สรุปคือ Tesla hardware 3.0 แยกกำแพงไม่ออกจริงๆ ต้องเข้าใกล้มากถึงจะเห็น ส่วน hardware 4.0 vision จะแยกออกและชะลอให้แต่ไกล

เครดิตคุณ kangg https://www.facebook.com/share/p/15wxn9GGQW/?mibextid=wwXIfr

Tesla ทดสอบเรียล ๆ พุ่งชนกำแพงรูปถนนเหมือนในดราม่าหรือไม่ ?

จากดราม่า Mark Rober ที่ทดสอบ Tesla Autopilot รถพุ่งชนกำแพงรูปเหมือนของถนน ที่สุดท้ายดูเหมือน Mark Rober จะจงใจให้เป็นแบบนั้นเพื่อเทียบกับรถใช้ LiDAR ที่ได้รับการสนับสนุนในวิดีโอนนั้น

ตอนนี้เริ่มมีคนทำทดสอบแบบเดียวกับกับ Tesla ให้ดูกันแล้วว่า แท้จริงแล้วระบบ ‘กล้องอย่างเดียว’ ของ Tesla มันแย่แบบนั้นจริงหรือไม่ โดยในช่องของคุณ Kyle Paul ทำแบบเดียวกับ Mark Rober คือสร้างฉากจำลองแล้วปริ้นรูปเหมือนของถนนแปะเข้าไป จากนั้นก็นำไปตั้งบนถนน

ส่วนรถที่ใช้ทดสอบคือ Model Y HW3 (FSD 12.5.4) เหมือนในวิดีโอ Mark Rober โดยคุณเจ้าของช่องทำเหมือนทดสอบในดราม่าคือขับให้ความเร็วขึ้นมา 65km/h แล้วเปิดใช้ Autopilot จังหวะที่รถวิ่งมาใกล้รูปเหมือนถนนปรากฎว่าระบบรถไม่เห็นวัตถุที่ขวางอยู่ตรงหน้าสุดท้าย Kyle Paul เหยียบเบรคก่อนถึงกำแพงรูปเหมือนถนน กราฟิกที่ขึ้นมาบนหน้าจอกลางเบื้องต้นคือมองไม่เห็นกำแพงที่กั้นอยู่จนค่อย ๆ ขยับรถเข้าไปใกล้อีกนิดถึงจะเห็นว่ามีกำแพงขวางอยู่ ซึ่งคำว่าขยับเข้าไปใกล้ ๆ คือใกล้มากชนิดว่าถ้าปล่อยให้ Autopilot ทำงานยังไงก็ชนแน่ ๆ

Model Y HW3 ทดสอบทั้งหมด 3 ครั้งผลที่ได้เหมือนกันคือรถ HW3 มองไม่เห็นกำแพงรูปเหมือนถนนรถจะพุ่งชนจนต้องเหยียบเบรคทุกครั้ง

——————————————

Cybertruck

นอกจาก Model Y คุณ Kyle Paul ยังไปชวนให้เพื่อนที่มี Cybertruck มาทดสอบด้วยกัน โดย Cybertruck จะเป็นชุดประมวลผล HW4 ที่ใหม่กว่า ระบบ FSD เป็นเวอร์ชั่น 13.2.8 ที่ใหม่กว่าและกล้องที่ชัดกว่าใน Model Y HW3 หลายเท่า

ทำทดสอบแบบเดียวกันขับ Cybertruck ให้ถึง 65km/h แล้วเปิดใช้ Autopilot ปรากฎว่า Cybertruck ชะลอรถแต่ไกลเลยครับ ในหน้าจอกลางปรากฎรูปกราฟิกกำแพงมาให้เห็น พอรถมาใกล้ ๆ กำแพงก็เบรคและหยุดนุ่มนวล โดย Kyle Paul ทำการทดสอบ 3 ครั้งกับ Cybertruck ผลที่ได้เหมือนเดิมทุกครั้งคือรถมองเห็นสิ่งกีดขวางจากนั้นรถชะลอความเร็วและหยุดรถเองอัตโนมัติ

จากที่ผมสังเกตในวิดีโอจังหวะที่รถเริ่มชะลอความเร็วจากที่ระบบเห็นสิ่งกีดขวางระยะประมาณ 20 เมตรได้ และเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ทดสอบ

______________________

จากการทดสอบในวิดีโอนี้ทำให้เราเห็นข้อจำกัดของ Tesla ที่ใช้ HW3 และกล้องที่ความละเอียดไม่ถึง 1 ล้านพิกเซลกันแล้วนะครับว่าเปิดใช้ Autopilot เหมือนในดราม่ารถไม่ชะลอเพราะมองไม่เห็นสิ่งกีดขวางจริง คนต้องเหยียบเบรคช่วยทุกครั้งในการทดสอบ สังเกตได้ว่ารถต้องอยู่ใกล้มากระดับไม่ถึง 1-2 เมตรรถถึงจะมองเห็นกำแพงรูปถนนเหมือนจริงที่ขวางอยู่ แน่นอนว่าถ้ายังปล่อยให้ Autopilot ทำงานพุ่งชนแน่ๆ

