บทความ ยาวหน่อยนะครับ
.
.
.
เมื่อ 11 ปีก่อน ตอนที่อาชีพนักฟุตบอลของ อาร์เน่อ สล้อธ สิ้นสุดลง เขาไปหาผู้อำนวยการที่ พีอีซี ซโวลล์ หนึ่งในสโมสรที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงในลีกสูงสุดของดัตช์ และบอกพวกเขาว่าเขาต้องการทำงานในระดับสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้

แต่เขากลับถูกส่งไปคุมทีมรุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี ซึ่งนักฟุตบอลที่เขารับช่วงต่อ รวมถึง แม็กซ์ ลีฟลัง มองว่าเขาเป็นตัวละครจากวิดีโอเกม FIFA

"ตอนแรกเลย เขา... จะพูดยังไงดี? ใจเย็นมาก" ลีฟลัง ซึ่งตอนนี้อายุ 24 ปี เล่า

"แต่เวลาที่ลงไปในสนาม เขาอยากให้คุณทำทุกอย่างให้ดี และถ้าคุณเล่นผิดพลาด คุณจะโดนด่าทุกครั้ง ตั้งแต่ซ้อมวันแรกจนถึงวันสุดท้าย"

"ถ้าคุณจ่ายบอลพลาด 1 ครั้ง เขาจะหยุดซ้อมแล้วบอกว่า 'ลูกหน้าต้องดีกว่านี้' คุณก็จะคิดว่า 'อะไรกัน แค่ลูกเดียวเอง แค่พลาดครั้งเดียว...' พอโตขึ้นคุณถึงจะรู้ว่า นั่นคือมาตรฐาน และโค้ชก็เก่งมาก"

"ก่อนที่ สล้อธ จะเข้ามาคุมทีม และในช่วงไม่กี่เดือนหลังจากนั้น ผลงานของ พีอีซี ซโวลล์ ก็ "แย่มาก" แพ้ อาแจ็กซ์ 9-1 และ อาแซด อัลค์มาร์ 6-0 ลีฟลัง มองว่า พีอีซี ซโวลล์ U14 เป็น "ทีมที่ห่วยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น"

แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของ สล้อธ ทีม "เละ" ไปแล้วก่อนที่เขาจะเข้ามาคุมทีม และ ลีฟลัง ก็เป็นหนึ่งในนักเตะใหม่ 9 คน

ในครึ่งฤดูกาลแรกที่ สล้อธ คุมทีม พีอีซี ซโวลล์ U14 ชนะแค่ครั้งเดียว

"แต่หลังจากนั้นเราก็เริ่มชนะ ชนะ แล้วชนะอีก อยู่ดี ๆ ทุกคนก็พูดถึงเรา 'เป็นไปได้ยังไง? นักเตะกากขนาดนั้น...' คนที่เปลี่ยนแปลงทีมคือ อาร์เน่อ สล้อธ มันเหลือเชื่อมาก"

ผู้เล่นของ ซโวลล์ จะฝึกซ้อมเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งทุกเช้าตั้งแต่ 8.30 น. ถึง 10.00 น. จากนั้นพวกเขาจะไปโรงเรียนที่ Centre for Sports and Education ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนจากสนามของ ซโวลล์

ภายใต้การคุมทีมของ สล้อธ ตั้งแต่ 15.00 น. มักจะมีการวิเคราะห์การฝึกซ้อมในช่วงเช้าของวันนั้น

การวิเคราะห์ดังกล่าวเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับ ลีฟลัง และเพื่อนร่วมทีมแต่ สล้อธ มองว่ามันเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งต่อมาที่เฟเยนูร์ด ก็มีการวิเคราะห์วิดีโอมาเป็นเวลาแปดปี เขาเป็นหัวหน้าโค้ชคนแรกที่สื่อสารโดยตรงกับนักบินโดรนที่กำลังถ่ายทำการฝึกซ้อม ในรอตเตอร์ดัม ทุกอย่างภายใต้การกำกับของ สล้อธ ถูกบันทึกไว้

