จากข่าวการคำนวณบำนาญประกันสังคมสูตรใหม่ แทบทุกสื่อรายงานแต่ต้านที่คนได้ประโยชน์คือจากมาตรา 33 มาเป็นมาตรา 39

แต่ในอีกมุมนึงก็มีคนที่เสียประโยชน์ ซึ่งผมว่าเป็นคนส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ นั่นคือคนที่อยู่ในมาตรา 33 ตลอด ตั้งแต่เริ่มทำงานจนเกษียณอายุจากประกันสังคมตอนอายุ 55

เนื่องจากปี 2569 เป็นต้นไป ประกันสังคม(น่าจะ)ปรับเพดานค่าจ้างใหม่ จากเดิม 15,000 เป็น 17,500 20,000 และ 23,000 ตามลำดับ

ทำให้ถ้าคำนวณบำนาญจากสูตรเดิม ใครเกษียณจากประกันสังคมตั้งแต่ปี 2579 เป็นต้นไปก็จะได้ฐานเงินเดือน 60 เดือนสุดท้ายที่ 23,000 แต่ถ้าคำนวณจากสูตรใหม่ที่เอาฐานเงินเดือนเก่าๆมารวมด้วย ฐานเงินเดือนก็จะลดลง

จากที่ลองทำ Excel เล่นๆ

ติ๊ต่างว่าทุกคนทำงาน(จ่ายประกันสังคม) 35 ปี เริ่มจ่ายปี 2542 และฐานเงินเดือนมากกว่าเพดานมาโดยตลอด

โดยจะเริ่มจากคนที่เกษียณปี 2569 เพราะเป็นปีแรกที่ฐานเงินเดือนที่ใช้คำนวณบำนาญสูตรใหม่กับสูตรเก่าไม่เท่ากัน

และยังไม่ได้เอาเรื่องการปรับค่าครองชีพมาคำนวณ เพราะไม่รู้ว่าเค้าคิดยังไง

Spoil

-ปีที่เริ่มทำงาน
-ปีที่เกษียณจากประกันสังคม(อายุ55)
-เพดานค่าจ้าง คือเพดานค่าจ้างตามประกาศของประกันสังคม(ถ้าไม่มีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมในอนาคต)
-ฐานเงินเดือนคำนวณบำนาญสูตรเก่า คือเอาแค่ 60 เดือนสุดท้ายมาคำนวณ
-ฐานเงินเดือนคำนวณบำนาญสูตรใหม่ คือเอาทุกเดือนมาคำนวณ ย้อนหลังไป 35 ปี (เพราะติ๊ต่างว่าทุกคนส่งประกันสังคมมา 35 ปี)
-บำนาญสูตรเก่า คือบำนาญที่จะได้ ถ้าคำนวณจากสูตรเก่า
-บำนาญสูตรใหม่ คือบำนาญที่จะได้ ถ้าคำนวณจากสูตรใหม่

จะเห็นได้ว่าคนที่เสียประโยชน์ที่สุดคือคนที่เกษียณจากประกันสังคมปี 2579 มีส่วนต่างของบำนาญถึงเดือนละ 3,000 บาท  

คิดเห็นกันเช่นไรครับ ใครมองว่าสูตรใหม่ทำให้เสียประโยชน์จริง บำนาญควรต้องอิงกับฐานเงินเดือน 60 เดือนสุดท้าย เพราะสะท้อนค่าครองชีพ ณ ปัจจุบัน

หรือใครมองว่าสูตรใหม่เหมาะสมแล้ว ในอดีตจ่ายน้อย(จากเพดาน 15,000) ก็ควรได้บำนาญน้อยกว่าคนที่จ่ายเยอะ(จากฐาน 23,000)มาตั้งแต่เริ่ม

รู้สึกว่าสูตรบำนาญใหม่เค้าน่าจะเอาเงินเดือนเก่าๆ คูณอัตราเงินเฟ้ออะไรสักอย่างด้วยนะครับ

ตามนี้เลยครับ

มีปรับฐานเงินด้วย ใครส่งเมื่อสามสี่ก่อนหน้าจะเกินหมดมั้ง

มีสูตรคำนวณมั้ยครับ

สูตรใหม่สอดคล้องกับความเป็นจริงมากกว่าครับ

คนที่ใช้ ม.33 ตลอด แต่พอเงินเดือนจะปรับฐานสูงขึ้น การใช้สูตร 60 เดือนสุดท้ายมันไม่เมคเซ้นส์ ควรใช้เฉลี่ยฐานเงินเดือนจริงตลอด

อย่ามองว่ารายได้ลดลง เพราะเรื่องการปรับฐานเงินเดือนมากกว่า 15,000 ก็เป็นเรื่องเพิ่มเติมมาทีหลังเหมือนกัน

