ตลาดหุ้นไทยจะฟื้นก็ต่อเมื่อมี Long Term Growth หรือเลิกฉาบฉวย
หากจะแก้ปัญหาตลาดหุ้นไทย ต้องเข้าใจหลักการ valuation ที่มูลค่าส่วนใหญ่ของกิจการคือ long-term growth ที่นำมาสู่ terminal value ของกิจการที่มักจะคิดเป็น 80-90% ของมูลค่ากิจการทั้งหมด
ดังนั้นการพยายามหานโยบายที่มากระตุ้นตลาดหุ้นระยะสั้น ไม่สามารถทำให้ราคาหุ้นขึ้นต่อไปได้
Long-term growth ในวันนี้เราพังทลายเพราะอะไร
1. ในอดีตเราคิดว่าหลายบริษัทยังสามารถเติบโตและประกอบธุรกิจได้ในระยะยาวอีก 20-50 ปี เราไม่เคยคิดว่าธุรกิจจะได้รับผลกระทบ แต่ในปัจจุบันเรามีเรื่อง net zero, low carbon technology, generative AI, data center และ chip ที่บริษัทที่จดทะเบียนในไทยมีเอี่ยวน้อยมาก
2. Infrastructure ที่ล้าสมัย เสื่อมโทรมตามกาลเวลา และเรามักจะเอางบประมาณไปใช้ในนโยบายที่กระตุ้นระยะสั้นและหายไป แต่เมื่อต้องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน มักจะไม่ค่อยได้รับความสนใจ ประกอบกับความกังวลเรื่องการคอรัปชั่นยิ่งทำให้โครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่จะช่วยให้เกิด long term growth ไม่เกิดขึ้น
3. การมุ่งเป้าหมายไปที่นักท่องเที่ยวน่าจะถึงหรือใกล้ถึงจุดพีคของจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งการบริโภคของนักท่องเที่ยวมีความยั่งยืนต่ำ และผันผวนสูง เราต้องมุ่งสร้างตลาด foreign expats ในไทย หรือ education hub ในไทย ที่ทำให้เกิดการบริโภคอย่างต่อเนื่องในระยะยาวจากการมาอยู่ไทยเป็นเวลานานหลายปี และทำให้เกิดการบริโภคตั้งแต่ฐานสำคัญของเศรษฐกิจคืออสังหาริมทรัพย์
4. กล้าลงทุนใน innovation กล้าสร้างผลิตภัณฑ์ที่มี value added สูง เพราะสินค้าของผู้ประกอบการไทยโดนตีตลาดจากประเทศเพื่อนบ้านและจีนอย่างหนักหน่วง
5. ราคาอสังหาริมทรัพย์เป็นดัชนีสำคัญที่ต้องห้ามนิ่งหรือทยอยลดลงเป็นเวลานาน เพราะเมื่อราคาอสังหาริมทรัพย์ไม่ไปไหน คนจะไม่อยากลงทุน ไม่อยากขยับขยาย และสุดท้ายก็จะเกิดสภาวะหมดหวังในอนาคต ต้องอย่าลืมว่าการบริโภคไม่ได้มาจากเพียงแค่การซื้อเพื่อเข้าถึงปัจจัยขั้นต่ำในการดำรงชีวิตเท่านั้น แต่มาจากการซื้อเพราะกลัวราคาจะวิ่งหนีออกไป เมื่อ inflation ต่ำนาน และ real estate price นิ่งนาน ทุกอย่างจะหยุดชะงัก เรามีนโยบายกดราคาอสังหาริมทรัพย์มายาวนานหลายปี
หากกิจการกล้าที่จะเจ็บตัวระยะสั้นจากการลงทุนสูง หรือการขาดทุนสูงเพราะปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต ไม่ใช่เรื่องที่นักลงทุนจะกังวล เพราะนักลงทุนเข้าใจว่าเป็นการทำให้เกิด long term growth และราคาหุ้นจะขึ้น
แต่หากไม่กล้าทำอะไรเลยเพราะกลัวกำไรหาย และอยู่กับผลิตภัณฑ์เดิม กระบวนการผลิตแบบเดิม จะกลายเป็นน้ำซึมบ่อทรายที่ยที่สุด หายจริง ๆ จนไม่มี long term growth และเป็นสภาพของตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันในท้า
ที่มา
https://www.facebook.com/share/p/1AxgbDhVfJ/
ปัญหาคือสังคมไทย เก่งเศรษฐกิจ = ลดแลกแจกแถม ลดค่าน้ำ ค่าไฟ แจกเงิน (มันบีบให้ทุกพรรคอย่างน้อยต้องมีแจก ไม่งั้นก็ลืมเรื่องชนะเลือกตั้งไปได้เลย สังคมเราเน้น Quick Win มาก ถ้านักการเมืองไม่แจกก็จะถูกมองว่าโกงแล้วยังขี้เหนียว สู้โกงแต่แจกบ้างก็ไม่ได้ (คนเขาคิดงี้กันจริงๆ) แบบคนทั่วไปๆ เขาไม่ได้มานั่งแยกแยะทีละพรรค ทีละคน เขาก็มองนักการเมืองเหมือนๆกันหมด)