที่สูงเกิน 1/3

อันนั้นคือมันแพงเป็นเรื่องปกติรึเปล่าครับ
ลองสมมตค่ารักษาที่อเมริกาตอนนี้เป็น30บาท ถ้าเพิ่มเป็น3000บาท อาจ จะลดลงก็ได้นะครับ

ผมว่าเพ้อเจ้อครับ ปัญหาพวกนี้จริงๆมันแก้ไม่ยากเลย
ถ้าไม่ได้ต้องการให้ดีที่สุด

สำหรับผม รัฐบาลมาถูกทางแล้ว
ถ้าหมอ พยาบาล ลาออกก็รับเพิ่มให้มากขึัน ให้ลาออกแล้วมีที่ไปได้ยาก
แน่นอนครับมาตฐานอาจต่ำลง

ส่วนงบประมาณรัฐบาล สามารถออกกฏหมายอุ้มได้อยู่แล้วครับ
แต่ข้อเสียที่ต้องรุ้ คือประเทศจะพัฒนาช้า จนโดนแซง

ค่ารักษาพยาบาลที่อเมริกา มันแพงมากครับ เจอหมอก็ยาก ถ้าไม่ซื้อประกันสุขภาพ ที่ก็ราคาแพงเหมือนกัน

ถ้าผมเป็น รพ.เอกชน ผมจะรีบขยาย รพ.เลย เผลอๆจะเข้าไปตรงที่ห่างไกลด้วย เตรียมรับหมอจากรัฐบาล

อันนี้คุณพูดปัญหาไม่หมด

- ปัญหาเรื่องบุคคลากรขาดแคลนคือเพิ่มเข้ามา แต่ก็ต้องเข้าใจว่าปัจจุบันเอกชนก็ค่อนข้างคัดหมอไปทำงานในโรงพยาบาลเค้า เค้าก็อยากจะคัดแต่คนเก่งๆ คนที่ขายกลุ่มลูกค้าเค้าได้ ส่วนแพทย์บางคนที่ไม่ตอบโจทย์เอกชนก็ต้องอยู่ในระบบโรงพยาบาลรัฐไป ไม่ต้องไปนับอาจารย์หมอแพทย์ไรพวกนั้นนะ พวกนั้นเค้าเก่งมากรับงานทั้งรัฐทั้งเอกชนเลย อีกอย่างเรื่องคุณต้องรู้นะ หมอนี่จะได้บรรจุเป็นข้าราชการทันทีถ้ามาทำงานโรงพยาบาลรัฐ แต่พยาบาลส่วนใหญ่ยังอยู่ในฐานะแค่ลูกจ้าง จะมีแค่บางส่วนที่ได้บรรจุแต่ก็ใช้เวลานานหลายปี (ยกเว้นพยาบาลที่จบจากโรงเรียนของกองทัพ จะได้บรรจุราชการทันที) แล้วงานพยาบาลหนักกว่าหมอเยอะ เจอทั้งคนไข้ประสาทแดรกหรือเจอหมอประสาทแดรก ควรไปเพิ่มพยาบาลในระบบให้มันมากกว่านี้อีกเยอะ เพื่อลดงานที่มากเกินไปรวมถึงเพิ่มโควต้าบรรจุราชการให้เค้าเพิ่มด้วย

- ปัญหาที่ใหญ่กว่าที่คุณไม่ได้พูดถึง เห็นสาละวนแต่เรื่องบุคคลากร คือหนี้สินของโรงพยาบาลรัฐที่ สปสช ติดค้างไว้จากเรื่องบัตรทอง บางโรงพยาบาลหนี้สินหลายร้อยล้านเลยนะ เช่นโรงพยาบาลขอนแก่น ขนาดโรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะของหมอเหรียญทองที่เป็นเอกชนบัตรทองในกรุงเทพที่เดียว ยังออกหนังสือทวงเงินจาก สปสช ที่ติดค้างเค้าไว้อยู่หลายล้านยังจ่ายไม่ครบตั้งหลายปี โรงพยาบาลแพทย์ระดับศิริราชก็ยังเคยออกหนังสือทวงเงินที่ สปสช ติดค้างไว้หลายปีเลยนะ

เพิ่มเงินจาก 30 บาทเป็น 100 ก็ได้นะ แค่นี้ก็ได้เงินตรงนี้เพิ่มมาเป็น 3 เท่าแล้ว ถึงจะไม่เยอะ แต่มันก็เอามาใช้จ่ายอะไรได้เพิ่ม

จริงๆ อยากให้มีเป็น co-pay ทุกสิทธิเลย อาจจะไม่ต้องเยอะ แต่ก็ต้องจ่าย ให้ตัวเองมีความรับผิดชอบในเรื่องการดูแลสุขภาพนิดนึง ทุกสิทธิจ่าย 300 อะไรแบบนี้ คือไม่ต้องเยอะมาก แต่อยากให้มีรายได้เข้ามาบ้าง