"ก่อนหน้า อาร์เน่อ ไม่มีการใช้ วิดีโอ ที่ซโวลล์" ลีฟลัง กล่าว

"ผมไม่เคยเห็นมันมาก่อน สำหรับทุกคน มันเป็นเรื่องใหม่ ผมจะถามตัวเองว่า 'ทำไมเราถึงทำแบบนี้?' มันแปลก แต่แล้วเราก็เห็นผลลัพธ์และตระหนักว่าบางทีมันอาจจะช่วยได้"

ลีฟลัง ได้เป็นกัปตันทีมของ สล้อธ ในฐานะเซ็นเตอร์แบ็ก มีบางคำสั่งที่เขาไม่คาดคิด

"ปกติแล้วโค้ชจะให้คุณยืนตำแหน่ง แต่ อาร์เน่อ กลับให้ผมเลี้ยงบอลขึ้นหน้าพอกองหน้าเข้ามาใกล้ ผมก็ต้องจ่ายบอลและเคลื่อนที่หาช่อง เขาอยากให้คุณล่อให้คู่แข่งเข้ามาเพรส เพราะมันจะทำให้เขาเสียตำแหน่ง และก็จะมีช่องว่างให้คุณจ่ายบอล"

เขามักจะบอกว่า "อย่าส่งคืนหลัง ให้จ่ายไปข้างหน้าเสมอ"

ทุกการฝึกซ้อมเป็นการแข่งขัน 3 ต่อ 3, 3 ต่อ 2, 2 ต่อ 2 เน้นการครองบอลตลอดทั้งเซสชัน เขาต้องการความเข้มข้น และอยากให้นักเตะรู้สึกถึงความกดดันจากคู่แข่ง

พีอีซี ซโวลล์ U14 มักจะเล่น 4-3-3 ตามสไตล์ดัตช์ แต่ สล้อธ "อยากได้กองกลาง 4 คนเสมอ"
แบ็กขวาหรือเซ็นเตอร์แบ็กขวาจะต้องเติมเกมขึ้นไปตรงกลาง

"ตอนนั้นแบ็กขวาของทีมใหญ่ ๆ จะเติมเกมสูงและกว้าง แต่ อาร์เน่อ คิดล้ำหน้ากว่าโค้ชคนอื่น ๆ" ลีฟ ลัง กล่าว

ลีฟลัง เข้าใจสิ่งที่ สล้อธ ต้องการได้อย่างรวดเร็ว แต่เด็กคนอื่นๆ พบว่ามันยากกว่า "ระดับของเขา(สล้อธ)สูงเกินไปสำหรับผู้เล่นที่เรามี ผู้เล่นบางคนไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไร สำหรับเขา มันคงเป็นเรื่องยาก โดยพื้นฐานแล้วเขาต้องการให้ระบบเยาวชนฝึกซ้อมอย่างมืออาชีพเหมือนทีมชุดใหญ่"

อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นเยาวชนของซโวลล์ รู้ดีว่าฟุตบอลไม่ใช่ทุกอย่างสำหรับ สล้อธ

"โรงเรียนสำคัญมาก" ลีฟลัง กล่าว

"ถ้าคุณทำได้ไม่ดีที่โรงเรียน คุณก็ไม่สามารถฝึกซ้อมได้ ในการฝึกซ้อมครั้งหนึ่ง เรามีผู้เล่นเพียงแปดคนในสนาม เพราะเด็กหลายคนทำตัวไม่ดีที่โรงเรียน มันไม่สำคัญสำหรับอาร์เน่อ วินัยต้องมาก่อน เขารู้ว่านักเตะพวกนี้ส่วนใหญ่คงจะเป็นนักฟุตบอลไม่ได้ พวกเขาก็เลยต้องตั้งใจเรียน"

มีนักเตะคนหนึ่งที่ "ค่อนข้างอ้วนมาก" สล้อธ พยายามช่วยให้เขาลดน้ำหนัก ด้วยการให้เขาวิ่งรอบสนามก่อนซ้อมทุกครั้ง ทุกวันศุกร์นักเตะจะต้องชั่งน้ำหนัก และถ้าใครที่น้ำหนักขึ้น ก็จะไม่ได้ลงเล่นในสุดสัปดาห์

