Thames Valley Khaoyai อยู่ในเขตพื้นที่ห้ามออกโฉนด-ทำธุรกิจ
[ เปิดหลักฐานโรงแรมหรูของนายกแพทองธาร Thames Valley Khaoyai อยู่ในเขตพื้นที่ห้ามออกโฉนด-ทำธุรกิจ ]
.
ในบัญชีทรัพย์สินของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ระบุว่าถือหุ้นใหญ่ในบริษัท เทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ โฮเต็ล จำกัด และเป็นกรรมการบริษัทตั้งแต่ปี 2556 จนกระทั่งต้องลาออก เพื่อมาเป็นนายกรัฐมนตรี ในปี 2567
.
ที่ดินที่โรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ ตั้งอยู่ แบ่งออกเป็น 4 แปลง มีโฉนดทุกแปลง คือโฉนดเลขที่ 22054 76046 76047 และ 76048 อยู่ในตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
.
แต่จุดสำคัญก็คือ โฉนดที่ดินนั้นจะถูกกฎหมาย ก็ต่อเมื่อมันออกโดยชอบด้วยกฎหมาย
.
เมื่อตรวจสอบแล้วกลับพบว่าที่ดินตรงนี้เป็นที่ดินของ ‘นิคมสร้างตนเองลำตะคอง’ โดยนิคมสร้างตนเอง คือโครงการที่รัฐบาลสมัยก่อนจัดสรรพื้นที่ให้ประชาชนเข้าไปอยู่อาศัยและทำกิน และสำหรับกรณีนิคมสร้างตนเองลำตะคองมีที่มาจากการที่รัฐบาลจะสร้างเขื่อนลำตะคอง จึงอพยพชาวบ้านมายังนิคมแห่งนี้ เมื่อปี 2513 โดยให้ที่ดินชาวบ้านทำกินกันคนละไม่เกิน 50 ไร่
.
โดยกฎหมายบัญญัติว่าถ้าสมาชิกนิคมที่ได้สิทธิถือครองที่ดินทำกินในที่ดินครบ 5 ปี จะสามารถออกเอกสาร “หนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตนิคมสร้างตนเอง” หรือ น.ค.3 แล้วถ้าปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่นที่กฎหมายกำหนดครบถ้วน ก็สามารถเอา น.ค.3 ไปเปลี่ยนเป็น นส.3 หรือโฉนดที่ดินได้ต่อไป
.
แต่หลักการนี้มีข้อยกเว้นตามกฎหมาย
.
เพราะเมื่อตรวจสอบกับแผนที่ของกรมพัฒนาที่ดิน ที่จัดทำโดย GISTDA หรือสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน) ซึ่งแผนที่นี้จัดทำขึ้นมาเพื่อตรวจสอบการบุกรุกป่าบริเวณเขาใหญ่ในปี 2558
.
กลับพบว่าโรงแรมหรูนั้น อยู่ในเขตนิคมสร้างตนเองลำตะคอง และพื้นที่นั้นยังถูกกันไว้เป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธาร (Watershed Area) จากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2514 ให้สงวนหวงห้ามไว้ ไม่ให้มีการเข้าไปทำประโยชน์และไม่ให้ออกเอกสารสิทธิใดๆ
.
แล้วนายกรัฐมนตรีของเรา มีโฉนดในพื้นที่หวงห้ามนี้ได้อย่างไร?
.
️ ในสมัยก่อน เทคโนโลยีระบบแผนที่ต่างๆ ของประเทศไทยยังไม่ค่อยดี เวลาออก นค.3 ให้ชาวบ้านในนิคมสร้างตนเอง ก็ไม่ได้มีเทคโนโลยีดีๆ ไม่ได้มีการรังวัดอะไรเป็นกิจจะลักษณะเหมือนปัจจุบัน เจ้าหน้าที่แยกไม่ค่อยออกว่าชาวบ้านอยู่ที่ไหนอย่างไรกันแน่ ชาวบ้านเข้าไปอยู่ในพื้นที่สงวนหวงห้ามหรือเปล่าก็ตรวจสอบกันลำบาก ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่รู้แค่ว่าชาวบ้านมีตัวตนอยู่จริงก็ออกเอกสารให้ได้แล้ว
.
