หากเป็นทุนจาก Qatar ท่านๆคิดว่าทุกวันนี้แมนยูจะออกมาทรงไหน

ของเซอร์จิมเอาที่เริ่มแอคชั่นแล้วนี่คือปลดพนักงาน ตัดงบตัดสิทธิต่างๆของพนักงาน นู่นนี่นั่น เข้าใจว่ากำลังลีนขนาดองค์กรให้เหมาะสมกับรายได้ ล่าสุดก็ไล่ผู้ฝึกสอนเยาวชน

นำเข้าผู้บริหารที่มีดีกรีใช้ได้หลายตำแหน่ง แต่เหมื่อนว่าแนวทางการดำเนินงานไม่ชัดเจนว่าไปแนวไหน
Facility ซ้อมของนักกีฬาไม่แน่ใจว่ามีปรับปรุงไปหรือยัง

ยังไม่เห็นการอัดฉีดที่เป็นรูปธรรม ยังมีแต่เป็นโครงการอยู่ เช่นสร้างสนามใหม่

ก็เลยลองคิดเล่นๆ ถ้าเป็น Qatar 100% ไปเลยมันจะเป็นยังไง
ซึ่งไอพวกเกลเซอร์ดันไม่ขายให้อีก ผมยังไม่สรุปนะว่าเซอร์จิมทำได้ดีไหม รอดูกันต่อไป แต่ไอพวกเกลเซอร์โคตรลอยตัว

อธิบายไปหลายหนแล้วว่าชีคจัสซิมที่มาประมูล ไม่ใช่ชีคคนที่เป็นประมุขรัฐหรือเจ้าชายอะไรทั้งนั้น เป็นลูกชายของอดีตนายกหรือก็คือลูกชายนักการเมืองคนนึงที่เป็นลูกน้องของชึคประมุขรัฐ(ที่เป็นเจ้าของสโมสรปารีส)

และถึงจะเป็นใครเข้ามาก็จะโดนกฎการเงินตรึงไว้ที่จะต้องแก้บัญชีรายรับรายจ่ายให้สมดุลกันอยู่ดี

ส่วนเรื่องปรับปรุงหลังจากเซอร์จิมเข้ามามีอัดฉีดเงิน 50 ล้านปอนด์เพื่ออัพเกรดคาร์ริงตันไปแล้วเพื่อให้ทันสมัยระดับเวิล์ดคลาสครับ เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ก่อนเปิดฤดูกาล จะเสร็จสมบูรณ์ใช้งานเต็มที่ฤดูกาลหน้า

https://www.manutd.com/en/news/detail/man-utd-to-invest-50m-in-carrington-training-facility

ส่วนเรื่องสร้างสนามใหม่สร้างแน่ๆ ทำงานร่วมกับสภาเมืองอยู่ Projection แผนก่อสร้างน่าจะออกมาภายในปีนี้แหละ แต่งานก่อสร้างน่าจะไม่ต่ำกว่า 3-5 ปี

เรื่องโปรเจคนอกสนามจริงๆ ดำเนินไปตามแผนทุกอย่างนั่นแหละ แต่ที่บรรยากาศโดยรวมมันแย่เพราะผลงานในสนาม และ การตัดสินใจพลาด 2-3 เรื่องใหญ่ๆ เช่น ไปต่อกับเทนฮากหลังจบฤดูกาลสุดท้ายต้องมาปลดอยู่ดี กับ เรื่องยอมรอแดน แอชเวิร์ธ 6-7 เดือน แต่มาทำงานได้ 3-4 เดือนแล้วแยกทาง อันนี้ทำให้กระทบกับทิศทางทีมฟึตบอลโดยตรงทั้งนั้น

ทุกวันนี้ยังไม่ชัดเจนเลยว่า กลุ่มนั้นเป็นใคร ิิอะไรยังไง
หรือ มีทุนในระดับที่ PR กันจริงๆรึเปล่า

เรื่องอัดเงิน facility อันนี้มีข่าวอยู่นะ แต่ไม่รู้ว่าทำไปถึงไหนละ

ช่วงก่อนมาสนามซ้อมอย่างโทรม อย่าง OT ก็คงซ่อมยากละมั้ง ทั้งน้ำรั่ว ทั้งสกปรก

แต่สำหรับผมทั้งหมดมันเพิ่งจะเริ่ม เลยเหมือนมีแต่แพลน กว่าจะตัดสินจริงๆ ก็อีกซักพัก

