เกาหลีใต้ สังคมชายเป็นใหญ่ที่หยั่งลึกไปทุกแห่ง!
ภาพลักษณ์ของชายแสนโรแมนติกเช่นนี้ คาแรกเตอร์ที่ถูกเซตระบบมานี้
เกาหลีใต้ล้วนตั้งใจใช้เป็นเครื่องมือสร้างภาพต้นแบบชายหนุ่มในอุดมคติ ให้พระเอกแสนอบอุ่นมาเป็นทูตสันถวไมตรี K-Culture ที่กำลังแผ่ขยายไปทั่วโลก
เกาหลีเป็นประเทศที่มี Gender Gap สูงระดับต้นของโลก
การเลือกปฏิบัติต่อชายหญิงที่ไม่เท่ากัน ผู้หญิงเกาหลีไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศที่มีโอกาสเท่าเทียม พวกเธอต้องทนอยู่ใน ‘สังคม Woori’ คือการเล่นพวกพ้องของเพศชาย สังเกตว่าจะไม่ค่อยเห็นผู้หญิงเกาหลีดำรงตำแหน่งสูง ๆ เท่าใดนัก ความก้าวหน้าในอาชีพรวมถึงค่าจ้างก็น้อยกว่าชายถึง 40%
กลุ่มบริษัทชั้นนำ 3 อันดับแรก (Samsung, Hyundai และ LG) ไม่มีผู้หญิงอยู่ในคณะกรรมการเลย และมีผู้หญิงเป็นซีอีโอของบริษัทเกาหลีเพียง 2.6% เท่านั้น
การสำรวจของ The Economist ระบุว่า เกาหลีใต้อยู่ในอันดับสุดท้ายของกลุ่มประเทศที่วัดช่องว่างทางเพศในด้านการศึกษา ค่าจ้าง และตำแหน่งผู้บริหาร
ถอดภาพชายในอุดมคติผ่านเพลงและหนัง
ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 ซึ่งเป็นช่วงที่เกาหลีใต้เป็นประเทศประชาธิปไตยเสรีนิยมรุ่งเรือง ผู้ชายในหนังเกาหลีมักถูกพรรณนาเป็นชายแข็งแกร่ง พึ่งพาได้ อย่างในภาพยนตร์แนวอันธพาลและนักสืบ หรือหนุ่มกบฏในละครโทรทัศน์บางเรื่อง
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปในยุคปัจจุบัน สื่อพยายามนำเสนอภาพลักษณ์ชายที่อ่อนโยนมากขึ้น เป็นหนุ่มหล่อ หน้าใส จิ้มลิ้ม สุภาพ ให้เกียรติ และดูเหมือนจะถูกใจผู้ชมทั่วโลก
ซึ่งการจะเป็นผู้ชายในแบบที่ว่ามา ก็ต้องดูแลตัวเองไม่ต่างจากผู้หญิง เพราะใช่ว่าทุกคนจะดูดีเหมือนหลุดออกมาจากซีรีส์ เป็นเรื่องปกติที่คุณจะเห็นผู้ชายแต่งหน้า ทารองพื้น แต้มปาก จัดทรงผม เสื้อผ้าแมตช์ตั้งแต่หัวจรดเท้า บางคนเป๊ะยิ่งกว่าผู้หญิง บางครั้งคนกลุ่มนี้ก็จะถูกเรียกว่า “Khonminam” ซึ่งเป็นการผสมคำว่าดอกไม้และผู้ชายเข้าด้วยกัน สะท้อนความเป็นชายแบบผสมผสาน อ่อนโยนแต่ก็แมนในเวลาเดียวกัน
ยกตัวอย่างซีรีส์ที่ดังระดับเอเชีย Descendants of the Sun พระเอกของเรื่องอย่าง “ซงจุงกิ” ที่รับบทกัปตันหน่วยรบพิเศษกองทัพ ขัดกับหน้าตาที่ดูนุ่มนิ่ม แต่เป็นหน้าพิมพ์นิยมที่คนเกาหลีให้การยอมรับ
ชี้นำให้ผู้ชมคิดไปว่าผู้ชายเกาหลีมีรูปลักษณ์สุภาพน่ารัก มองในอีกด้านความคิดนั้นก็ส่งผลกระทบต่อเพศชายในเอเชีย เพราะผู้หญิงมักจะคาดหวังให้พวกเขาเป็นเหมือนชายในซีรีส์ หากผู้ชายคนไหนนิสัยดีก็จะมีคำพูดตามมาว่า “ดีเหมือนอปป้าในซีรีส์เลย”
ลบล้างความเข้าใจ ชายแสนดีมีแค่ในซีรีส์
ปัจจุบันต้องยอมรับว่าวงการบันเทิงเกาหลีใต้มีการเคลื่อนไหวที่ดีขึ้น เริ่มมีคนเบื้องหลังบางกลุ่มที่พยายามขับเคลื่อนประเด็นเหล่านี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ซีรีส์หรือภาพยนตร์เกาหลีทุกวันนี้ เริ่มแตะเรื่องต้องห้ามของคนเกาหลี และพยายามเปลี่ยน mindset ของพวกเขาทีละเล็กละน้อย
