การมาของยุค AI ทำให้คนโง่ขึ่น...ชาว SS เห็นด้วยไหมครับ
อ้างอิง post นี้ เห็นด้วยกันมั้ยครับ.. หรือเฉยๆก็ถ้าผลลัพท์ออกมาดีจากเครื่องทุนแรง แล้วจะไปซีเรียสอะไร...หรือมองว่า คุณควรเข้าใจถ่องแท้ ก่อนใช้เครื่องมือจะดีที่สุดครับ
https://www.facebook.com/share/p/18dSdnvLzH/
อ้างอิงจาก:
คนเราโง่ลงไหมในยุค AI
ตั้งใจจะเขียนเรื่องนี้มาสักพักแล้ว ช่วง 1-2 วันนี้มีบทความที่เอ่ยถึงประเด็นเดียวกันออกมาพอดี ขอรวบเป็นโพสต์เดียวเลยแล้วกัน
[1]
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีบล็อกอันนึงดังในแวดวงไอทีฝรั่งคือ New Junior Developers Can’t Actually Code
เล่าว่านักพัฒนาซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ๆ เขียนโค้ดเองไม่เป็นแล้ว เพราะมีเครื่องมือแบบ Copilot, Claude หรือ GPT คอยช่วยตลอดเวลา โค้ดสามารถรันได้ แต่เจ้าตัวไม่เข้าใจว่าโค้ดรันได้ยังไง
วัฒนธรรมการเข้าไปศึกษาการทำงานของซอฟต์แวร์ให้รู้จนปรุ (อย่างการไปตามอ่านคนเถียงกันใน StackOverflow) มันเริ่มหายไป
[2]
มีโอกาสไปนั่งคุยกับบริษัทซอฟต์แวร์แห่งหนึ่งที่รู้จักกัน เขามีนโยบายเรื่อง AI ช่วยเขียนโค้ดคือ "อยากใช้อะไร เต็มที่ พี่ซื้อให้" หลังจากทดลองใช้เครื่องมือพวก Cursor.ai มาหลายเดือน สิ่งที่พบคือ
โปรแกรมเมอร์เทพๆ ทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้นมาก จากปกติใช้เวลา 2-3 วัน ลดลงมาเหลือไม่กี่ชั่วโมง เหตุผลเป็นเพราะโปรแกรมเมอร์อาวุโสเหล่านี้มีภาพในหัวอยู่แล้วว่าจะทำอะไรอย่างไร การมี AI ช่วยโค้ดเข้ามา เหมือนมีเวทย์มนตร์ที่ "เสก" งานให้เป็นจริงได้เร็วขึ้น
แต่ในด้านตรงข้าม เมื่อน้องๆ จูเนียร์ใช้เครื่องมือเหล่านี้ ได้โค้ดที่รันได้ออกมา เขาเกิดอาการ "ไม่มั่นใจ" ว่าที่ทำมามันถูกหรือไม่ เครื่องมือ AI ช่วยงานเทคนิคได้ แต่ไม่สามารถทดแทน "พี่คนนั้นบอกว่าถูกแล้ว" การเป็นที่พึ่งทางใจที่มีซีเนียร์คอยซัพพอร์ตได้
[3]
เจอโพสต์ของคุณ Lakshya Jain ที่บอกว่าตัวเองสอนวิชา Database ที่ Berkeley มา 10 เทอมแล้ว สิ่งที่เขาพบในเทอมล่าสุดคือ นักศึกษา active น้อยลง ไม่มีการโพสต์ถามในเว็บบอร์ดของคลาส คนที่มาขอคำปรึกษาใน office hours มีน้อยลงมาก และผลการสอบออกมาว่า คะแนนเฉลี่ยต่ำสุดตั้งแต่เขาเคยสอนมา
สาเหตุคงเดาได้ไม่ยาก ว่าเป็นเพราะนักศึกษาใช้ ChatGPT ช่วยทำการบ้านกันหมด
[4]
บทความล่าสุดใน Financial Times เมื่อวานนี้ นำสถิติด้านการเรียน คะแนนสอบเฉลี่ยในประเทศร่ำรวยทั้งหลาย มาย้อนดูแล้วพบว่าคนในประเทศเหล่านี้ "โง่ลง" ในสาขาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน
จุดตัดที่คะแนนเริ่มตกลงอยู่ในช่วงกลางๆ ทศวรรษ 2010s ซึ่งสอบถามเพื่อนอาจารย์มหาวิทยาลัย ทั้งในไทยและต่างประเทศว่าจริงไหม ก็ได้รับคำตอบว่า จริง
[5]
มิตรสหายอาจารย์ท่านหนึ่งส่งภาพการสอบมาให้ดูเมื่อเช้านี้ เป็นการสอบแบบ open book ที่ให้ใช้คอมได้ แต่ไม่ต่อเน็ต และเขียนคำตอบลงกระดาษ มันอาจจะเป็นทางออกของการเรียนการสอนในยุคนี้
นึกถึงสมัยที่ตัวเองเรียนวิชา compiler สมัยปริญญาตรี อาจารย์ให้ทำทุกอย่างลงกระดาษ ให้สมองเราเป็น compiler อาจารย์ให้ input มา แล้วเราเขียน output ลงกระดาษ ตอนสอบรู้สึกยากเย็นมาก แต่ตอนนี้ก็ต้องขอบคุณอาจารย์ที่บีบให้เราต้องคิดและแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
การเรียนการสอนในยุค AI ครองโลก อาจต้องกลับไปเหมือนสำนักกำลังภายในที่เราเห็นในหนังหรือการ์ตูน เริ่มมาปีแรก ฝึกฟันดาบใส่อากาศไปหมื่นครั้ง เอาทักษะให้แน่นก่อน โดยที่ห้ามมีตัวช่วยเลย