ตรงเสียมราฐ หรืออดีตศูนย์กลางเก่าของจักรวรรดิเขมร เป็นพื้นที่ติดโตนเลสาบ อีกทั้งภูมิศาสตร์ประเทศเป็นที่ราบถึง 75% เหมาะกับการทำนามากๆ ในขณะที่คนไทยตอนนั้นก็กระจายอยู่ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา หรือ จีนตอนใต้กับเวียดนามตอนเหนือ รวมทั้งมีคนไทยอยู่ในดินแดนเขมรปัจจุบัน เนื่องจาก พระนครเป็นเมืองใหญ่

ซึ่งตอนนั้นคนไทยในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยานั้น อิทธิพลยังน้อยกว่านครวัดของเขมร

ชาวเขมรในอดีตจนถึงปัจจุบัน จึงมีความรู้ทำนาที่เก่งพอๆกับคนไทย ทุกวันนี้สินค้าเกษตรเขมรหลักๆ ก็ยังเป็นการส่งออกขายข้าว

สาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิเขมรล่มสลาย ก็เพราะว่าเกิดภัยธรรมชาติอย่างรุนแรงเกิดคาด ไม่คาดคิดว่าภัยแล้งจะรุนแรง จนทำให้ผู้คนอดยากล้มตาย หรือคนที่รอดไปได้ก็หนีไปยัง สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง หรือ ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา

การอพยพของชาวเขมรมายังกรุงศรีอยุทธยา พวกชาวเขมรก็มีความรู้ด้านการทำนา รวมทั้งศิลปะบางอย่างจากเขมรมา แต่ช่วงนั้นศาสนาพุทธรุ่งเรืองในภูมิภาคสุวรรณภูมิ ทำให้ไม่มีการสร้างปราสาทหินในสมัยอยุทธยา ซึ่งปราสาทหินคือ ศิลปะของศาสนาฮินดู

ในเมื่อเขมรเป็นที่อุดมสมบูรณ์ น้ำท่าเยอะ จึงทำให้ศูนย์อำนาจ เจ้าเมืองเขมรเลยเลือกบริเวณใกล้โตนเลสาบ ที่มีแม่น้ำไหลผ่านด้วย

แต่เพราะภัยธรรมชาติอย่างรุนแรง เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้จักรวรรดิเขมรล่มสลาย อาณาจักรประชากรเบาบาง รวมทั้งถูกอยุทธยาแทรกแซงอย่างรุนแรง ทำให้ไม่สามารถกลับมารุ่งเรืองได้อีก

ผมเคยเห็นปราสาทนครวัด และปราสาทรอบๆ ปราสาทวัฒนธรรมเขมรในไทย ปราสาทเขาพระวิหาร ปราสาทพนมรุ้ง
ปราสาทที่รองๆ แต่เจ๋งๆ ที่ร้อยเอ็ด สกลนคร ศรีษะเกษ

ความรุ่งเรือง ผมยกให้เรื่อง พละกำลัง จำนวนทัพและการวางระบบปกครอง ว่าน่าจะเจ๋งจริง
ถึงมีในบันทึกของจีนได้ กับความเป็นช่าง การบริหารจัดการ น่าจะเจ๋งจริง เพราะว่าscale ของสิ่งก่อสร้าง พอๆกับมหาวิทยาลัยใหญ่ ของไทยและ โลกปัจจุบัน


. .

การล่มสลาย เคยดูสารคดี คือเค้าติดตามด้วยวิธี การวัดวงปี ของต้นไม้โบราณ ที่คิดว่าเกิดในช่วงเวลานั้น

ทีนี้ในปีที่ล่มสลาย วงปีของต้นไม้นั้น ไม่เจริญเติบโต คือ ฝนมันไม่ตก เป็นระยะเวลานานมาก

