บทความโดย Opta
ไม่มีอะไรหยุดยั้ง เชลซี จากการเซ็นสัญญากับนักเตะได้ แม้กระทั่งความจริงที่ว่าตอนนี้คือเดือนมีนาคม
แน่นอนว่าไม่มีนักเตะคนไหนที่จะย้ายทีมได้จนกว่าตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์จะเปิด แต่ สปอร์ติ้ง ยืนยันเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า เควนด้า และ เอสซูโก้ จะย้ายไปร่วมทีม เชลซี
เควนด้า จะถูกยืมตัวอยู่ที่ สปอร์ติ้ง ยันจบฤดูกาล 2025-26 ก่อนค่อยย้ายทีม
เอสซูโก้ จะไปอยู่กับ เชลซี ในฤดูกาลหน้า โดยมีรายงานระบุว่า เชลซี ตั้งใจให้เขาเป็นสำรองของ ไคเซโด้
อะไรที่ เชลซี จะได้จากเงินที่จ่ายไป?
เควนด้า
เควนด้า ได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ครั้งแรกกับสโมสร สปอร์ติ้ง โดย อโมริม เมื่อเดือนสิงหาคม เมื่ออายุได้เพียง 17 ปี 95 วัน ในศึก โปรตุเกสซุปเปอร์คัพ ที่พบกับ ปอร์โต้
และเขายังสามารถทำประตูได้สำเร็จและกลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูให้กับสโมสรได้ในเกมที่ทีมพ่ายแพ้ไป 4-3 หลังจากผ่านช่วงต่อเวลาพิเศษ
tricky winger ที่ชอบเลี้ยงผ่านกองหลัง เป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดใหญ่มาโดยตลอดตั้งแต่นั้น
แม้ว่านี่จะเป็นฤดูกาลแรกของเขาในการเล่นฟุตบอลชุดใหญ่ แต่ เควนด้า ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในตัวสร้างสรรค์หลักของ สปอร์ติ้ง ไปแล้ว
มีเพียงเพื่อนร่วมทีมอย่าง Trincão ( 57 ) และ Kökçü ( 58 ) ของ เบนฟิก้า เท่านั้นที่สร้างโอกาสได้มากกว่า เควนด้า ( 48 ) ในลีกโปรตุเกสฤดูกาลนี้
ในขณะที่มีผู้เล่นเพียง 4 คนในลีกเท่านั้นที่มีสถิติในการครอสบอลได้มากกว่า เควนด้า ( 122 ครั้ง )
ในข้อเท็จจริง การสร้างโอกาส 48 ครั้งของ เควนด้า ในฤดูกาลนี้ถือเป็นจำนวนสูงสุดเมื่อเทียบกับนักเตะอายุต่ำกว่า 20 ปีคนอื่นๆ ที่เล่นใน 7 ลีกชั้นนำของยุโรป
โดยแซงหน้า ยามาล (46) , บิชอฟ (43) , ดูเอ้ (37) และ ยิลดิซ (36)
รูปด้านล่างนี้คือการจ่ายบอลของ เควนด้า ในลีกฤดูกาลนี้
แม้ว่าเขาจะถนัดเท้าซ้ายเป็นหลัก แต่เมื่อเลี้ยงบอลเข้าหาแนวรับ เขาก็พอใจที่จะเลี้ยงบอลด้วยเท้าขวาหากหมายความว่าสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้
ฟอร์มการเล่นของ เควนด้า น่าประทับใจยิ่งขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงที่ สปอร์ติ้ง ในฤดูกาลนี้ ซึ่งเขาได้เล่นภายใต้ผู้จัดการทีมคนที่ 3 ของเขาแล้ว แม้ว่าจะได้ประเดิมสนามเมื่อ 7 เดือนที่แล้วก็ตาม
