อีก3-5ปี GDP ของเวียดนามจะแซงไทย
ตลอดระยะช่วง15ปีของการเมืองประเทศไทยร้อนระอุตบตีแย่งชิงอำนาจกัน เวียดนามอาศัยช่วงเวลาความอ่อนแอที่ไร้เสถียรภาพของการเมืองไทยพัฒนาเศรษฐกิจแบบเงียบๆ จนเศรษฐกิจของเวียดนามใน3ปีล่าสุดที่ผ่านมา เวียดนามมีอัตราการเติบโตของGDP ทะลุ6% ติดต่อกัน พีคสุดเคยแตะที่ 13% (2565) ซึ่งการเติบโตที่พุ่งไม่หยุดไม่ใช่การเติบโตเป็นลักษณะของความหัศจรรย์ แต่เป็นการเติบโตที่ค่อยๆไต่
นักเศรษฐศาสตร์ได้วิเคราะห์ว่าสาเหตุที่เศรษฐกิจดี เป็นผลมาจากการที่นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นศักยภาพของเวียดนามสามารถไปได้ไกลกว่านี้ตลอดจนการขยายตัวของการลงทุนที่ถูกซัพพอร์ตโดยรัฐบาลแห่งชาติในเชิงนโยบาย เวียดนามเชื่อว่า "การเมืองที่ดี จะนำพาเศรษฐกิจดีไปด้วย" ดังนั้นภาคการเมืองของรัฐบาลเวียดนามจึงเริ่มสังคายนาตัวเอง ไม่ว่าจะการปรับปรุงโครงสร้างตั้งแต่ระดับบนจนถึงระดับล่างโดยเน้นเรื่องลดความซับซ้อนของระบบราชการการตรวจสอบเข้มงวดโดยภาครัฐเพื่อความโปร่งใส นอกจากนี้รัฐบาลยังใส่เกียร์เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ มาลงทุนเวียดนามพร้อมกับผลตอบแทนที่ยั่งยืนกลับคืนไป
รัฐบาลเวียดนามได้ปลูกฝังค่านิยมของของการเล่นการเมืองแบบใหม่ ภายใต้กรอบของการพัฒนาที่อาศัยทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะวัยรุ่น-วัยทำงานที่จะเป็นกำลังหลักในการพัฒนาชาติ 5ปีที่ผ่านมาเวียดนามลงทุนด้านการศึกษาไปหลายพันล้านโดยเฉพาะภาษาต่างประเทศที่ต้องใช้สอดคล้องคู่กับกระแสของเศรษฐกิจที่หลากหลายจากการลงทุนต่างประเทศ มีการฝึกทักษะสกิลด้านแรงงานให้มีคุณภาพมากขึ้นรองรับตลาดงานที่ใช้เฉพาะทาง
ท่านลองคิดดูนะครับการเมืองไทยที่กำลังสู้กันคลุกฝุ่นโดยมิได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติของประชาชนมาก่อน
เราสูญเสียโอกาสไปเท่าไหร่ในการพัฒนาประเทศ เราไม่ได้สร้างนโยบายในการพัฒนาในระยะยาว เราเน้นแต่นโยบายที่ตอบสนองในความฉาบฉวยและบุญคุณ บางครั้งมานั่งคิดแล้วงถอนหายใจ ว่าตราบใดการเมืองไทยยังไม่มีเสถียรภาพ การพัฒนาเติบโตทางเศรษฐกิจก็ยังมีแต่คำว่า "เท่าทุน" หรือ "ทรุด"
ในมุมมองของท่านมองเศรษฐกิจเวียดนามอย่างไรกันบ้างมาแลกเปลี่ยนกันครับ