มันขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคล ไม่มีคำตอบไหนถูกที่สุดครับ

Work Life Balance ผมมองว่าไม่ใช่ 50/50 ครับ

แค่ว่าเรา balance ในระดับที่ไม่เสียงาน เช่น งานเราความคาดหวังสูง อยากสำเร็จสูง ก็ Work 90 Hobby 10 แต่หมายความว่าใน 10 คุณต้องปิด Work ทิ้งได้จริงๆ อันนี้ผมคิดว่า Work Life Balance แล้ว

แต่ตัวผมก็ทำไม่ได้นะ แค่คิดว่าน่าจะเป็นแบบนี้

ผู้บริหารที่พอจะรู้จัก ยิ่งพวกเบอร์ต้นๆ หลายคนเป็น workaholic หลายคนเอนจอยกับการทำงานมากๆ
จนไม่สนเรื่องนี้เลย เค้าโอเคกับการทำงานตลอดเวลา คิดตลอดเวลา ซึ่งมันก็แลกมากับการขึ้นไปอยู่ตรงนั้นรับรายได้สูงๆ เค้าโฟกัสกับความสำเร็จตรงนั้น และไม่ได้คิดว่าตัวเองพลาดอะไรไป
ซึ่งมันก็เป็นข้อเท็จจริงจริงๆ ถ้าอยากขึ้นไปอยู่ตรงนั้นอย่างน้อยมันก็ต้องทำให้ได้เท่ากับเค้า ซึ่งถ้าไม่จอยกับชีวิตแบบนั้นก็บอกเลยว่ายากมากๆอะ

ิท่านว่ามีซักกี่ % ที่ Work Life Balance ได้จริง

ในสายตาของผู้บริหารหรือคนรวย เขาทำงานมาก เขาก็ได้ผลตอบแทนมากไง ไม่แปลกที่เขาจะชอบในแนวทางนี้

ส่วนลูกจ้างจะคิดว่าทำงานหนักไปทำไม สุดท้ายเงินเดือนก็ได้เท่าเดิม วิธีคิดมันต่างกัน ยกเว้นพวกที่อยากจะไต่เต้าขึ้นไปให้สูงขึ้น ก็จะคิดอีกแบบ

เพราะว่ากว่าธุรกิจจะนิ่ง ส่วนมากต้องทำ7วัน12ชม++ทั้งนั้น ถ้ากำไรก็ดีไป ถ้าเจ๊งก็....

พอมันวิ่งได้ด้วยตัวเอง ถึงจะเรียกว่าได้ชีวิตตัวเองกลับมา

มูลค่าเวลาของแต่ละคนไม่เท่ากันคับ สมมุติว่าวันหยุด2วันคุณทำงานได้แสนนึง บางคนได้2หมื่น บางคนได้พันนึง

คนที่ได้เป็นแสนเป็นหมื่นอาจจะไม่หยุด เดินหน้าทำต่อ ได้พันนึงนอนพักดีกว่า

แล้วแต่สูตรใครสูตรมัน

ผู้บริหารใหญ่สุดของผม แกกำลังจะบินไปไหนสักที่
ไม่รู้ไปพักผ่อน หรือไปเจรจาเรื่องงาน

แต่ขอไฟล์งาน เอาไปเช็คก่อนขึ้นเครื่องด้วยอ่ะครับ
คืนนั้นโดนไล่บี้จะเอางานกันมาเป็นทอดๆ
จากหัวหน้าใหญ่>>หัวหน้าเล็ก ไรงี้

คือแกก็คงจะเช็คงานพวกเรา ตอนอยู่บนเครื่องนั่นแหละ
ตอนนั้นก็หัวเสียกันหมด ดึกๆวันหยุดด้วยมั้ง

แต่มานั่งคิดทีหลัง
เออว่ะ ถ้าผู้บริหารแกไม่ทำงี้ อาจจะไม่มีเวลาอื่นแล้วก็ได้

อาจไม่เกี่ยวโดยตรงกับประเด็นของกระทู้
แต่อ่านคอมเม้นท์ท่านอื่นแล้วนึกเรื่องนี้ได้

ถ้าไม่เกิดมาบนกองเงินกองทอง คุณจะเอาอะไรไป work life balance ถ้าอยากรวย

ก็ถ้าตีความหมายว่า ความคือหน้าที่การงาน ตำแหน่ง อำนาจ การเงิน

มันก็ไม่มีอยู่แล้วครับ work life balance อย่างน้อยก็ช่วงแรกๆยาวยันไปถึงจุดที่คิดว่าตัวเองสำเร็จแล้วนู่นเลย

หลังจากสำเร็จแล้ว มั่นคงในสิ่งที่ได้มาแล้ว ค่อยมาน้่งหา balance โดยที่ทำให้ไม่เสียสิ่งที่เคยได้มา หรืออย่างน้อยก็เสียไปน้อยที่สุด