ตอนแรกคิดว่า ม.33 จะเสียเปรียบเพราะแทนที่จะเอาฐาน 15,000 5ปีสุดท้ายมาเป็นฐานแต่กลับเอายอดที่ส่งทั้งหมดตั้งแต่แรกมาเฉลี่ย ซึ่งคนทำงานเริ่มต้นฐานเงินเดือนยังไม่ถึง15,000 พอมาเฉลี่ย ม.33จึงเสียเปรียบ

แต่พอฟังสัมภาษณ์อ.ที่เป็นบอร์ดประกันสังคม เขาบอกว่า จะปรับฐานให้เหมาะสมกับค่าครองชีพในปัจจุบันให้ ก็คือ สมมุติเงินเดือนเริ่มแรกฐาน7,000ถ้าเทียบกับค่าครองชีพปัจจุบันก็จะปรับเป็น15,000ให้
ซึ่งถ้าเฉลี่ยน้อยกว่าสูตรเก่าก็จะใช้สูตรเก่าแต่ถ้ามากกว่าก็จะใช้สูตรใหม่
โดยจะปรับให้ 5 ปีนับจากเกษียณอายุ พอหลังจาก5ปีแล้วเขาจะปรับฐานให้มันเหมาะสม (คือปรับฐานขึ้นให้เหมาะกับค่าครองชีพปัจจุบัน) ซึ่งเขาแจงมาว่าจะไม่น้อยกว่าสูตรเก่าแน่นอน ม.33ไม่ต้องห่วงว่าจะเสียเปรียบ
แต่จะปรับยังไงเดี๋ยวรอฟังอีกที เพราะมันมีการส่งเงินเพิ่มจากฐาน15,000ตามระยะเวลาที่ออกมาใหม่ด้วย

สรุป ม.33ไม่ต้องกลัวว่าสูตรใหม่จะได้น้อยกว่าเดิม เขาแจงมาว่ามีแต่เท่าเดิมหรือมากกว่านิดหน่อย (เขาแจงมาแบบนี้นะก็ต้องรอฟังต่อไป ซึ่งต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจให้ดี เพราะตอนนี้คนที่อยู่ ม.33เริ่มบ่นแล้วว่าไปอุ้ม ม.39แล้วมาทำให้ ม.33 เสียเปรียบ

ถ้าวันนึงเรามีเหตุให้ตกงาน ต้องไปเป็น ม39 เราจะมองเรื่องนี้อีกแบบเลยครับ

เหรียญมี 2 ด้าน ก็ตามนั้นนะ ซึ่งพวกนี้จริงๆไม่ใหม่หรอก ประกันสังคมเองก็บอกแล้วว่าศึกษามาตั้งแต่ 2563 โดยเนื้อข่าวด้านนึงเค้าก็สรุปไว้แบบนี้

"สรุปสูตร CARE ไม่ใช่การเพิ่มบำนาญ แต่เป็นการปรับให้ระบบยุติธรรมและยั่งยืน โดยหากส่งมากได้มาก ส่งน้อยได้ตามสัดส่วนอย่างแท้จริง และลดปัญหาสูตร 60 เดือนสุดท้ายที่บางคนใช้ เพื่อให้ได้บำนาญสูงเกินจริง หรือกลุ่มมาตรา 39 ที่ฐานต่ำเกินไป อีกทั้งจะไม่กระทบผู้ที่รับบำนาญอยู่แล้วหรือคนที่ใกล้เกษียณมากเกินไป"

ดังนั้นสูตรเก่าจะไม่มีทางคงอยู่ตลอดไปอยู่แล้ว ยิ่งถ้าปรับฐานไปเป็น 23,000 ในอนาคต เพราะถ้าคนส่วนใหญ่เคยจ่ายจากฐาน 15,000 แล้ว 5 ปีสุดท้ายไปจ่ายเป็นฐาน 23,000 แทน มันจะกระทบความมั่นคงของประกันสังคมพอสมควร เพราะเคยรับเงินส่วนใหญ่จากฐาน 15,000 แต่พอถึงเวลาจ่ายออก ต้องจ่ายจาก 23,000 แทน ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าพอกระทบความมั่นคง ก็ต้องออกมาปรับสูตรอยู่ดี ขนาดตอนนี้ยังจะขยายอายุเกษียณจาก 55 ปีไปเป็น 60 ปีเลย

ปัญหาตอนนี้คือฐานมันเพิ่งจะขยับ ตอนบางคนทำงานมาจนจะเกษียณแล้ว และถ้ากลุ่มนี้อยากได้บำนาญจากฐานใหม่ด้วย มันก็ควรมีมาตรการใหม่มาดูแลตรงนี้โดยไม่กระทบความยั่งยืนเหมือนกัน ก็คงต้องเลือกตัวแทนฝั่งลูกจ้างไป แล้วพยายามชงเรื่องนี้เข้าไปให้เค้าพิจารณา

ส่วนตัวผมโอเคกับสูตรใหม่นะ เพราะมันก็เป็นฐานเฉลี่ยที่เราจ่ายจริงๆนั้นแหละ ถึงจะได้น้อยลงแต่รับได้ จ่ายเยอะได้เยอะ จ่ายน้อยได้น้อย