เรื่องดิวเรื่องเชน ธนา คือพวกเขาก็ไม่ได้ลำบากอะไรเลยน่ะแค่มาคล้ายกันตรงอยากอวดว่าตัวเองมีนั้นมีนี้ขนาดนี้ ซึ่งเอาเข้าจริงมันก็สอดคล้องกับอุบายของโลกสมัยทุนนิยมยุคใหม่ๆคือทุกคนแกลมหมด เห็นคนนั้นโห้แกลม คนนี้ไปถึงนั้นคนโน้นไปถึงนี้ ซึ่งสังคมแต่ละคนแต่ละชั้นมันไม่เหมือนกัน อย่างของดิวของเชน คนในสังคมเขาคงพวก ชมพู่คงพวกนุ่น วรนุช คือระดับนั้นเลยต้นๆของประเทศ

ตัดมาที่สังคมคนทั่วๆไปคงไม่ถึงขนาดนั้น มันทำให้เรามีภูมิคุ้มกันเพราะเราๆยังใช้ชีวิตแบบคนปกติ เพื่อนหรือสังคมอย่างได้ดีกว่ากันก็คงไม่มากมายขนาดนั้น

ที่นี้ตรงนี้ไม่ขอดราม่าอะไรน่ะ ผมว่าที่เกลือเป็นต่อพูดเรื่องความพอเพียง เอาเข้าจริงมันก็เป็นหลักคิดที่พอจะเอามาปรับใช้ได้เหมือนกัน แต่ที่เรามองไม่ค่อยเห็นเพราะคิดตามแบบของหลักทุนนิยมกัน คือเอาเข้าจริงมันไม่มีหรอกครับความเท่าเทียมเพ้อเจ้ออะไรนั้นอ่ะ คนเราทุนมีไม่เท่ากันจะมาคิดว่าพอเพียงของแต่ละคนมันจะเท่ากันมันคงไม่ได้เป็นแบบนั้น ยกตัวอย่างเช่นถ้าเราเกิดมาเป็นลูกนักธุรกิจหลายร้อยล้าน เราคงไม่มานั่งรถเมลหรือเราคงไม่มาทนใช้รถเก่าๆงกๆ 7-8 ปีเปลี่ยนหรือแม้กระทั่งไม่มองไม่สนจะใช้รถญี่ปุ่น eco หรอก ซึ่งมันก็ไม่ผิดเพราะในฐานะที่มีสิ่งที่ต้องการมันก็สมเหตุสมผล

ที่นี้ในกรณีดิว เชน ผมมองว่าคล้ายๆกันเลยคือเรื่องที่มีเงินมากมายขนาดไหน แต่มันไม่รู้ไงครับว่าจุดไหนเรียกว่าเยอะจุดไหนเรียกว่าพอ ของดิวคือต้องการที่จะใช้ชีวิตแบบเจ้าหญิงในนิยาย ซึ่งผมมองว่าต้องการให้คนอื่นสนใจและอิจฉาตลอดเวลา ส่วนของเชน เขาก็รู้ทั้งรู้ว่าธุรกิจกำลังไปได้ไม่ดีแต่ก็ยังต้องใช้เงินเกินตัว แล้วไหนจะพวกดาราที่ก็ไปผสมปนเปไปกับการเป็นมิจในปีที่ผ่านๆมา ผมคิดเอาเองน่ะ ถ้ารู้จักพอมันไม่มาถึงนี้กันหรอกแต่ละคน

แต่ก็นั้นแหละ มุมมองเล็กๆมุมนึงของผม เอาจริงผมไม่เชื่อลหักการพอเพียง 100% น่ะ แต่ผมว่ามันก็จริงที่ถ้าจะให้ดีเรามองประเมินตัวเองกันว่าสำหรับเราที่พอเพียงของเรามันตรงไหน แล้วมันจะไม่เกิดปัญหาแบบพวกดาราพวกนี้ขึ้นเลย

ความพอเพียงที่ออกมาจากปากอภิมหาเศรษฐี ที่มีทั้งอำนาจและเงินทอง ผมเชื่อไม่ลงจริงๆ นะ ต่อให้มันจริงก็เถอะ

ความพอเพียงที่ออกมาจากปากอภิมหาเศรษฐี ที่มีทั้งอำนาจและเงินทอง ผมเชื่อไม่ลงจริงๆ นะ ต่อให้มันจริงก็เถอะ

แค่สอนว่าอย่าใช้จ่ายเกินตัวก็พอแล้ว หลักการใช้ชีวิตพื้นฐานเลย ไม่เห็นต้องคิดให้เยอะเป็นหลักการอะไรเลย พอเพียงอะไรอยู่นั่น

พอเพียงสำหรับผมคือ ถ้าจะพูดพอเพียงเฉยๆ แล้วตั้งใจจะโหนอะ ไม่โอเค

ถ้าพูดในกรณีมาชี้แจงว่า ไอหลักนี้ควรปรับใช้ยังไงกับสถานะการเงินของเราในปัจจุบันคือ