ตัวอย่างเรื่อง The Penthouse ที่ผู้ชายตัวเอกในเรื่องมีความอารมณ์ร้าย ทุบตีทำร้ายภรรยา ดูถูกเพศหญิง ต่างไปจากภาพของผู้ชายในซีรีส์เกาหลีเรื่องอื่น ที่พยายาม romanticized ให้ผู้ชายเป็นคนดี อ่อนโยน แต่ทุกคนหรือแม้แต่คนเกาหลีเองก็มักจะพูดไปในทิศทางเดียวกันว่าผู้ชายแบบในเรื่องนี้คือชายเกาหลีของแท้
ซึ่งนอกจากการขยับเรื่องลักษณะนิสัยของตัวละครชายแล้ว ยังมี movement อื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกด้วย เช่น การทำซีรีส์ฉายภาพชีวิตแหลกละเอียดของหญิงสาวที่ประสบความสำเร็จ เก่ง ฉลาด เพียบพร้อม แต่ต้องทนทุกข์เพราะถูกสังคมก่นด่าว่าเป็นหญิงไม่ดี เพียงเพราะรักษาชีวิตแต่งงานไว้ไม่ได้
เพราะชาวเกาหลีก็ให้ความสำคัญกับเรื่องครอบครัว คือครอบครัวที่สมบูรณ์ควรจะประกอบไปด้วยภรรยา สามี และลูก
การหย่าร้างจึงถือเป็นเรื่องใหญ่ หากหย่าผู้ชายอาจได้รับผลกระทบบ้างแต่น้อยกว่าผู้หญิงมาก เพราะในสังคมชายเป็นใหญ่ที่พร้อมจะปิดตาข้างหนึ่งเช่นเกาหลีนี้ ผู้หญิงบางคนหลังหย่าต้องทนถูกแปะฉลากว่าไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตรัก เป็นหญิงไม่ดีสามีทิ้ง
ยกตัวอย่างเรื่องจริง การหย่าร้างของคู่รักซูเปอร์สตาร์ ‘ซงจุงกิ-ซงฮเยคโย’ คู่รักสะท้านเอเชียที่ตกหลุมรักกันจากซีรีส์ดัง Descendants of the Sun
ประกาศแต่งงานหลังซีรีส์จบ แฟนคลับทั่วโลกต่างร่วมยินดี แต่แล้วความรักระดับตำนานนี้ก็จบลงอย่างรวดเร็ว ฝ่ายหญิงถูกฟ้องหย่า ท่ามกลางการถูกตราหน้าจากสังคมว่าเป็นผู้หญิงร้าย ทำให้ผู้ชายทนอยู่ด้วยไม่ได้
จนปัจจุบันฮเยคโยก็ยังต้องใช้ชีวิตกับฉลากว่าเธอเคยมีชีวิตรักล่มหนึ่งครั้ง การจะเริ่มต้นใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายแม้เธอจะเคยเป็นนางเอกระดับเบอร์หนึ่งของเกาหลีก็ตาม แต่ผู้ชายก็ไปแต่งงานใหม่ได้โดยไม่ถูกตำหนิอะไร
ทั้งนี้ อัตราการหย่าร้างในเกาหลีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะมาตรฐานที่ไม่ยุติธรรมในสังคมชายเป็นใหญ่ที่ผู้หญิงถูกกดขี่ภายใต้คำว่าภรรยาที่ดี
และผู้ชายเกาหลีส่วนใหญ่รู้อยู่เต็มอกว่ามีความไม่เท่าเทียมทางเพศ แต่เลือกที่จะเพิกเฉย เพราะพวกเขาได้รับความสะดวกสบายจากสิทธิที่สังคมให้ผู้ชายมากกว่า ทำให้ทุกคนเลือกที่จะปิดตาข้างหนึ่ง
เหตุใดชายหนุ่มจำนวนมากในเกาหลีใต้จึงเกลียด Feminist
แม้จะมีเหตุผลต่าง ๆ มาโต้แย้ง แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในเกาหลีมีระบบที่สร้างมาเพื่อกดขี่เพศหญิงมาช้านาน แม้ไม่มีการยอมรับตรง ๆ แต่ก็ซ่อนตัวอยู่ในทุกอณู จนคนรู้สึกได้เอง
เช่น เวลาสัมภาษณ์งานจะต้องเจอคำถามอายุ ถามว่าแต่งงานหรือยัง และวางแผนจะมีลูกเมื่อไหร่ คาดหวังให้พนักงานหญิงต้องมี ‘Aegyo’ (คำพูดน่ารัก ๆ ตลอด) ต้องคอยไปเอนเตอร์เทนในงานเลี้ยงบริษัท บังคับให้ผู้หญิงใส่ชุดยูนิฟอร์มบริษัทขณะที่ผู้ชายไม่ต้องใส่ (งานธนาคาร) ปฏิบัติต่อเธอเหมือนวัตถุทางเพศมากกว่าที่จะเป็นมนุษย์จริง ๆ