อโมริม ย้ายไปพรีเมียร์ลีกในเดือนพฤศจิกายน และ เปเรรา ผู้ที่เข้ามาแทนที่ก็อยู่ได้เพียงเดือนเศษๆ
รุย บอร์เกส เข้ามาหลังคริสต์มาสไม่นานและเปลี่ยนบทบาทของ เควนด้า ในทันที โดยย้ายเขาจากฝั่งขวาที่เขาเคยเล่นเป็นวิงแบ็กในระบบหลังสาม ไปเล่นฝั่งซ้ายของมิดฟิลด์สี่คน
รูปด้านล่างคือตอนเล่นภายใต้ อโมริม
ส่วนรูปนี้คือตอนเล่นภายใต้ บอร์เกส โค้ชคนปัจจุบัน
ประตูเดียวที่เขาทำได้ในลีกฤดูกาลนี้กับ Famalicão ในเดือนตุลาคมเกิดขึ้นภายใต้การคุมทีมของ อโมริม
แต่ทั้ง 4 แอสซิสต์ของเขาเกิดขึ้นตั้งแต่ที่ บอร์เกส ได้รับการแต่งตั้ง เควนด้า มีแอสซิสต์มากที่สุดในบรรดาผู้เล่นทุกคนในลีกนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ( 4 ครั้ง )
และเป็นผู้เล่นเพียงสองคนเท่านั้น ร่วมกับ ตรินเกา ที่ได้ลงสนามเป็นตัวจริงครบทั้ง 11 นัดในลีกนับตั้งแต่ที่ บอร์เกส เข้ามาคุมทีม
นอกจากนี้ เขายังได้รับความไว้วางใจให้เป็นคนเตะมุมให้กับทีมเป็นส่วนใหญ่อีกด้วย เควนด้า ได้เตะมุมไปแล้ว 61 ครั้งในลีกฤดูกาลนี้ มากกว่าเพื่อนร่วมทีม สปอร์ติ้ง คนอื่นๆถึงสองเท่า
เขายังลงเล่นให้กับ สปอร์ติ้ง ในยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกครบทั้ง 10 เกมในฤดูกาลนี้ ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดอันดับสี่ (17 ปี 295 วัน) ที่ลงเล่นใน UCL ครบ 10 นัด รองจาก ยามาล (16 ปี 278 วัน) , ติเลอมอง (17 ปี 216 วัน) และ เบลลิงแฮม (17 ปี 289 วัน)
ฟาบิโอ โรเก้ หนึ่งในโค้ชของ เควนด้า ในอคาเดมีของ สปอร์ติ้ง กล่าวกับสกายสปอร์ตว่า " เขาทุ่มเทมากในจังหวะเกมรับและการดวลตอนตั้งรับ เขาเล่นได้ดีมากตรงนั้นเพราะพื้นที่ที่เขาครอบคลุมในสนามนั้นกว้างมาก "
" เควนด้า เรียกร้องกับตัวเองมากในจังหวะเกมรับ ต้องเข้าประชิด แย่งบอลกลับมาให้เร็ว ชนะการดวลเกมรับให้เพื่อนร่วมทีม มันทำให้ผมนึกถึง บูกาโย่ ซาก้า ในช่วงเริ่มต้นอาชีพของเขาเมื่อเขาเล่นเป็นฟูลแบ็ค "
มีเพื่อนร่วมทีมเพียง 4 คนเท่านั้นที่ won possession ( ชนะการครองบอล ) ได้มากกว่า เควนด้า ในลีกฤดูกาลนี้ ( 81 ครั้ง )
โดย 3 คนเป็นเซ็นเตอร์และอีกคนเป็นกองกลางตัวรับอย่าง Hjulmand
ในทำนองเดียวกัน มีเพียงผู้เล่นสี่คนเดิม และ Maximiliano Araújo แบ็กซ้าย/วิงแบ็ก เท่านั้นที่ interceptions ได้มากกว่า เควนด้า ( 9 ครั้ง )