️ แต่ในปี 2523 กรมที่ดินออกหนังสือเวียนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ กำชับให้เจ้าหน้าที่เขียนรายงานการรังวัดให้ครบถ้วน นับแต่บัดนั้น ถ้ากระบวนการออกโฉนดที่ดินเป็นไปตามกระบวนการปกติและถ้าเจ้าหน้าที่ดำเนินการโดยสุจริต ยากที่จะออกโฉนดที่ดินคลาดเคลื่อนผิดกฎหมายได้ แต่ถ้ายังมีการออกโฉนดที่ดินไปทับป่า ทับพื้นที่หวงห้าม ทับพื้นที่ต้นน้ำลำธาร เป็นต้น ก็สามารถสันนิษฐานได้เบื้องต้นว่า กระบวนการการออกโฉนดที่ดินนั้นน่าจะมิชอบด้วยกฎหมาย
.
️ ยิ่งในยุคที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ยากมาก เพราะเรามีระบบคอมพิวเตอร์ พอขอรังวัดปุ๊บ เอาแปลงที่ดินเข้าระบบ ก็จะรู้ได้ทันทีเลยว่าที่ดินแปลงนี้ขอออกโฉนดได้ไหม ทับที่ป่า ทับที่ สปก. หรือทับที่หวงห้าม เป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารหรือเปล่า
.
แต่ที่เทมส์ วัลลีย์ของท่านแพทองธาร ที่ครอบครัวไปซื้อ นส.3ก. ในปี 2537 หลังจากนั้นเพียง 2 ปี ก็เอาที่ดินในนิคมสร้างตนเองแปลงนี้ ไปออกเป็นโฉนด ได้เป็นโฉนดเลขที่ 22054 ในปี 2539 แล้วต่อมา ในปี 2555 ก็เอาโฉนดแปลงนี้ ไปแบ่งเป็น 4 แปลง
.
⚠️ เท่ากับว่าที่ดินแปลงเหล่านี้ของครอบครัวนายกรัฐมนตรี ถึงรอดพ้นการตรวจสอบถึง 2 ครั้ง ในปี 2537 และ 2555 โดยเฉพาะในปี 2555 ที่มีระบบคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยแล้ว ⚠️
.
ยิ่งกว่านั้น ที่ดินผืนนี้ยังอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 ที่กำหนดให้ใช้ประโยชน์ที่ดินได้ เฉพาะการอยู่อาศัยและการทำเกษตรกรรม เท่านั้น และจากการตรวจสอบในปี 2558 ก็ไม่พบว่ามีการขออนุญาตประกอบธุรกิจอื่นใดนอกจากที่กฎหมายกำหนดไว้แต่เดิม
.
เท่ากับว่า ผิด 2 ชั้น คือ :
.
1.เป็นพื้นที่นิคมสร้างตนเอง ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจอื่นนอกจากที่อยู่อาศัยและเกษตรกรรม
.
2.มีการออกโฉนดผิดกฎหมายถึง 2 ครั้ง ทั้งที่อยู่ในพื้นที่ต้นน้ำลำธาร
.
ถ้าเป็นตาสี ตาสา ยายมี ยายมา ไปขอออกโฉนดแบบซื่อๆ ในพื้นที่แบบนี้ เจ้าหน้าที่กรมที่ดินไม่ออกโฉนดให้แน่นอน มิหนำซ้ำอาจจะส่งเรื่องไปเพิกถอน นส. 3ก หรือโฉนดที่ได้มาอีกด้วย
.