ลีฟลัง บอกว่า หลังจากที่ สล้อธ ลาออก นักเตะคนนั้นก็อ้วนขึ้น และสุดท้ายก็เลิกเล่นฟุตบอลไปเลย

ลีฟลัง ซึ่งอยู่ที่ซโวลล์ จนกระทั่งอายุ 19 ปี ก่อนที่เขาจะเข้าร่วม โก อเฮด อีเกิลส์ กล่าวว่า สล้อธทำให้เขาสนใจในการเป็นโค้ช

ต่อมาเขาได้คุมทีมรุ่นอายุไม่เกิน 9 ปีที่สโมสรชื่อ เบอร์คัม ยูธ ซึ่งหนึ่งในผู้เล่นของเขาคือ ยุปป์ ลูกชายของ สล้อธ

สล้อธ ที่ตอนนั้นย้ายออกจาก ซโวลล์ ไปแล้ว และกำลังทำงานเป็นผู้ช่วยโค้ชที่ คัมบูร์ และ อาแซด ก็เลยมาเป็นผู้ช่วยให้กับ ลีฟ ลัง

ปัจจุบัน ลีฟลัง ทำงานเป็นครูสอนกีฬาในอูเทรคต์ และเล่นนอกเวลาในดิวิชั่นสามของดัตช์กับ VVOG Harderwijk ซึ่งเขาได้เปลี่ยนไปเล่นในตำแหน่งหมายเลข 10

"ตอนที่ผมอายุ 14 ปี พ่อชอบบอกว่า 'เชื่อฟัง อาร์เน่อ สิ เขาเก่งมาก' แล้วผมก็จะตอบว่า 'ไม่หรอก มีโค้ชเก่ง ๆ เยอะแยะ...' ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมคิดผิด เขาเก่งที่สุด

หลังจากที่เขาย้ายไป คัมบูร์ ผมก็แบบ 'อาร์เน่อ กลับมาเถอะ...' ผมเคยร่วมงานกับโค้ชหลายคนที่เคยเป็นนักเตะอาชีพมานาน พวกเขาเคยลงเล่น 500 นัด แต่ อาร์เน่อ เก่งกว่าพวกเขาเยอะมาก"

ในเนเธอร์แลนด์ สล้อธ เป็นที่รู้จักจากความสำเร็จของเขาที่เฟเยนูร์ด ซึ่งเขาพาทีมคว้าแชมป์ลีกในปี 2023 แต่เขาเริ่มต้นอาชีพโค้ชที่ ซโวลล์ และเคยเล่นให้กับ ซโวลล์ สองครั้ง ภรรยา ลูกชาย และลูกสาวของเขาก็ยังคงอาศัยอยู่ที่นั่น
___________________________________________

แยน เอเวอร์ส เข้ามาคุมทีม ซโวลล์ ในปี 1996 หลังจากที่ สล้อธ ลงเล่นให้กับสโมสรเป็นนัดแรกตอนอายุ 18 ปี เอเวอร์ส เคยติดทีมชาติเนเธอร์แลนด์ 2 ครั้งในปี 1975 เขาเกิดที่ร็อตเตอร์ดัม และเคยเล่นให้กับเฟเยนูร์ด ก่อนจะย้ายไปอาแจ็กซ์ คู่แข่งตลอดกาล เขาต้องรีไทร์ตอนอายุ 26 ปี เพราะอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า เหมือนกับ มาร์โก ฟาน บาสเท่น ตำนานของทีม

เขาจึงต้องผันตัวมาเป็นโค้ช เอเวอร์ส ได้รับอิทธิพลมากมายจาก โทมิสลาฟ อีวิช โค้ชของเขาที่อาแจ็กซ์ ซึ่งชอบให้ซ้อมเรื่องตำแหน่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ได้ผล 16 ปีต่อมา เอเวอร์สเข้ามาคุมทีม ซโวลล์ และเห็นว่า สล้อธ เป็น "นักเตะที่มีเทคนิคและวิสัยทัศน์ที่ดี เขารู้จักสภาพแวดล้อมรอบตัวเขา"

