อิตาลี อุตส่าห์ออกนำอย่างรวดเร็วจาก ซานโดร โตนาลี แต่ก็โดน เยอรมนี พลิกสถานการณ์ในครึ่งหลังด้วยลูกโหม่งของ ทิม ไคลน์ดีนส์ และ เลออน โกเร็ทซ์ก้า พาให้ "อินทรีเหล็ก" บุกไปแซงเฉือน "อัซซูรี่" 2-1 ในนัดแรกของเนชันส์ลีกรอบก่อนรองชนะเลิศ

อิตาลี มาโดยที่ไม่มี ดิมาร์โก้ กับ คัมเบียโซ่ ยืนริมเส้นเลยต้องใช้ อูโดกี้ และ โปลิตาโน่ เป็นวิงแบ็คแทน ส่วนแดนกลางเลือกใช้ โรเวลล่า แทนที่จะเป็น ริชชี่ และแดนหน้า เรเตกี ถอนตัวไปเลยเป็น คีน ยืนร่วมกับ ราสปาโดรี่

ส่วนทางด้าน เยอรมนี ให้สองนักเตะจาก ไมนซ์ ที่เพิ่งโดนเรียกติดทีมชาติได้ออกสตาร์ทเลยไม่ว่าจะเป็น บูร์การ์ท และ อามิรี่ ขณะที่แดนกลาง โกเร็ทซ์ก้า ที่คัมแบ็คกลับมาติดทีมชาติชุดนี้ได้ออกสตาร์ท

แล้วเริ่มเกมได้เพียงแค่ 9 นาที อิตาลี ก็มีประตูออกนำไปเรียบร้อยจาก บาเรลล่า ทางขวาจ่ายเข้าเขตโทษให้ โปลิตาโน่ วิ่งโฉบมามุมแคบไม่ยิงดีดเข้ากลางบอลโดนสกัดหลุดมาถึง โตนาลี ยิงส่งบอลเข้าประตูไปพา อิตาลี ออกนำ 1-0

หลังจากนั้นมา เยอรมนี พยายามตอบโต้กลับไปแล้วก็ได้จังหวะฟรีคิกทางขวาจ่ายให้ คิมมิช เติมไปครอสเข้าเขตโทษ โกเร็ทซ์ก้า วิ่งมาขึ้นโหม่งแต่ก็ส่งบอลลอยไปตกบนตาข่าย

เกมครบครึ่งชั่วโมง "อัซซูรี่" หาโอกาสเพิ่มทั้งจากจังหวะฟรีคิกทางขวาเปิดเข้าไปโดนสกัดออกมาหน้าเขตโทษ โตนาลี คนเดิมยิงไกลสวนหนนี้โดนเซฟเอาไว้ได้

จากนั้นต่อด้วย อิตาลี ลุ้นอีกครั้ง โปลิตาโน่ อยู่ทางขวาตักขึ้นหน้าให้ คีน โฉบมาเอาบอลในเขตโทษแล้วจบด้วยการสับไกมุมแคบใส่เสาแรก เบามันน์ ยังปัดข้ามคานไปก่อน

กลับมาเป็น เยอรมนี ได้ลุ้นด้วยฟรีคิกท้ายครึ่งแรกมุมเยื้องไปทางซ้าย อามิรี่ เป็นคนรับหน้าที่จัดการปั่นผ่านกำแพงมาได้แต่ก็ข้ามคานออกไป ทำให้จบครึ่งแรก อิตาลี ยังนำอยู่ 1-0

อย่างไรก็ตามพอกลับมาต่อครึ่งหลัง เยอรมนี ปรับเกมแล้วก็มีประตูตีเสมอทันทีในนาที 49 เป็นจังหวะที่บอลถูกจ่ายให้ คิมมิช ทางริมเส้นขวาก่อนจะเลือกเปิดจากแนวลึกเข้าเขตโทษ ไคลน์ดีนส์ หลุดตัวประกบกระโดดขึ้นคนเดียวโหม่งสะบัดเข้าประตู เยอรมนี ตีเสมอ 1-1