️ “...แต่สิ่งที่ยิ่งน่ารังเกียจ นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของการไม่เคารพกฎหมาย แต่ยังเป็นการจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดินโดยมิชอบ ท่านประธานคิดว่าการที่สนามกอล์ฟ แรนโช ชาญวีร์ ของครอบครัวท่านอนุทินถูกตรวจสอบ มันเป็นเรื่องบังเอิญเหรอครับ ขนาดท่านอนุทินยังไม่เชื่อเลย บอกว่ามันมีใบสั่งทางการเมือง 500%
.
แล้วใครครับ ที่จะออกใบสั่งเพื่อเล่นงานคนระดับท่านอนุทินได้ เป็นทั้งรองนายกรัฐมนตรี เป็นทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็มีแต่ท่านนายก หรือไม่ก็คนในครอบครัวของท่านเท่านั้นแหละ ที่มีอำนาจบารมีพอที่จะทำได้
.
ในเมื่อท่านนายกเห็นว่าที่ดินสนามกอล์ฟ แรนโช ชาญวีร์ อาจมีปัญหา ท่านนายกลืมไปแล้วเหรอครับว่า ที่ดินของตนเองและครอบครัวที่เขาใหญ่ มันน่าจะมีปัญหาหนักกว่าของครอบครัวท่านอนุทินเสียอีก เพราะแรนโช ชาญวีร์ เป็นแค่ นส.3ก ที่อาจทับพื้นที่ สปก. แต่กรณีโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่นั้น เป็นการโฉนดทับพื้นที่ต้นน้ำลำธาร และยังทำธุรกิจโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาตเสียด้วย
.
ท่านประธานคิดว่า คนอย่างแพทองธาร ชินวัตร ไม่รู้เรื่องรู้ราวจริงๆ หรือครับ
ท่านนายกรู้แน่ๆ แต่ท่านนายกจงใจที่จะละเลย ไม่ตรวจสอบการกระทำผิดของตนเองและครอบครัว
.
คนอย่างแพทองธาร ชินวัตร ไม่ใช่แค่ไม่เคารพกฎหมายบ้านเมือง แต่ยังทำให้กฎหมายกลายเป็นแค่เครื่องมือทางการเมืองของตนเองและครอบครัว เจตนาใช้กฎหมายอย่างฉ้อฉล นำไปใช้เล่นงานคู่ขัดแย้งทางการเมืองของตนเองเท่านั้น แต่ปกปิดอำพราง ไม่เคยคิดที่จะตรวจสอบการกระทำผิดของตนเองและครอบครัว
คนที่มีพฤติกรรม พฤติการณ์เช่นนี้ จะปล่อยให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกไม่ได้แม้แต่วันเดียว
.
เมื่อสภาแห่งนี้ทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ผมก็ขอให้พวกเราร่วมกัน ใช้อำนาจที่ได้รับมาจากประชาชน ลงมติไม่ไว้วางใจ ไม่ให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อีกต่อไป…”
.
️ ธีรัจชัย พันธุมาศ ผู้แทนราษฎรพรรคประชาชน อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในวันที่ 24 มีนาคม 2568
.
#พรรคประชาชน #อภิปรายไม่ไว้วางใจ #แพทองธาร #ThamesValleyKhaoyai See less
สรุป by gpt
Spoil
สรุปประเด็นหลัก:
นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร เคยถือหุ้นใหญ่และเป็นกรรมการบริษัทโรงแรม Thames Valley Khaoyai
โรงแรมตั้งอยู่บนที่ดินที่เคยเป็น นิคมสร้างตนเองลำตะคอง ซึ่ง กฎหมายห้ามออกโฉนดและทำธุรกิจ
มีข้อสงสัยว่าการออกโฉนดในปี 2539 และ 2555 อาจ ผิดกฎหมาย เพราะที่ดินอยู่ใน เขตต้นน้ำลำธาร และ ห้ามใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์
ระบบแผนที่สมัยใหม่ทำให้ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ยาก แต่ที่ดินนี้รอดพ้นการตรวจสอบถึง 2 ครั้ง
https://www.facebook.com/photo/?fbid=122144766710480817&set=a.122093105408480817