มันจะออกงอกเงย หรือไงเงา ก็ไม่มีใครรู้อยู่ดี ได้แต่หวังว่ามันจะดีขึ้น

ส่วนแก๊งอุดรธานีนี่หายไปเลย แต่คิดว่าอาจจะไม่ต่างในแง่พนักงาน คือปลดเหมือนกัน แต่แผนทำทีมอาจจะไม่เหมือน

ก็จริงอย่างท่านว่า เห็นว่าตรวจสอบการเงินไม่ได้

Facility เห็นข่าวแว๊บๆเหมื่อนกันครับ แต่ผมรู้สึกเหมื่อนการบริหารของแมนยูตอนนี้ไปไม่สุด เหมื่อนเซอร์จิมแกกั๊กๆ หรือต่างคนต่างกั๊กระหว่างเกลเซอร์ เพราะถือหุ้นกันแบบแบ่งเค้กเยอะเกินไปรึเปล่า

ทุนการ์ต้าเหมือนจะช่วยเรื่อง FFP ได้ เพราะเห็นว่าตอนยื่นซื้อมีข้อเสนอที่ว่าช่วยจะจ่ายหนี้ที่พวกเกลเซอร์เอาสโมสรไปกู้ยืมเงินธนาคารเพื่อซื้อทีมมา แล้วต้องจ่ายดอกเบี้ยธนาคารแต่ละปีเป็นจำนวนมหาศาล แล้วค่าดอกเบี้ยมันถูกมาคิดรวมในค่าใช้จ่ายของสโมสรในแต่ละปีที่มาคำนวณใน FFP ด้วย เพราะแบบนี้ถ้ามีคนไปโปะให้หมด ตัวแมนยูก็จะหายใจได้คล่องขึ้นเยอะ

เรื่องอัดฉีดเงินเข้าสโมสรนี่ ผมว่าเราต้องมูฟออนจากเรื่องนี้กันได้แล้ว
เราเอายุคนี้ไปรวมกับยุคก่อนที่เสี่ยหมีเทคเชลซี หรือชีคมานซูร์มาเทคแมนซิตี้ไม่ได้แล้ว
ยุคมันเปลี่ยนไปแล้ว
มันมีกฎการเงินนั่นนี่หลายอย่างมาควบคุม
ไม่ใช่ว่าเจ้าของรวยล้นฟ้าแล้วจะเอาเงินมายัดใส่สโมสรได้เลยทันที
ดูง่ายๆ ว่าสโมสรนิวคาสเซิ่ล เจ้าของรวยกว่าแมนซิตี้ เกือบ 30 เท่าได้ ทรัพย์สินรวมเกือบ 5 แสนล้านปอนด์
ฤดูกาลก่อนยังเสี่ยงจะโดนตัดแต้มเลย เกือบโดนไฟต์บังคับต้องขายแอนโธนี่ กอร์ดอน หรืออิซัคออกไปเลย
ดีว่าขายตัวอื่นได้ก่อน

ดังนั้นที่พูดๆ กันว่าเจ้าของจะเอาเงินมาอัดฉีดสโมสรนี่ ผมว่าเลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว
มันต้องมาดูที่การบริหารสโมสรให้ฉลาดขึ้น ไม่ใช่มีเงินก็จะใช้อย่างเดียว
ไอ้ประโยคของแฟนบอลที่พูดว่า "ซื้อมาก่อนเถอะ ยังไงก็ไม่ใช่เงินเรา" นี่สุดท้ายดูแมนยูเป็นตัวอย่างได้
ซื้อๆ มาเถอะ ให้ๆ ไปเถอะ
ตอนนี้ถ้าคาเซยืนยันว่าจะอยู่ต่อจนจบสัญญา ไม่สนว่าจะเป็นตัวสำรอง นี่ก็จะกลายเป็น เบลโมเดลเลย
แต่เป็นในยุคที่กฎการเงินเข้มงวดยิ่งขึ้น
แมนยูจะขยับหาตัวใหม่ได้ยากขึ้นเลย
แมนยูต้องปล่อย คาเซ แอนโทนี่ แรซฟอร์ด ซานโช่ ออกไป ถึงจะใช้เงินได้