พอเพียงแบบ หาได้เท่าไหร่ แบ่งเก็บแบ่งใช้อันนี้โอเค

แต่พฤติกรรมคนคนนั้นก็รู้อยู๋ เป็นทาซานซะขนาดนั้น

ปล. อยากให้ทุกคนได้มีความรู้การวางแผนการเงินเบื้องต้นจริงๆ รายได้เยอะหนี้เยอะ เพราะคำนวณความเสี่ยงจากการเป็นหนี้ได้ไม่ดีนี่แหละ

มองอีกมุมเพิ่มเติมมากกว่า ทั้งสองคน น่าจะมีจุดเชื่อมที่เหมือนกันอย่างอื่น เค้าดูใช้ความรวยเป็นสะพาน คล้ายๆพวกแชร์ลูกโซ่ขายตรง มากกว่าจะอวดรวยแบบเฉยๆ

ดิว ก็น่าจะใช้ความรวย เพื่ออัพ social status ของตัวเอง ไปมี connection เพื่อจะไปหลอกคนอื่น

ส่วน เชน ก็ตามสมัยนิยมหรือเปล่า คนขายรวยมาก ขายผลิตภัณฑ์นี้จนรวย ผลิตภัณฑ์ต้องดีแน่ๆ เค้ารวยแล้วจะมาหลอกเราทำไม

เพียงแต่สองคนอยู่ในกลุ่มที่ไม่ประสบความสำเร็จไง ดิวเน้นหรูมากเกิน ดูพยายามจับไปอีกกลุ่มเลย แต่ไปไม่ถึง และเปลี่ยน connection เปลี่ยนเงินที่หาได้จากพวกนี้ เอาไปต่อยอดไม่ได้พอ ก็พัง ส่วนเชนก็ไม่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ

เริ่มด้วยพอเพียงก็รวยช้า แต่ถ้าเริ่มด้วยอะไรแบบนี้รวยไว แต่ถ้าพลาดก็จบไม่สวย ของ เลเดอเรอร์ ก็แนวๆนี้ พวก ดิ ไอค่อนก็ไม่ต่างมากหรอก บอสกันก็พยายามสร้าง profile จะตาย story มันมาคล้ายๆกันแทบทั้งนั้น รวยแบบตะโกนให้รู้ว่ารวย

พอเพียงมันไม่ซับซ้อน ตีความกันไปจนไม่สนใจแก่นที่ว่า "พอดีกับตัวเอง" อยากได้อยากมีโลกนี้มีตั้งหลายอย่างแต่ตามกำลังของเราในเวลานี้ไขว่คว้าได้ขนาดไหน เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินของเราหรือไม่

เชน-ดิว เปรียบเทียบกับคู่กรณีคนเดียวกัน เชนเป็นหนี้จากธุรกิจ ดิวเป็นหนี้จากการใช้ชีวิต ต่างกันในบริบทแต่เหมือนกันคือเกินความพอดีกับตัวเอง

คนมีเค้าไม่อวด คนอวดมักจะไม่มีครับ

เท่าที่ผมเห็นในชีวิตของผมนะ

ถ้าไปอะไรกับคำว่าพอเพียงเลยครับ มันคือเรื่องปกติของมนุษย์ที่จะใช้เงินไม่ให้เกินกว่าที่ตัวเองหาได้ไม่ใช่หลักการที่ใครคนไหนคิดขึ้นมาทั้งนั้น แค่นั้นแหละ

เหมือนเสพความมุ่งมั่นของ generation บุกเบิกของผู้สร้างกระทิงแดง ประหยัด มานะ อดทน สร้างกิจการ

แต่ภาพตัดมาที่ รุ่นลูก-หลาน ขับเฟอ ไปชน ตร และยัดเงิน หลบหนีไปต่างประเทศ จนคดีหมดอายุความ

ทำไมผมมองว่าต่าง

เชน มันตั้งใจทำธุรกิจจริงๆ แต่แค่มันรีบโตเกินไป

แต่ดิว... ไม่พูดดีกว่า

แต่เห็นว่าตาเชนหนี้เหลือ 100m แล้ว ไลฟ์ขายของทั้งวันทั้งคืน แต่หามาจากไหนไวจังฟะ

เท่าที่ผมอ่านมาบ้างเชนคือเค้าดันไปทำอะไรเกินตัว เช่นการซื้อบ้าน ทำให้เป็นหนี้เยอะ แต่ด้วยตัวธุรกิจมันยังพอไปได้ อันนี้เข้าใจ ไม่ได้ดูหรูหราจนเว่อ แต่ดิวคือเก็บทุกดอก แล้วสำคัญคือไม่ได้พยายามหาเงินมาแก้ไขปัญหา ธุรกิจก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

สองคนนี้ต่างกัน เชนเขาทำธุรกิจจริง แต่มีปัญหากับซัพพลายเออร์ ถ้าเคลียร์ได้ก็จบ

ไม่ได้ชอบทั้งคู่
แต่ผมมองว่า คนนึงทำงาน แต่อีกคน เหมือนไม่ทำงาน

เห็นพรี่เกลือ ออกมาโหนอยู่ เรื่องพอเพียง

หลอนสัส