อย่างที่หลายๆคนรู้ ว่าหมอไทยลาออกจากระบบรัฐบาลไปทำเอกชนมากขึ้นทุกปีๆ และการผลิตหมอเพิ่มขึ้นแบบไม่เน้นคุณภาพ(นโยบายรัฐเน้นนับจำนวนไม่นับความรู้) ทำให้หมอมีทางเลือกลดลง ถ้าไม่ทนอยู่จนตายกันไปข้างในระบบก็มักจะลาออกไปฝากชีวิตที่รพ.เอกชนกันตามวิถีหมอรุ่นใหม่ แต่ด้วยความที่ตัวเลือกเยอะแยะให้เอกชนสามารถหยิบหมอในตลาดแรงงานได้ไม่จำกัดจำเขี่ยเหมือนระบบรัฐบาล ทำให้ความต้องการขั้นต่ำก็สูงขึ้นเรื่อยๆทุกปี ใครอยากรวยเร็ว ก็ต้องเก่งด้วย เพราะเอกชนใหญ่ๆก็ไม่ง้อคุณเหมือนกัน
อย่างที่อ.หมอแชร์มาก็อ่านแล้วก็ว้าวมาก จะมีหมอสักกี่เปอร์เซนต์ที่ครบตามคุณสมบัตินี้ หมอรุ่นใหม่นี่ปิดประตูได้เลย เจอเจ้าถิ่นดักเต็มแน่นอน (อาจารย์หมอพวกคุณนั่นแหละที่นั่้งดักที่อยู่เต็มไปหมด ) รพ.กรุงเทพ บำรุงราษฏร์ หรือท็อปเทียร์ เลิกฝันไปได้เลย อย่างมากคุณก็ได้ไปหลบมุมเล็กๆตามรพ.เอกชนเกรดรอง หรือเกรดชานเมืองแน่ๆ
ปล. ต่อให้เอกชนแบบนี้ หมอจบใหม่ก็คงเลือกไปตายเอาดาบหน้าอยู่ดีแหละ สู้เสี่ยงเปิดคลินิคทำหน้าหรือคลินิค GP ง่อยๆ ภาพรวมก็น่าจะดีกว่าอยู่ในระบบเหมือนเดิม
ปล.2 ในตจว.ยังพอมีช่องทางเหลืออยู่ แต่ก็จังหวัดหัวเมืองก็แน่นแล้วเหมือนกันเท่าที่ทราบข่าว

เผื่อใครขี้เกียจหา Condition/Requirement ที่ รพ. เอกชนตั้งไว้

- ต้องจบ Subspecialty อย่างน้อย 5 ปี

- เป็นอาจารย์โรงเรียนแพทย์

- จบ Amenrican board หรือ ต่างประเทศ

รุ่นใหม่ ส่วนใหญ่ความงามหมดอะครับ ไม่ได้ไปเรียนเฉพาะทางหรอกครับ ทำศัลย์ด้วยรวยกว่าเฉพาะทางบางสายอีก

หมอใน รพ.ตจว แถวบ้านผมก็แถบไม่มีแล้วต้องใช้โครงการหมอหมุนเวียนจากในจังหวัดใหญ่ๆมาลง 3-4 เดือนหมุนเวียนไปเรื่อยๆ เห้อๆ

ระบบก็แย่ คนไข้ที่มาก็แย่ บางคนป่วยมาหาพอรักษาเสร็จก็ไม่ดูแลสุขภาพต่อก็กลับไปป่วยอีกแล้วก็มาหาหมอใหม่วนไป

เอกชนเกรดรองๆหรือทำคลีนิคมันก็ไม่ได้แย่อะไร ขนาดระดับอาจารย์ยังหนีไปเอกชนแล้วจะทนอยู่ทำไม เพื่อนผมอยู่คลินิคอย่างชิวเงินก็เยอะแถมไม่ต้องอดนอน

ก็เป็นไปตามกลไกตลาดแหละครับ

ค่านิยมสังคมไทย ต่อให้หมอจะเรียนหนัก ทำงานหนักยังไง
อาชีพในฝันที่เด็กเก่งๆ อยากเรียน ยังไงหมอก็อันดับ 1 มาหลายสิบปีแล้ว
อันดับ 1 แบบทิ้งห่างอันดับ 2 ขาดลอยด้วย (ไม่รู้ประเทศอื่นเขาถึงขนาดไทยมั้ย)

ถ้าเทรนด์มันเริ่มไปทางว่า หมอไม่ได้รวยง่ายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ระยะยาวอาจจะทำให้บาลานซ์มากขึ้น
ค่านิยมอาจจะกระจายมาสายอื่นมากขึ้น วิศวะ โปรแกรมมิ่ง กฎหมาย ไฟแนนซ์ ฯลฯ