ที่น่าสนใจคือ มีการนำไปเปรียบเทียบกับ เอสเตเวา เด็กเทพวัย 17 ปี ซึ่งจะย้ายมาอยู่กับ เชลซี ในช่วงซัมเมอร์นี้ แต่ล่าสุดเอเยนต์ของ เอสเตเวา เผยว่า เชลซี มีแผนที่จะให้เขาเล่นในตำแหน่งหมายเลข 10 ( กลางรุก )
เควนด้า จะได้รับอนุญาตให้อยู่พัฒนาฝีเท้าต่อไปอีก 1 ปีที่ สปอร์ติ้ง แต่เป็นที่น่าสนใจที่จะได้เห็นว่าอนาคตของเขาจะอยู่ทางฝั่งซ้ายหรือทางฝั่งขวา หรือจะเล่นทั้งสองฝั่ง
เอสซูโก้
เอสซูโก้ มีอายุมากกว่า เควนด้า 3 ปี แต่กองกลางตัวรับรายนี้ก็แจ้งเกิดในฐานะผู้เล่นดาวรุ่งเช่นกัน
เขากลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดของ สปอร์ติ้ง เมื่อลงมาเป็นตัวสำรองในช่วงท้ายเกมที่ชนะ กิมาไรส์ 1-0 ในลีกเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2021 เพียง 6 วันหลังจากวันเกิดอายุครบ 16 ปีของเขา
นักเตะวัย 20 ปีรายนี้ถูกปล่อยยืมไปอยู่กับ ลาส พัลมาส ในลาลีก้า สเปน ซึ่งฤดูกาลนี้ถือว่ามีขึ้นมีลงอย่างเห็นได้ชัด
พวกเขาไม่สามารถคว้าชัยชนะได้เลยใน 9 เกมแรกในลาลีกา (เสมอ 3 แพ้ 6) ซึ่งส่งผลให้ หลุยส์ การ์ริออน ต้องถูกไล่ออก
จากนั้นพวกเขาก็คว้าชัยชนะได้ 6 จาก 9 เกมถัดมา ( และเสมอ 1 แพ้ 2) รวมถึงเอาชนะ บาร์เซโลนา ไป 2-1 แต่พวกเขาก็ไม่สามารถคว้าชัยชนะได้อีกเลยใน 10 เกมหลังสุด (เสมอ 3 แพ้ 7)
แม้ว่าจะไม่สม่ำเสมอ แต่ เอสซูโก้ เองก็เป็นดาวรุ่งที่มีอนาคตสดใส เขาเป็นกองกลางที่เก่งรอบด้าน โดยมีหน้าที่หลักในการแย่งบอล
แต่เขาก็ทำได้ดีในการครองบอลเช่นกัน จ่ายบอลได้มั่นคงพอสมควร และสามารถเลี้ยงบอลผ่านพื้นที่คับแคบในแดนกลางเมื่อจำเป็น
เอสซูโก้ ทำผลงานได้น่าประทับใจมากในการดวล โดยชนะ 97 ครั้งจากทั้งหมด 180 ครั้งในลาลีกา (53.9%)
เขาชนะการดวล 12 ครั้งจาก 13 ครั้ง (92.3%) ในสองโอกาสที่แตกต่างกัน โดยเป็นนัดที่แพ้ เซลต้า และ แอตมาดริด
ในขณะที่เขาชนะการดวล 18 จาก 26 ครั้งในเกมที่เสมอ 0-0 กับ โซเซียดาด โดยสามารถชนะการครอบครองบอลได้ 9 ครั้งในเกมนั้น
มีผู้เล่นเพียง 2 คนเท่านั้นในลาลีกาที่ชนะการดวลมากกว่า 18 ครั้งในเกมเดียวในฤดูกาลนี้ และมีเพียง 4 คนเท่านั้นที่สามารถชนะการครอบครองบอลได้มากกว่า 9 ครั้งในเกมเดียว
นอกจากนี้ เขายังแย่งบอลกลับคืนมาได้อย่างน่าประทับใจโดยมีค่าเฉลี่ยการ interceptions 1.9 ครั้งต่อ 90 นาที โดยมีผู้เล่นเพียง 4 คนในลีกฤดูกาลนี้ ( นับแค่คนที่ลงเล่นอย่างน้อย 600 นาที ) ที่ทำได้มากกว่าเขา
ในบรรดานักเตะอายุต่ำกว่า 21 ปีใน 5 ลีกชั้นนำของยุโรปฤดูกาลนี้ มีเพียง Huijsen ของ บอร์นมัธ (42) , Edoa ของ แร็งส์ (30) และ Mosquera ของ บาเลนเซีย (30) เท่านั้นที่ interceptions ได้มากกว่า เอสซูโก้ (28)