อิตาลี ตอบโต้กลับมาบ้าง บาเรลล่า ออกมาอยู่ทางขวาแล้วใช้ลูกครอสเข้าเขตโทษลอยข้ามมาเสาไกล อูโดกี้ เป็นคนวิ่งมาโหม่งได้แต่ติดแฉลบนิดนึงบอลเลยเข้าแค่ข้างตาข่าย

เกมผ่านมานาที 67 อิตาลี หวิดได้ประตูนำเข้าแล้วเมื่อหนนี้ อูโดกี้ ทางซ้ายให้ โตนาลี โฉบมาแล้วหักเข้าเขตโทษ ราสปาโดรี่ วิ่งสอดมาว่างๆเลือกยิงเรียดไปเสาไกลแต่ก็โดน เบามันน์ เซฟเอาไว้ได้เลยยังไม่นำอีกรอบ

แต่แล้วพอ "อินทรีเหล็ก" มาได้เตะมุมในนาที 76 ก็กลายเป็นฝ่ายขึ้นนำแทนเมื่อ คิมมิช เปิดจากทางซ้ายเข้าไปที่เสาแรก โกเร็ทซ์ก้า โฉบมาโหม่งสะบัดส่งบอลเข้าประตูไปได้ เยอรมนี แซงนำ 2-1

อิตาลี เองเกือบจะเอาประตูตีเสมอคืนทันควันเหมือนกันด้วยเตะมุมทางซ้ายเปิดมาเสาแรก มัลดินี่ เป็นคนเปิดมาทางเสาแรกบอลน่าจะผ่านไปหมดแล้วโดนกองหลัง เยอรมนี เด้งหาประตูตัวเองทำท่าจะเสียบเสาแรกแต่ เบามันน์ ยังไวผวาปัดทัน

ท้ายเกมเจ้าบ้านขอลุ้นตีเสมอด้วยจังหวะที่บอลถูกโหม่งมาถึง มัลดินี่ ในแดนหน้าพลิกมาเข้าขวาได้ตัดสินใจยิงไกลเลยแต่ เบามันน์ ก็ยังเซฟเอาไว้ได้อีก

จบเกม เยอรมนี เป็นฝ่ายบุกมาชนะ อิตาลี 2-1 ทำให้ "อินทรีเหล็ก" กุมความได้เปรียบไว้หลังนัดสองจะกลับไปเล่นที่บ้านของพวกเขาในวันอาทิตย์นี้

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

อิตาลี: จานลุยจิ ดอนนารุมม่า, อเลสซานโดร บาสโตนี่, ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่, โจวานนี่ ดิ โลเรนโซ่, เดสตินี่ อูโดกี้, มัตเตโอ โปลิตาโน่ (เบลลาโนว่า น.64), นิโคโล่ โรเวลล่า (ริชชี่ น.64), ซานโดร โตนาลี, นิโคโล่ บาเรลล่า (ฟรัตเตซี่ น.83), จานลูก้า ราสปาโดรี่ (มัลดินี่ น.71), มอยส์ คีน (ลุคก้า น.83)

สำรองไม่ได้ลงสนาม: อเล็กซ์ เมเร็ท, กูเญียลโม่ วิคาริโอ, เฟเดริโก้ กัตติ, อเลสซานโดร บวนจอร์โน่, มัตเตโอ รุจเจรี่, มัตเตีย ซัคคานญี่, เซซาเร่ คาซาเด

เยอรมนี: โอลิเวอร์ เบามันน์, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, โยนาธาน ทาห์, ดาวิด เราม์ (ชล๊อตเตอร์เบ็ค น.45), โยชัว คิมมิช, พาสคาล โกรส (อันดริค น.90), เลออน โกเร็ทซ์ก้า, จามาล มูเซียล่า, นาเดียม อามิรี่ (เลเวลิ่ง น.66), เลรอย ซาเน่ (อเดเยมี่ น.82), โยนาธาน บูการ์ท (ไคลน์ดีนส์ น.45)