ทีนี้ระบบมันก็เลย เสียหมด เพราะว่ามันมีคนปกครอง คนแจกจ่ายอาหาร คนนำ คนสั่งสร้าง(สร้างกันเป็นหลายสิบปี) พอไม่มีข้าวให้ ไม่มีเงินให้ เค้าก็ลุกฮือ หนีไปตายเอาดาบหน้ากัน(เป็นเราก็ไม่อยู่ เพราะประโยชน์หมดลงแล้ว อยู่ก็อดตาย)
แล้ว เทคโนโลยี ความรู้เหล่านั้น ตายไปด้วยเลย คือ ชาวกัมพูชา ไม่ได้อะไรอะไรจาก ศิลปวิทยาการเหล่านั้น ต่อยอดมาอีกเลย

ความทึ่ง ความชอบส่วนตัว คือ อโรคยาศาล (โรงพยาบาล) คือ ในยุครุ่งเรืองสุดๆ ทุกที่ ที่กองทัพครอบครองได้ เค้าไม่ได้แค่ปกครอง ด้วยกำลัง เค้าวาง แผ่ เอื้อประโยชน์ให้ คือสร้าง โรงพยาบาล มีว่าน ยา น้ำ ข้าว มีบุคลากรทางการแพทย์(ประมาณการที่ 90-100คน) และบุคลากรทางด้านจิตวิทยา(สมาธิและความเชื่อ)ให้ คือถ้าหมดหนทาง ใกล้ตาย ให้มาที่นี่อาจจะรอดได้
อโรคยาศาลนี้ วางเรียงกันในพื้นที่สำคัญๆจนปัจจุบัน

. .
เรื่องเล่าที่ผู้ชาย น่าจะอิจฉา หรือเหนื่อยแทนเจ้าชีวิตในยุคนั้น ของนครวัด

คล้าย ๆ แรงงานสร้างปิรามิดอียิปต์เลยครับ จ้างงานเป็นระบยบ ไม่ใช่แรงงานทาสอย่างที่เคยเข้าใจกัน

ทุกอย่างมันมี cycle ของมัน ไม่มีอะไรจีรังยังยืน

ผมมาคิดอีกทีว่า การสร้างศิลปะ ปราสาทหิน ที่สร้างไม่ได้แล้วนั้นก็เพราะว่า ไม่จำเป็นต้องสร้างแล้วครับ เพราะการเข้ามาของศาสนาพุทธ เพราะแม้แต่ชาวเขมรที่ย้ายแหล่งไปยังลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงก็สร้างปราสาทหินไม่ได้เหมือนกัน ความรู้เลยหายไป คนมีความรู้แต่ไม่ได้ใช้ ไม่ได้โอนถ่ายไปยังรุ่นต่อไป คนรุ่นต่อไปไม่รู้จะสร้างไปทำไม ก็เลยหายไปเลย

การสร้างปราสาทหินผมเชื่อว่า เป็นการคิดก่อนทำ การวางแผนอย่างดีเลยครับ ขนาดพระอาทิตย์จะตรงไหน แสงส่องเข้าถึง ประตูทุกบาน

ปิรามิด อันนี้ตัวปวดหัวเลย ถ้าสร้างเอาแบบไม่ใช้เทคโนโลยียุคปัจจุบัน การสร้างปิรามิด องค์ความรู้หายไปตอนที่โรมันเข้ามารุกรานอียิปต์ ใช่ไหมครับ ผมไม่ได้ตามเรื่องปิรามิดเท่าไหร่ครับ

แล้วชาวอียิปต์ที่สร้างปิระมิด ปัจจุบันถูกกลืนโดยกลุ่มอาหรับไปแล้วใช่ไหมครับ

ชาวอียิปต์โบราณกลืนไปกับชาวโรมันก่อนอาหรับครับ หลังจักรพรรดิออกัสตัสรบชนะทัพของมาร์ค แอนโธนี และพระนางคลีโอพัตราได้

พออาหรับเข้ามาก็ไม่มีวัฒนธรรมอียิปต์โบราณอะไรสืบทอดอีกแล้ว เชื้อสายก็ผสมปนเปกันจนแยกไม่ออก

ส่วนความรู้สร้างมหาปิรามิดแห่งกีซ่า หายไปหลังจากปิรามิดหลังที่สามสร้างสำเร็จครับ เพราะราชวงศ์หลังจากนั้นนิยมไปสร้างสุสานในหุบเขากษัตริย์ที่ปลอดภัยจากการถูกลักขโมย และก่อสร้างง่ายกว่ามาก
https://travel.trueid.net/detail/m5oPRW9Velrj