คือคุณจะมีมันตั้งแต่แรกเลยก็ได้ work life balance แต่ชีวิตคุณมันก็จะ balance อะ ถ้าพอใจกับชีวิตปกติก็ไม่ได้มีใครมาว่าอะไรอยู่แล้ว



แต่ถ้าบางคนอยากสำเร็จระดับสูงด้วย และก็บ่นอยากมี work life balance ไปพร้อมๆกัน อันนี้ผมอะว่าแปลก

action แบบ balance แต่อยากได้ผลลัพธ์แบบเฉพาะทาง มันเป็นไปไม่ได้

ใครเป็นคนคิดครับ work life balance เนี่ย

มันไปไม่ถึงไหนหรอกครับ สุดท้ายบาปกรรมความ balance นั่นหละ มันจะมีกัดกินคุณซักวัน

เรามีเวลาทำงานแบบเต็มที่แปปเดียวครับ ถ้าช่วง 22-35 ไปสาย balance

เพื่อนเริ่มพร้อมกัน เค้าล่อเงินเดือนเป็นแสนแล้ว ตัวเองยัง balance อยู่ ไ


ม่เป็นไรครับถ้าพออยู่พอกิน มีความสุขกับความสุขเล็กๆ

แต่พอเห็นคนอื่นมีอย่าไปอิจฉาเค้าก็พอครับ หรือเอาเค้าไปนินทาก็พอครับ


ผมไม่ได้เชียร์ให้ Work hard จนตายนะครับ แต่ช่วงอายุน้อยๆ ทำไปก่อนเหอะ เพราะช่วงใกล้ 40 มันปวดหลังง่าย เจ็บเนื้อเจ็บตัว เพลียง่าย เรื่องปวดหัวเยอะกว่าเดิม


ถ้ามีเงินเยอะ มั่นคงมันสบายกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันเยอะครับ

ลองมองอาชีพนักกีฬาก็ได้ครับ เอาแค่นักฟุตบอล ขนาดเอาแค่เข้ามาเล่นอาชีพ เขาต้องซ้อมฟุตบอล ตั้งแต่เด็ก เช้า เย็น ออกจากโรงเรียน อันนี้ Work life balance อยู่ตรงไหน บางคนไปถึงฝั่งฝัน เอาตัวดังๆก็ได้ ได้เงินเยอะจริง แต่ off season ปีนึงไม่กี่เดือน พอเล่น อาชีพจบ กลายเป็นล้มละลาย เพราะขาดความรุ้ ตั้งแต่ช่วง 10-35 ขวบ
ไม่ว่าคุณอยากเก่งเรื่องอะไร work life balance ไม่มีจริง แต่ คนทุกคนสามารถมี work life balance ได้ ถ้าคุณพึ่งพอใจในจุดที่ยืนอยู่

บางคนไม่ได้ทำงานแล้วเครียดครับ

แล้วคน Work life balance ผิดตรงไหน

ผมมองว่ามุมมองมันต่างกันอ่ะ

ถ้าอยากรวยต้อง work hard อยู่ละ

แต่คนรุ่นใหม่ถามว่าอยากรวยไหม ก้คงอยาก แต่อยากมี WLB ด้วย โดยเป็น concept จากต่างประเทศ

พูดง่ายๆคือถ้าเกิดเป็นคน ตปท ที่พัฒนาแล้ว มีความรู้ประมานนึง ทำงาน นอกเวลาไม่โดนตาม จ่ายภาษีประมานนึง ได้สวัสดิการเหมาะสม อันนี้ละ WLB ที่หลายๆคนใฝ่ฝัน

แต่ที่ไทยมันทำไม่ได้ไง มันต้อง work hard ให้โตไปเรื่อยๆ เพราะเงินในระดับไม่สูงมาก มันไม่สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ยิ่งอนาคตเกษียณอีก หรือมีครอบครัวอีกยิ่งยาก ที่ไทยเลยต้อง work hard อย่างเดียว

ส่วนตัวผมถ้าเกิดในประเทศที่ใช้ความรู้ ปตรี ได้เงินเหมาะสม จ่ายภาษี ได้สวัสดิการเหมาะสม ผมก้คงไม่ได้อยากรวยมากหนักหรอก

ใครจะยังไงแต่ก็อยากให้ดูแลสุขภาพด้วย
เลือกกินอาหารมีประโยชน์
นอนให้ครบ 8 ชั่วโมง

ก็คนที่ประสบความสำเร็จ เค้าทำงานหนักมาก่อน

ในมุมมองเค้าเลยมอง worklifebalance ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่

อย่าลืมนะคับ คนเป็นเจ้าของกิจการ ต้องทำงานหนักตราบที่ธุรกิจไม่อยู่ตัว และธุรกิจมีปัญหา

และงานบางงานมันทำไม่ได้ เช่น ร้านสะดวกซื้อ