สำรองไม่ได้ลงสนาม: อเล็กซานเดอร์ นูเบิล, สเตฟาน ออร์เตก้า, โรบิน คอช, เดนิซ อุนดาฟ, อันเจโล่ สตีลเลอร์, ยานน์ บิสเซ็ค, มักซิมิเลียน มิตเติลสแต๊ดต์

แผงหลังก็ชุดเดิมตลอด แต่ทำไมเล่นมั่ว ประกบตัวไม่ดี

อูโดกี้เล่นทีมชาติไม่ออกจริงๆ

เพราะสปัลจะเล่นหลัง3แต่ไม่ใช้ Cb ตัวกลางแท้ๆที่คอยดักอ่านซ้อน มาคกิ้งเล่นลูกโด่งเก่งๆ
น่าเสียดายไม่ยอมเรียกอแชบี้กลับมาติด อายุเยอะแต่ยิ่งแก่ยิ่งเก๋าน่าเอามาประคองน้องๆ แกประกบตัวดีมาก
ฮาแลนด์เจอมา2ครั้งแทบหายไปจากเกม นัดก่อนโปรแกรมทีมชาติเรเตกีดาวซัลโวกัลโช่ก็เงียบกริบ

บาสโตนี่เอาจริงเล่นหลัง3ด้านซ้ายมาตลอดในสโมสรแทบไม่เคยเห็นยืนตัวกลาง ในสโมสรจะเป็น อแชบี้สลับกับเดอไฟร์ยืนตัวตัวกลาง แต่ทีมชาติดันทับกับคาลาฟิออรี่ที่คนอวยๆกันจะดรอปบาสก็ไม่ได้เลยได้ยืนตัวกลางไปซะงั้น แต่ก็นะน้าสปัลคงกะซื้ออนาคตถ้าจูนได้ก็ใช้ยาวๆ แต่กับลูกรักอย่างดิลอเรนโซ่นี่ก็ชอบจังเล้ยหัวจะปวด

คหสต.บาสโตนี่ยืน CB ด้านข้างเกมรับนิ่งกว่า พอมายืนกลางจะเห็นข้อเสียคือยังมาคกิ้งลูกโหม่งไม่เนียน ถ้ายืนตัวข้างจะมีส่วนกับเกมรุกเปิดบอลวางบอลยาวขึ้นเกมดีกว่า ยิ่งถ้าได้ดิมาโก้มาเล่นด้วยสลับกันขึ้นลงรู้ใจสุด แทบจะเป็นอาวุธหลักอินเตอร์ผลัดกันครอสจากฝั่งซ้ายไปให้หน้าคู่หรือดุมฟรีที่เสาสอง

งานยากเเล้ว นัดหน้าไปเยือนด้วย

โอลิเวอร์ เบามันน์ ใช้ได้อยู่น

ชล็อตเตอเบค ลงมาเล่นแบคซ้ายหรือครับ >< หรือหลัง 3

เสื้อสวยมาก

ผมไม่ได้ดูเยอรมันนานมาก กลับมาดูอีกทีแทบไม่รู้จักนักเตะละ

ผมตอนแรกก็จะด่าเรื่องนี้แหละ เอาลอเรนโซ่ยืนหลัง แต่ไปดูสถิติย้อนหลัง ลูกโช่คะแนนเรตติ้ง 7-8-9 ตลอด เลยด่าไม่ได้เต็มปาก

เสียดายไม่ได้ดูครึ่งหลัง นาเกลมันส์น่าจะมีโชว์แก้เกมเทพๆอยู่ เห็นเปลี่ยนแบคซ้ายเอาชล็อตลงแทนตั้งแต่พักครึ่ง ไม่รู้ปรับแผนหรือยังไงแต่พลิกกลับมาชนะได้จากที่ครึ่งแรกดูได้แต่ครองบอลก็น่าจะโหดอยู่