ขอเสริมเรื่องการโดนกลืนของอียิปต์โบราณครับ เพราะจริงๆแล้วไม่ได้โดนกลืนจนหายไปหมด

ชาว Copts หรือคริสเตียนอียิปต์ยังคงรักษาอัตลักษณ์ของอียิปต์โบราณไว้ได้ประมาณหนึ่ง เช่นการใช้ภาษาที่เป็น dialect ที่มาจากภาษาอียิปต์โบราณโดยตรง

อีกทั้งในเรื่องพันธุกรรม ก็มีการพิสูจน์แล้วว่าคนอียิปต์ทั้งอิสลามและคริสต์ ต่างก็สืบสายพันธุ์มาจากอียิปต์โบราณทั้งนั้น

แล้วก็เรื่องวัฒนธรรมยังคงมีหลงเหลือมาถึงปัจจุบันอยู่บ้าง เช่น

- เทศกาล เช่น เทศกาล Sham Ennesim ที่สืบทอดมาจากเทศกาล Shamu ตั้งแต่ 2700BCE
- ปฏิทินการเก็บเกี่ยว
- ดนตรีและการร่ายรำ
- ความเชื่อท้องถิ่น
- เทคนิคการวางผังเมือง/หมู่บ้าน และบ้านอิฐโคลน
- อาหาร

โดยรวมคือวัฒนธรรมันก็วิวัฒนาการไปตามยุคสมัยและอิทธิพลที่เข้ามานั่นแหละ ที่กลืนไปนี่ยังไงก็ไม่หมดหรอก ยกตัวอย่างเช่น ไทยที่พราหม์เข้ามาก่อนแล้วต่อด้วยพุทธ แต่ใจกลางความเชื่อหลักของคนไทยก็ยังเป็นศาสนาผีอยู่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน

คำว่า อยุทธยา แบบที่ท่านใช้ มันเขียนถูกต้องใช่ไหมครับ
ปกติเห็นแต่ อยุธยา

https://pantip.com/topic/40641977

เนื่องด้วยแต่เดิมนั้นมีการใช้ทั้งคำว่า “อโยธยา” “อยุทธยา” และ “อยุธยา” ปะปนกันไปอย่างหลากหลาย ไม่ได้มีการทักท้วงหรือระบุการใช้งานที่ถูกต้อง เนื่องจากยังไม่มีการตั้งเกณฑ์การสะกดคำ ก่อนที่จะมีการออกประกาศราชกิจจานุเบกษา ฉบับวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2462 ให้แก้ไขคำว่า “อยุทธยา” เป็น “อยุธยา” นั่นเองค่ะ

ที่มา : https://www.mcot.net/view/XibDLNtg

ผมติดพิมพ์คำว่า อยุทธยา มาจากเพจ วิพากษ์ประวัติศาสตร์ มาละครับ ถ้าเอาแบบยุคปัจจุบันก็ต้อง อยุธยา
อะ-ยุด-ทะ-ยา = อยุธยา
ชื่อกรุงเก่าเรียกหลายอย่างครับ ด้วยอิทธิพลภาษาบาลีสันสกฤต ในประเทศอินเดียปัจจุบันก็มีชื่อเมือง อโยธยา เช่นกันครับ

ขอบคุณมากครับ ส่วนตัวผมก็ไม่ได้อ่านประวัติศาสตร์เยอะขนาดนั้น ตอนนี้กระจ่างแล้ว

เกาะ Phu Quoc สาวเกาหลี และต่างชาติไปเที่ยวเพียบ
(ถ้าใครส่องพวก คนสวยๆ เน็ตไอดอล อินฟลูต่างๆของคนเกาหลี ที่ชอบไปทะเล ร้อยละ 90 จะมีเกาะนี้ประดับไอจีเสมอ พอๆกับนาตรังเลย )




ไม่ไปทวงหน่อยเหรอ เกาะเศรษฐกิจของเวียดนามเลยนะนั่น