Cybertruck HW4 ระบบฉลาดขึ้นและที่สำคัญคือรถที่เป็น HW4 กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซลชัดกว่าเดิมมาก ผลลัพธ์ที่ได้ต่างกัน รถเริ่มชะลอตั้งแต่ 20 เมตรก่อนถึงกำแพงเราได้เห็นความต่างชัดเจน โดยส่วนตัวคิดว่าเรื่องกล้องน่าจะเป็นประเด็นใหญ่ของการทดสอบให้รถที่วิ่งเข้าไปกำแพงแบบนี้ว่ารถจะชะลอหรือไม่ชะลอความเร็ว

เล่นกำแพงแบบนี้ หลายคนก้แยกไม่ออก 55

คือไหนๆก็ซื้อ auto pilot มาใช้แล้ว ก็ควรจะปลอดภัยกว่าคนขับเองด้วยซ้ำไปครับ

คำถามคือ
ในสถานการณ์จริง ใครมันจะเอาฉาก หรือมีกำแพงที่เป็นรูปถนน มาขวางถนน

มันอาจจะมี แต่โอกาสเกิดน้อยมาก

ในเมื่อมันแทบไม่มีโอกาสได้ใช้เลยตลอดการขับรถ 10 ปี
แล้วทำไมจำเป็นต้องมีระบบป้องกันนี้

คือเล่นมาทดสอบในเฉพาะจุดที่เป็นข้อยกเว้น
แต่แทบจะไม่มีทางเจอได้ในสถานการณ์จริง

ไม่งั้นต้องเทสการชนจากด้านบนท้องฟ้าด้วยป่าว
เผื่อคันไหนโดนเครื่องบินลงมาชน ?

หรือทดสอบการชนจากด้านล่างท้องรถ
เผื่อรถไฟใต้ดินทะลุขึ้นมาชนรถได้

ก้เล่นทำกำแพงหลอกตานี่ มันก้ต้องอัฟเทคถึงจะแยกออก

ที่เมกาเคยมีเคสรถเทสล่าพุ่งชนด้านข้างรถบรรทุกนะครับ เพราะตู้คอนเทนเนอร์หลังรถบรรทุกเป็นลายท้องฟ้า

เขาทดสอบการสร้างกำแพงหลอกตาคือ ในเมื่อมนุษย์สามารถแยกได้ว่ามันคือของปลอม ระบบมันต้องตรวจพบว่าปลอมด้วยสิ เพราะระบบมันสร้างมาเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ยิ่งระบบขับอัตโนมัติ ความผิดพลาดหรือตรวจสอบไม่ได้เนี่ย มันต้องไม่มีเลย

จริงๆ ควรจะไปดราม่าเรื่องเจอควันบังทัศนวิสัย แล้วชนตุ๊กตาเด็กมากกว่าอะ อันนั้นอะเจอแน่ๆ ในชีวิตจริง ยิ่งเมกานี้เจอบ่อยกว่าชาวบ้านเลย ซึ่งแค่กล้องอย่างเดียวมันช่วยอะไรไม่ได้เลย

ถ้ามองว่าเป็นแค่รูปถนน ก็อาจจะมองว่าไม่มีประโยชน์ก็ได้

แต่ถ้ามองว่าเป็นการจำแนกสิ่งกีดขวาง มันก็คืออีก 1 อย่างที่ควรทำได้

คำถามคือ ถ้ามันไม่จำเป็นตามที่บอกจริง ทำไม Cybertruck ที่มี HW + FSD ใหม่กว่าถึงแยกได้
แสดงว่า Tesla ไม่ได้มองแบบคุณ และไม่ได้ทำให้มันใช้ได้เพราะดราม่านี้ด้วย แต่ทำได้มาก่อนหน้านั้นแล้วเมื่อ Hardware ถึง

เค้ายังมีจำลองด้านอื่นๆอีก จะเทียบก้อทำให้เหมือนจ้า

ถ้าเป็นรถที่มีระบบเซนเซอร์เตือนกันชนด้านหน้า รถมันจะหยุดไหม ????

อย่าง Toyota Safety Sense อ่ะ

แต่คือ LiDAR มันแยกได้ไงครับ นั่นแปลว่าโอเค % probability ที่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นมันน้อยมาก แต่มันก็เป็น fact ข้อนึงว่าระบบกล้อง + autopilot ของ Tesla HW3 มันแย่กว่า LiDAR แค่นั้นเอง

สำหรับนักพัฒนา อะไรที่ทำให้ดีขึ้นได้เค้าก็ทำครับ
โอกาสเกิดน้อยมากก็แสดงว่ามีโอกาสเกิด
แล้วมันคือเทคโนโลยีที่เค้าจะเอาไปต่อยอดในอนาคตได้อีก หรือเอาไปปรับใช้กับอย่างอื่นได้อีก
อย่างเช่นรถไฟ ที่จะเบรคอัตโนมัติได้ ถ้ามีอะไรอยู่ข้างหน้าไกลๆ (โดยเฉพาะกลางคืนที่คนมองเห็นไม่ชัด)
เครื่องบิน/โดรน ออโต้ไพลอต(ในอนาคต)ที่จะไม่บินชนป้ายรูปท้องฟ้า

ใช่ HW มันยังไม่สุดจริง แต่มันยังไม่ได้จำเป็นต้องใส่ เพื่อลดต้นทุนแหละ

มันเหมือนประมาณ iphone ตัวกล้อง hardware สู้ android flagship ไม่ได้เลย
แต่ software ของ iphone และเทสล่ามันคือที่สุดเหมือนกัน

ในปัจจุบันนี้ยังไม่มีระบบ auto pilot ในรถที่ขายในไทย ไม่มีคันไหนสู้เทสล่าได้เลย