"เขามั่นใจในความสามารถของตัวเองเสมอ" เอเวอร์ส กล่าวเสริม

"เขาไม่เคยสงสัยในตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะถ้าคุณไม่เชื่อมั่นในตัวเอง คุณจะไม่ประสบความสำเร็จ"

แต่การเปิดตัวในระดับอาชีพของ สล้อธ ก่อนการมาถึงของ เอเวอร์เซ่ เกิดขึ้นในทีมที่จะจบอันดับที่ 15 ในดิวิชั่นสองของดัตช์ ซึ่งเป็นทีมที่ต้องการการปรับปรุง "พวกเขาห่วยมาก เล่นฟุตบอลแย่มาก" เอเวอร์เซ่ กล่าว

สล้อธ เจ็บในช่วงปรีซีซั่น เอเวอร์ส จึงต้องวางแผนโดยไม่มีเขา

"อาร์เน่อ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่ได้ลงเล่น เขาบอกทุกคนว่าเขาจะกลับมาลงเล่นตอนที่หายเจ็บ" เอเวอร์ส กล่าว

แต่ สล้อธ ต้องใช้เวลาเกือบ 18 เดือนกว่าจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงที่ ซโวลล์

"บางครั้งเขาจะได้ลงเล่น 20-30 นาที เขาอยากรู้มากว่าทำไมเขาถึงไม่ได้ลงเล่น ผมจึงบอกเขาว่า"

"อาร์เน่อ นายเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดของฉัน แต่ปัญหาคือ ทุกครั้งที่นายลงเล่น คู่แข่งก็จะกลายเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดของอีกทีมเหมือนกัน ฉันยอมไม่ได้ เวลาที่เราเสียบอล นายไม่ทำอะไรเลย เราพึ่งพาความสามารถของเราตอนที่เราครองบอลอย่างเดียวไม่ได้ ในฟุตบอลยุคใหม่"

"นายต้องทำมากกว่านี้ นายต้องเข้ากดดัน นายต้องเล่นเกมรับ นายต้องบุก นายจ่ายบอลเก่งมาก แต่ถ้านายสัมผัสบอลแค่ 15 ครั้งใน 1 เกม นายก็ไม่มีประโยชน์สำหรับทีมของฉัน"

โรเบิร์ต มาสคานท์ ผู้ช่วยของ เอเวอร์ส สล้อธ ก็ไปถามเขาเหมือนกันว่า ทำไมเขาถึงไม่ได้ลงเล่นเท่าที่ควร มาสคานท์ ก็ตอบเหมือนกับเอเวอร์ส มีการพูดคุยกันแบบนี้หลายครั้ง

สล้อธ เริ่มเข้าใจว่า เอเวอร์ส อยากให้เขาวิ่งระยะสั้น ๆ บ่อย ๆ เขาคำนวณว่าการวิ่งแบบนี้จะทำให้เขาสัมผัสบอลได้มากขึ้น อาจจะมากถึง 60 ครั้งต่อเกม และจะทำให้เขามีโอกาสยิงประตูและแอสซิสต์มากขึ้น เอเวอร์ส จะสลับแผนระหว่าง 4-3-3 (ที่เขาชอบ) กับ 4-2-3-1 สล้อธ เหมาะกับการเล่นเบอร์ 8 หรือ 10

"เป้าหมายของผมคือการสร้างสามเหลี่ยม 4-3-3 เหมาะสมที่สุด เพราะระยะห่างระหว่างนักเตะจะน้อยลง ถ้าคุณเล่นได้อย่างถูกต้อง มันทำให้การจ่ายบอลง่ายขึ้น และอาร์เน่อ ก็จ่ายบอลเก่งมาก"

เอเวอร์ส จำได้ว่า เขาเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัว สล้อธ และก็บอกกับเขาว่าเขาจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงอีกครั้ง

