พอไปเดินกับเด็กผมถึงรู้ เรื่องออกกำลังกาย
วันอาทิตย์ที่แล้วไปเดินขึ้นเขากับน้องในที่ทำงาน
คือปกติผมจะไปกับหมอบ้าง พี่หัวหน้าหน่วยงานต่างๆบ้างในอำเภอบ้าง ตำรวจ ปกครอง ทหาร เกษตร ไฟฟ้า อะไรแบบนี้ ที่นานๆทีเขาจะออกกำลังกาย ก็ไปเดินเล่นกันตอน 6 โมง ขึ้นเขาชิลล์ๆ
ทีนี้มีน้องมาใหม่ อายุ 24-25 มั้ง ก็เลยลองชวนไป
ทีนี้คุณนึกถึงเด็กเบียวๆเก๊กๆนึกออกมะ ผมไม่ว่านะเพราะแต่ก่อนผมก็เป็น มันก็จะแบบทรงเดินเร็วหน่อย เราก็ไม่ชินเพราะปกติก็เดินไปคุยไป ก็ต้องขโยกตาม มีหอบอยู่เหมือนกัน
ขากลับผมขอถ่ายติดต่อกนิดนึง เพราะใบไม้ต้นไม้มันสดดี น้องเขาก็เดินมาเข้ากล้องตรงผมถ่ายยืนเก๊กเป็นนายแบบหน้ากล้องให้เลย ถ่าย 1 นาทียืนอย่างเท่ ผมก็งงๆคือไม่เคยเจออะไรแบบนี้

แต่ในใจก็คิดว่า เออ กูก็อยากถ่ายคนมานานแต่กลัว privacy เลยมาเป็นสายตั้งกล้องถ่ายวิว ได้แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
แต่เท่าสังเกตุนะ
1. พออายุ 35+ ไปจะเกือบ 40 เนี่ย ผมว่าบางคน รวมถึงผมด้วย จะคิดว่าตัวเองจะเจ็บง่าย เลยมาเล่นอะไรที่มันเซฟๆ จนบางทีมันเซฟเกินไป แล้วสุดท้ายผลของการซ้อมมันก็แสดงออกมาอย่างที่ผมไปเดินกับวัยรุ่นนี้แหละ คือสเต็ปเท้าผมช้าไปเลย
จริงๆการประเมินสมรรถนะมันควรจะมีทุกด้าน ด้านละนิดละหน่อย อย่างของผมเนี่ย พออายุเยอะผมเดินได้อึดขึ้น ระยะทางมากขึ้น ผมเดินไประยะมาราธอนได้ครั้งแรกในชีวิตในปีที่ผ่านมา รวมถึงปั่น 100 โลด้วย แต่ที่ลดลงดันกลายเป็น agility balance อาจจะรวมถึงการ explosive ต่างๆ เพราะผมเล่นเซฟตัวเองตลอด
เวทก็เว้นระยะระหว่างเซ็ตนาน กลัวเจ็บ
วิ่งก็ไม่เอา กลัวเข่าพัง
โยคะไม่เอา เสียเวลา ติดพุง
คาร์ดิโอเยอะก็จริงแต่ target heart rate ไม่ได้ แถมวัน recovery นาน
เหล่านี้เรียกว่ามันเป็นการใส่ไม่สุด เหมือนจะฉลาดแต่ก็ไม่นะ

เพราะถ้าคนที่ออกกำลังกายมานานมันก็น่าจะมีสกิลป้องกันการบาดเจ็บติดตัวอยู่พอสมควร คือพอรู้ลิมิตตัวเอง
2. ผมก็เลยไปลองเล่นเวทแบบเพิ่มความถี่ ให้สมกับเป็นฤดูใบไม้ผลิหน่อยเมื่อวาน ก็ลองลดระยะเวลาพักระหว่างเซ็ตดู แต่ลดน้ำหนักลงในเซ็ตแรกๆ มันเลยเหมือนกลายเป็นเซ็ต warm ด้วย ก็ดีเหมือนกัน
มี HIIT บ้าง เพราะมี stepper machine มี cheat บ้างเล็กน้อย บางครั้งก็ใช้จำนวนครั้งเยอะ
ปรากฏว่า เออ มันคือสิ่งที่ผมลืมไป ไอ้การเล่นแบบมีอีโก้นิดๆนี่ก็สนุกดี
3. ต่อไปก็จะลอง T25 ดูสักรอบ ที่ถามไปคราวก่อนนะ