โดยทั่วไปแล้วเขามักจะจ่ายบอลได้แม่นยำ แต่บางครั้งก็ถูกจับได้ว่าจ่ายบอลเสี่ยงเกินไปจนทำให้ทีมตกอยู่ในอันตราย
โดยรวมแล้ว เขาจ่ายบอลสำเร็จ 86.2% ในลีกฤดูกาลนี้ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ไคเซโด จ่ายบอลสำเร็จ 90.2% ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2024-25
และ ไคเซโด้ มีความพยายามจ่ายบอลเฉลี่ยต่อ 90 นาที (60.1) มากกว่า เอสซูโก้ (45.3) ซึ่งเห็นได้ชัดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงที่ว่า เชลซี มีค่าเฉลี่ยการครองบอลสูงกว่า (58.2%) ลาสพัลมาส (50.5%)
อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตด้วยว่ามีเพียง 24.0% ของการจ่ายบอลของ ไคเซโด้ ในฤดูกาลนี้ที่เป็นการจ่ายบอลไปข้างหน้า
ในขณะที่ เอสซูโก้ จ่ายบอลไปข้างหน้าได้ 28.0% ของการจ่ายของเขา ซึ่งโดยทั่วไปหมายความว่าเขาพยายามส่งบอลที่มีความเสี่ยงมากกว่า
เช่นเดียวกับ เควนด้า เอสซูโก้ ทำได้เพียงประตูเดียวในลีกในฤดูกาลนี้ โดยยิงประตูได้ในเกมที่พบกับ มายอร์ก้า เมื่อเดือนพฤศจิกายน ในเกมที่แพ้ 3-2 โดยเป็นการยิงจากนอกกรอบเขตโทษ
หนึ่งสิ่งที่เขาต้องพัฒนาก็คือการระวังไม่ให้โดนไล่ออกจากสนาม เอสซูโก้ โดนไล่ออกจากสนาม 2 ครั้งใน 4 เกมหลังสุด
ครั้งแรกกับ โอซาซูน่า เป็นเพราะใบเหลืองใบที่สองหลังจากปรบมือให้ผู้ตัดสินอย่างเหน็บแนม
ครั้งที่สองเขาโดนไล่ออกเมื่อต้นเดือนนี้ในเกมกับ เบติส ก็เพราะใบเหลืองใบที่สองเช่นกัน ดังนั้นเขาต้องเรียนรู้ที่จะจัดการกับตัวเองเมื่อโดนใบเหลือง
ดูเหมือน เอสซูโก้ จะถูกตั้งใจที่จะให้เป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดใหญ่ของ เชลซี ในฤดูกาลหน้า การปรากฏตัวของเขาอาจส่งผลกระทบต่อ ซานโตส และ อูโกชุควู
ซานโตส มีสัญชาตญาณในเกมรุกมากกว่าเล็กน้อย ดังนั้นคุณอาจจับคู่เขากับใครก็ได้ แต่จากการเปรียบเทียบเรดาร์ผู้เล่นด้านล่าง คุณจะเห็นว่า เอสซูโก้ และ อูโกชุควู มีผลงานที่คล้ายคลึงกันในบางส่วน
เอสซูโก้ อยู่ในเปอร์เซ็นไทล์ที่ 85 ในลีกชั้นนำ 5 อันดับแรกของยุโรปสำหรับการดวลบนพื้น ในขณะที่ อูโกชุควู อยู่ในเปอร์เซ็นไทล์ที่ 90 ( ซานโตส อยู่ในเปอร์เซ็นไทล์ที่ 100 )
เอสซูโก้ ยังอยู่ในเปอร์เซ็นไทล์ที่ 64 สำหรับการชนะการดวลลูกกลางอากาศ ในขณะที่ อูโกชุควู อยู่ในเปอร์เซ็นไทล์ที่ 56 ทั้งคู่อยู่ในเปอร์เซ็นไทล์ที่ 13 สำหรับ expected goals