"ผมบอกเขาว่า 'พรุ่งนี้ อาร์เน่อ นายจะได้ลงเป็นตัวจริง และฉันก็มั่นใจว่านายจะเล่นได้ดี ตอนนี้นายเป็นนักเตะแบบที่ฉันต้องการแล้ว นายฟิต นายดุดัน'"

"ผมไม่ใช่โค้ชวิ่ง แต่บางครั้งคุณก็ต้องวิ่งเพื่อกดดันบอลและหาพื้นที่ว่าง สุดท้าย อาร์เน่อ ก็วิ่ง ผมเชื่อว่า อีก 1 ปี อาร์เน่อ จะได้เล่นในเอเรดิวิซี และผมก็พูดถูก เพราะเขาย้ายไป เอ็นเอซี เบรด้า"

หลังจากที่เอเวอร์สลาออกจาก ซโวลล์ ไปคุมทีม สปาร์ต้า ร็อตเตอร์ดัม อีก 10 ปีต่อมา ทั้งคู่ก็ได้ร่วมงานกันอีกครั้งที่ ซโวลล์ หลังจากที่เอเวอร์ส กลับมาคุมทีม ซโวลล์ และสล้อธ ก็ถูกยืมตัวมาที่ ซโวลล์

พวกเขามีเพื่อนเป็นนักข่าวคนหนึ่ง ที่เคยได้ยินสล้อธ บอกว่า เอเวอร์ส มีอิทธิพลต่อเขามาก เอเวอร์ส เชื่อว่า สล้อธ "เอาสไตล์ของอาแจ็กซ์ มาใช้ที่ร็อตเตอร์ดัม ซึ่งเป็นเมืองที่เน้นการทำงาน" เขาหมายถึงสไตล์การเล่นที่เน้นเทคนิค ความแข็งแกร่ง และความเป็นมืออาชีพ

"เขาเปลี่ยนความคิดของนักเตะเฟเยนูร์ด ด้วยความเข้มงวด" เอเวอร์ส กล่าว

"อาร์เน่อ เก่งกว่าผมในการควบคุมอารมณ์ของนักเตะ บางทีผมอาจจะวิจารณ์มากเกินไป ชอบประชดประชัน อาร์เน่อ เป็นนักการทูต เขาฉลาดมาก เขาใจเย็นมาก เขาเหมือนกับบาทหลวง"

สล้อธ เติบโตในแบร์เกนไฮม์ หมู่บ้านเล็กๆ ที่ขับรถไปทางตะวันออก 40 นาทีจากซโวลล์ ตรงกลางพื้นที่เกษตรกรรมที่เนเธอร์แลนด์ กลมกลืนกับ เยอรมนี

ระฆังโบสถ์จะดังทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง และก็เป็นเรื่องปกติที่ครอบครัวจะแขวนรูปพระแม่มารีไว้ในห้องนอน

เป็นชุมชนที่เคร่งศาสนาและ "เคร่งขรึม" มีร้านกาแฟแค่ร้านเดียว ที่ปิดบ่อยกว่าเปิด อยู่ริมหมู่บ้าน เหมือนกับว่าไม่มีใครต้องการให้มันอยู่ที่นั่น

"ผมไม่เคยรู้จัก แบร์เกนไฮม์ มาก่อนจนกระทั่งอาร์เน่อ" เอเวอร์ส กล่าว

"มันอาจจะอยู่ใกล้ ๆ กับชายแดนเยอรมนี แต่ อาร์เน่อ ไม่ใช่คนเยอรมัน เขาเป็นคนดัตช์"

ลีฟ ลัง ก็เคยไปที่ แบร์เกนไฮม์ "ผมไปที่นั่นแค่ครั้งเดียวเพื่อไปแข่ง ก่อนหน้านั้นผมไม่รู้เลยว่ามีที่แบบนั้นอยู่"

ใน อิตเทอร์เบ็ค เมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดในเยอรมนี ที่คน แบร์เกนไฮม์ มักจะไปเติมน้ำมันเพราะราคาถูกกว่า ดูเหมือนจะไม่มีใครรู้จัก อาร์เน่อ สล้อธ แต่ที่ แบร์เกนไฮม์ ทุกคนรู้จักเขา แต่เขาก็ไม่ได้ดังอะไรมากมาย