ยกเว้นว่าแมนยูขายสโมสรแล้วมีเงื่อนไขพิเศษในการใช้หนี้ให้แมนยู แล้วไม่เอามาคิดรวมเป็นรายจ่ายสโมสร

ใจเย็นท่าน อัดฉีดในที่นี้ผมหมายถึงการพัฒนาสโมสรในด้านต่างๆ เช่น Facility ภายในสโมสร ปรับปรุงสนาม OF อะไรทำนองนี้ ไม่ใช่ทุ่มซื้อนักเตะครับ

ถ้าตามที่ข่าวเสนอก็ลงทุนใหญ่ๆให้กับสโมสรหลายอย่าง นอกจากสนามก็ทำสิ่งอำนวยความสะดวกภายในใหม่ด้วย

แต่ผมอยากเห็นชีคที่ออกมาพูดอะไรเป็นภาพเคลื่อนไหวบ้าง ชอบมาแบบภาพนิ่ง 2 ภาพ

อัดฉีดสโมสรในด้านอื่นๆได้ครับ ที่ไม่เกี่ยวกับซื้อขาย ค่าจ้างนักเตะและโค้ช

เช่น การปรับปรุงสนามซ้อม แทนที่จะเอาเงินที่ทีมหามาได้

ก็เอาเงินเจ้าของทีมมาใส่แทน เงินที่สโมสรหามาได้ ก็ไปลงกับการทำทีมแบบเต็มๆ

ถ้าทำเกลเซอร์ออกจากสโมสรได้ ก็น่าจะเป็นผลดีระยะยาว มันมาสูบอย่างเดียวจริงๆ อยากน้อยหนี้ก็ลดลงบาน บริหารง่ายกว่าตอนนี้เยอะ แต่กลุ่มทุนนี้ก็มีลับลมคมในเยอะ อาจจะแย่กว่าที่คิด

น่าจะประมาณนิวคาลเซิลมั้ง

เหมือนถ้าการ์ต้ามา ไอเกลเซอร์ต้องไป คือจะซื้อทั้งสโมสรเลย ยังไงต้องดีอยู่แล้ว ซื้อแบบเซอร์จิมการ์ต้าเค้าไม่เอา

อธิบายไปหลายหนแล้วว่าชีคจัสซิมที่มาประมูล ไม่ใช่ชีคคนที่เป็นประมุขรัฐหรือเจ้าชายอะไรทั้งนั้น เป็นลูกชายของอดีตนายกหรือก็คือลูกชายนักการเมืองคนนึงที่เป็นลูกน้องของชึคประมุขรัฐ(ที่เป็นเจ้าของสโมสรปารีส)

และถึงจะเป็นใครเข้ามาก็จะโดนกฎการเงินตรึงไว้ที่จะต้องแก้บัญชีรายรับรายจ่ายให้สมดุลกันอยู่ดี

ส่วนเรื่องปรับปรุงหลังจากเซอร์จิมเข้ามามีอัดฉีดเงิน 50 ล้านปอนด์เพื่ออัพเกรดคาร์ริงตันไปแล้วเพื่อให้ทันสมัยระดับเวิล์ดคลาสครับ เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ก่อนเปิดฤดูกาล จะเสร็จสมบูรณ์ใช้งานเต็มที่ฤดูกาลหน้า

https://www.manutd.com/en/news/detail/man-utd-to-invest-50m-in-carrington-training-facility

ส่วนเรื่องสร้างสนามใหม่สร้างแน่ๆ ทำงานร่วมกับสภาเมืองอยู่ Projection แผนก่อสร้างน่าจะออกมาภายในปีนี้แหละ แต่งานก่อสร้างน่าจะไม่ต่ำกว่า 3-5 ปี

เรื่องโปรเจคนอกสนามจริงๆ ดำเนินไปตามแผนทุกอย่างนั่นแหละ แต่ที่บรรยากาศโดยรวมมันแย่เพราะผลงานในสนาม และ การตัดสินใจพลาด 2-3 เรื่องใหญ่ๆ เช่น ไปต่อกับเทนฮากหลังจบฤดูกาลสุดท้ายต้องมาปลดอยู่ดี กับ เรื่องยอมรอแดน แอชเวิร์ธ 6-7 เดือน แต่มาทำงานได้ 3-4 เดือนแล้วแยกทาง อันนี้ทำให้กระทบกับทิศทางทีมฟึตบอลโดยตรงทั้งนั้น

ผิดทู้