ส่วนหนึ่งมาจากการบังคับเกณฑ์ทหาร ที่ชายเกาหลีทุกคนต้องผ่านการรับใช้ชาติ ผู้ชายจึงมองว่าตนเป็นเพศที่ต้องเสียสละตัวเองปกป้องเพศที่อ่อนแอ แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นความดิบเถื่อนที่ส่งต่อมาตั้งแต่รุ่นก่อน สะท้อนจากช่วงสงครามเวียดนามที่ทหารเกาหลีล่าเพศหญิง และเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพวกเธอ
แม้ว่าผู้ชายเกาหลีจะไม่ได้เป็นพวกเกลียดผู้หญิงทุกคนก็ตาม และคนรุ่นใหม่ก็เริ่มมีทัศนคติเปลี่ยนไป พยายามมีส่วนร่วมในการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมทางเพศมากขึ้น
แต่โครงสร้างแบบดั้งเดิมได้หยั่งลึกลงในทุกหนแห่งของเกาหลีแล้ว
Feminists คือความเลวทราม
ลักษณะเฉพาะอีกประการหนึ่งของวัยรุ่นชายชาวเกาหลี คือการแสดงออกว่าเกลียดชังผู้หญิงอย่างรุนแรง แน่นอนว่าการเหยียดเพศเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานในเกาหลีแล้ว แต่การเหยียดเพศในรูปแบบที่ไม่พอใจของคนรุ่นนี้จะแตกต่างจากการเหยียดเพศในรูปแบบดั้งเดิมของคนรุ่นพ่อพวกเขา
หากรุ่นพ่อกดผู้หญิงด้วยการมองว่าตัวเองเป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นช้างเท้าหน้า ผู้ชายเกาหลียุคนี้ก็จะมองว่าตัวเองเป็นเหยื่อของการเรียกร้องสิทธิสตรี
ยกตัวอย่าง “ไอรีน Red Velvet” โดนชาวเน็ตโจมตี เพียงเพราะเธออ่านหนังสือเรื่องคิมจียง เกิดปี 1982 ซึ่งมีเนื้อหาสตรีนิยมของผู้หญิงคนหนึ่งที่ตลอดทั้งชีวิตต้องพบกับความไม่เท่าเทียม และสถานการณ์เหยียดเพศในสังคมเกาหลีใต้ ทำให้แฟนคลับชายออกมาเผารูป เผาอัลบัมของเธอ พร้อมกล่าวว่าผู้หญิงที่อ่านหนังสือ feminist เป็นคนเลว
การกดขี่เพศหญิงที่หยั่งรากลึกเกินกว่าจะลบล้าง
ในช่วงการถอดถอนประธานาธิบดีพัค เพศชายส่วนใหญ่เลือกพรรคอนุรักษนิยม แต่ไม่ได้แปลว่าพวกเขาสนับสนุนตลาดเสรี ต่อต้านรัฐสวัสดิการ แต่นั่นเป็นเพราะมันคือจุดบรรจบของเพศและอำนาจ
พรรคพลังประชาชนซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านอนุรักษนิยมหลักของเกาหลีใต้ ได้เลือกอีจุนซอก นักวิชาการวัย 36 ปี ให้เป็นประธานพรรค แต่แม้จะพยายามมาแล้วถึงสามครั้งอีจุนซอกก็ไม่เคยได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเลย อีจุนซอกได้เขียนบทความแสดงความคิดเห็นว่าพรรคเดโมแครตพ่ายแพ้เพราะพวกเขาทุ่มสุดตัวกับลัทธิสตรีนิยม อันส่งผลต่อการลงคะแนนเสียงของผู้ชายในวัย 20 และ 30 ปี ทั้งยังโจมตีนักสตรีนิยมหัวรุนแรง และแผนริเริ่มของรัฐบาลที่แต่งตั้งผู้หญิงเข้าคณะรัฐมนตรีเพิ่มขึ้น
Cr.Marketeer Online
นอกจากการกดขี่ทางเพศแล้ว อีกเรื่องนึงที่พบว่ารุนแรงเช่นกันคือระบบอาวุโสในเกาหลีใต้
อันนี้ผมเห็นด้วยตัวเองตั้งแต่เรียนเอแบค (เกาหลีเยอะพอสมควร) รวมถึงดูซีรีส์, วาไรตี้มาไม่ต่ำกว่า 10 ปี
คือคนอายุน้อยกว่านี่แทบจะเป็นเบ๊ได้เลย คือรุ่นพี่หรือคนอายุมากกว่าสามารถข่มได้ทุกอย่างทั้งคำพูดหรือการกระทำ
ซึ่งมันฝังรากลึกของคนเกาหลีทุกช่วงอายุจนถึงปัจจุบันเริ่มตั้งแต่วัยเรียนเป็นต้นไป