"เขาเป็นคนดีมาก" โรล เฟิร์ต ลิงค์ คนขายเนื้อแห่ง แบร์เกนไฮม์ กล่าว

"เขากลับมาที่นี่บ้างเป็นครั้งคราว ไม่มีใครสนใจเขาหรอก พวกเราไม่ใช่คนอะไรแบบนั้น"

"คนที่นี่ 'ถ่อมตัว' มาก เขาเป็นคนที่ติดดิน เราคุยกันเรื่องทั่ว ๆ ไปที่ร้านขายเนื้อ พ่อของเขา ที่เป็นครูใหญ่ เป็นโค้ชให้เขามาตลอด เขาโตมาพร้อมกับฟุตบอล เขามีวินัยแบบที่นักฟุตบอลควรจะมี เขามุ่งมั่นมาก คุณมักจะเห็นเขาวิ่งไปตามถนนทั่วหมู่บ้าน ผ่านหน้าต่าง ตอนเป็นเด็กน้อย เขารู้ดีว่ามันทำงานอย่างไร"

สล้อธ เป็นลูกคนที่ 3 จาก 3 คน ในครอบครัวที่ชอบเล่นกีฬา เขาเล่นเทนนิสด้วย ก่อนที่จะไป ซโวลล์ เขาเคยเล่นให้กับ VV Bergentheim สโมสรฟุตบอลสมัครเล่น ที่มีสนามยอดเยี่ยมอยู่ริมหมู่บ้าน มีทั้งสนามหญ้า อัฒจันทร์เก่า ๆ และสนาม 4G ที่มีป้ายผ้าเขียนว่า "Green Beast! Green Pride!" (อสูรเขียว! ความภาคภูมิใจสีเขียว!)

ที่นี่เป็นเมืองที่เล็กและเงียบมากจนแทบแยกเวลาไม่ออก คนที่รู้จัก สล้อธ บอกว่า เขาได้เรียนรู้การใช้ชีวิตแบบคนเมืองมากขึ้น หลังจากที่ย้ายไป เบรดา ใกล้กับชายแดนเบลเยียม

"เขาไม่ได้คิดแบบคนที่มาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ" เอเวอร์ส กล่าว "เขาคิดการใหญ่เสมอ"

เขาคงจะสนุกกับการคุมทีมลิเวอร์พูล และการเข้ามาแทนที่คนดังอย่าง เยอร์เก้น คล็อปป์ เอเวอร์ส กล่าว "เขามั่นใจ 99.9%" ว่า สล้อธ จะประสบความสำเร็จ

"อาร์เน่อ มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่เหมือนกับ คล็อปป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูมิหลังของพวกเขา คนชนบทที่กลายเป็นคนเมือง คล็อปป์ ทำได้ที่ ดอร์ทมุนด์ ส่วนอาร์เน่อ ก็ทำได้ที่ร็อตเตอร์ดัม เมืองคนใช้แรงงาน คล้าย ๆ กับลิเวอร์พูล"


The Athletic/Simon Hughes

#SuperAey





Cr. https://www.facebook.com/share/12EtAtR67Qe/




หรือนี่คือสาเหตุที่ควอนซาร์ชอบเลี้ยงขึ้นไป

ตอนควอนมันเลี้ยงผมโอเคมากเลยนะ แต่ตอนกว่าจะจ่ายนี่สิ ตีนก่ายหน้าผาก

รึนี่เป็นเหตุให้มีช๋อตฟานไดจจ์เลี้ยงไปโดนแย่งดื้อๆปีนี้ลูกนึงสินะ

ควอนซ่าส์เลี้ยงขึ้นหน้าดี แต่เวลาจ่ายชอบทิ้งขี้ หรือไม่ก็บอลไม่ไปข้างหน้า มันชอบไปตายอยู่ด้านข้างไม่ก็จ่ายเสีย