ก็คงเป็นไปตาม plan ที่ระดับหัวๆเขาคิดไว้ไหมครับ ผลิตแพทย์มาเยอะๆ แพทย์ก็ต้องมาแย่งงานกัน ทางเลือกก็น้อยลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็ต้องมีกลุ่มที่ถูกดันกลับหรือถูกบีบให้อยู่ในระบบอยู่ดี แค่นี้ก็แก้ปัญหาแพทย์ในระบบขาดแคลนในแง่ของตัวเลขได้แล้ว และแน่นอนว่าถ้าระบบยังเละเทะเหมือนในปัจจุบัน แพทย์ที่ถูกบีบให้อยู่ในระบบโดยส่วนมากก็คงไม่ต้องเดากันหรอกว่าจะเป็นแพทย์ tier ไหน ก็คือแพทย์ส่วนใหญ่ที่ รพ เอกชน ไม่รับ หรือทำคลินิคเองไม่รอด (แต่ก็ยอมรับว่าแพทย์ที่อยู่ในระบบที่อยู่ด้วยใจรักและมีความสามารถจริงๆก็ยังมีอยู่) ซึ่งคนรับเคราะห์ก็คือประชาชนผู้มารับบริการ รพ ในระบบนั่นละ ส่วนเบื้องบนก็ได้ตัวเลขสวยๆไปว่าแพทย์ไทยเพียงพอต่อความต้องการ

หมอที่ผมอิจฉาในจังหวัดผมคือ เปิดคลีนิคทิตละ3วัน ที่เหลือพาสาวนศสาวสวยเที่ยว เห็นแล้วได้แต่คิด ชีวิตคือดีแท้น้อ...

ตามนั้น รุ่นน้องผม ลาออกจากราชการ ตอนแรกชีวิตแฮปปี้โพสต์สตอรี่กินเที่ยวฉ่ำ ตอนนี้จะหาลู่ทางเรียนต่อ ไม่มี ลำบากไปฟรีเทรน เส้นก็ไม่มี มีแต่ที่ที่ค่าตอบแทนน้อย เวรเยินเงินเหมาจ่าย



หมอไทย มันไม่ใช่ไม่พอ แต่มันมีบางคนที่ทำงานไม่เหมือนราชการ อาชีพอื่นใน รพ พยาบาล เภสัช ยันยาม แม่บ้าน เค้าทำงานตามเวลากำหนดกันหมด มีอาชีพเดียวใน รพ ที่จะมาทำเมื่อไหร่ก็ได้ วันนึงทำงานถึง 6 ชม รึเปล่าบางคน แล้วพวกนี้ส่วนใหญ่มักจะแก่ แล้วไม่ลาออกหรอก อยู่กินเงินเดือนราชการไปวันๆ ส่วนพวกหมอใหม่ รับจบทุกงาน ตั้งแต่ในวอร์ดยันนอกเวลาที่ ER พวกลาออกก็คือกลุ่มนี้


จริงๆคนภายนอก คิดว่า แค่แก้ปัญหาค่าตอบแทน เวลาทำงาน ก็ช่วยลดปัญหาขาดแคลนแพทย์ได้ แต่ตามความจริง ถ้าผม เป็น กพ จะไล่ให้กระทรวงสาสุข ไปจบริหารอัตรากำลังในกระทรวงคุณให้ดีก่อน เอาตามจริง หมอ แม่งเป็นอาชีพที่ได้ privilage สุดใน รพ แล้ว พยาบาล เภสัช เทคนิคการแพทย์ กายภาพ อะไรนั่น ตำแหน่งบรรจุถ้ามีเค้าให้หมอได้บรรจุก่อนพวกนี้อีก

หมอสิวคือทางออก

ไปสาย Skin ครับ ฉีดหน้า

ัไม่ก็ รับจ็อบ คลินิก GP


อย่าไปมอง รพ.เอกชน แนวหน้า ขนาดนั้น

ตลาดก็ยังเปิดกว้างอยู่ แต่ต้องเลือกงานน้อยหน่อย

ผมว่าเด็กมันก็พร้อมโดด ออก เอกชน อยู่ดี เทียบกับ ทำรัฐบาล ถ้าคิดจะเรียนต่อในระบบแต่แรก คงไม่ลาออกหรอก

ส่วนน้อยครับ ส่วนใหญ่ไปทำความงามหมด ไม่เห็นมาง้อรพ.เอกชนกันสักเท่าไหร่

เรื่อง privilage นี่การเสียภาษีหมอก็....
...น้อยนะ