ไม่ว่าจะเรื่อง ราคา ความปลอดภัย และ ศูนย์บริการที่มีโอกาสถูกทอดทิ้งในบางเจ้ารึเปล่า

สุดท้ายจะไม่พูดก็ไม่ได้คือเรื่องการขายต่อ ที่พอจะสามารถขายต่อได้ไหม เช่นซื้อมาสัก 6แสน 3ปีผ่านไปขายได้สัก3แสนก็บุญแล้ว

ความเห็นของพวกท่านคิดว่าไงครับ

Model Y น่าซื่้อครับ ส่วนรถไฟฟ้าทั้งหมดมองให้เหมือนมือถือหละ 5 ปีค่าเสื่อมกินไปเกินครึ่งแน่ๆ

ความคิดแบบส่วนตั๊ว ส่วนตัวเลยนะ

ยังคิดว่าแล้วแต่ use case ครับ ถ้าผมจะซื้อตอนนี้คือ

1 ขับเกิน 30k-40k km ต่อปี
2 มี use case ต้องนั่งในรถนานไปบ่อยๆ หรือเปิดแอร์ทิ้งไว้ เช่นให้หมาอยู่บนรถ บ่อยๆ
3 ขี้เกียจไปปั้ม เติมน้ำมัน
4 อยากลอง สนองกิเลส เงินเหลือ

ความเสี่ยง ถ้านับเฉพาะรถจีนนะ
1 ความยั่งยืนของแบรนด์
2 บริการหลังการขาย
3 ux <= อันนี้บอกชัดไม่ได้เพราะไม่ได้ใช้เอง แต่ ปสก การใช้ของแบรนด์จีน มักจะมีอะไรหงุดหงิดใจเกิดขึ้นเสมอในการใช้งาน คิดว่ารถอาจจะไม่ต่าง

ส่วนเรื่องราคาขายต่อ ตอนนี้อาจจะไม่ต่างกันมาก แต่ถ้าออกของ Gen ใหม่แบบก้าวกระโดด ลองหาดู พวก Gen แรกกับ Gen ปัจจุบัน เทียบปีกับสันดาปดูก็ได้ ผมอาจจะผิดแต่ผมยังเดาว่าน่าจะลงเยอะกว่าสันดาปนะ

เลยเป็นว่าผมว่ายังไม่คุ้มเสี่ยงกับผมเท่าไหร่ เพราะ ถึงประหยัดค่าเชื้อเพลิง ส่วนต่างค่าประกันก็พอๆจะ cover (บางยี่ห้อขับ HEV ถูกกว่า BEV อีก)ใน use case ผมแล้ว (~10-12k ต่อปี) แถมต้องมาลุ้นกับเรื่องข้างบนอีก ซื้อรถอยากใช้แบบชิวๆ สบายใจ ไม่ได้ชอบตามอะไรเรื่องรถอยู่แล้ว

รถไฟฟ้ามันมองเรื่องราคาขายต่อเหมือนรถน้ำมันไม่ได้อะ เทคโนโลยีมันต่างกัน เอาง่ายๆท่านขับรถไป 5 ปี แบตเสื่อมไปเท่าไหร่แล้ว คนที่จะซื้อต่อเขาเอาเรื่องนี้มาคิดแน่นอน ไม่เกี่ยวว่าแบตมันจะเปลี่ยนทีละเซลล์หรือปล่าว เสื่อมก็คือเสื่อม ไหนจะรถรุ่นใหม่ของมันย่อมดีกว่ารถ 5 ปีที่แล้ว ใครมันจะสนใจของเก่าถ้าราคาไม่ถูกจริง

ความน่าซื้อลดลงกว่าเดิมเยอะ

ปัญหาเริ่มงอกมาทุกยี่ห้อ

เหมือนสุ่มดวงอ่ะตอนนี้

erev น่าสนใจ

ev ในไทยตอนนี้กลัวแถมแพครับ

เอาจริงๆผมก็สนใจว่า กรณี 5 ปีผ่านไปแล้วแบตเตอรี่พัฒนาขึ้นมาเยอะ รุ่นใหม่จะสามารถใส่กับรุ่นเก่าได้หรือเปล่า

ถ้าหากไม่ได้เหมือนกว่าผลิตรถมาทิ้งกันเลยทีเดียวทีนี่ ล้นถนนทั่วโลกเลยมั้งครับ ต้องมีมาตราการใหม่ออกมาจริงๆ

เหมือนตปท.เคยได้ยินจากที่ไหนสัก รถเก่าเกิน 7 ปีห้ามเข้าเมือง ราคาพ้น 3 ปีไปตกไปเหลือ 50%

พอครบ 6 ปี เลือกจะย่อยหรือขับนอกเมือง

ชอบ xpeng g9

ส่วนตัวว่ายัง ถ้ามีรถอยู่แล้ว ไม่รีบก็รอก่อนครับ รอดูการล้มหายตายจากไปจากตลาดไทยของบางแบรนด์ให้นิ่งๆ ก่อนได้ก็ดี
ใช้รถแบบบ้านเรา ยังไงก็ต้องดู afterservice ยิ่งใช้ กทม เฉี่ยวชนนี่น่าจะปกติ ไม่นับเสียนะ อารมณ์เหมือนมือถือจีนช่วงที่เข้ามาใหม่ๆ

1.ที่พักเราติดวอร์ชาร์จได้ไหม
2.ระยะทางวิ่งแต่ล่ะวันพอสำหรับไปกลับมาชาร์จที่พักได้ไหม
3.รถน้ำมันที่ใช้อยู่กินน้ำมันตกเดือนล่ะเท่าไหร่
4.หาจัดคุ้มทุน เมื่อเทียบกับรถน้ำมัน

ปล.อย่างกรณีของผม ข้อ1.-2. ผมผ่าน
ข้อ3.ค่าน้ำมันรถที่ผมใช้ตกเดือนล่ะ10,000
ผมชาร์จรถเสียค่าไฟตกเดือนละ3,000
4.ถ้าผมใช้รถ6ปี 10,000-3,000= 7,000
7,000×72= 504,000
รถผมไม่เคยซื้อประกัน ใช้ประกันเท่าที่บริษัทรถแถมมาให้
6ปีผมประหยัดค่าน้ำมันไป 504,000
แปลว่าถ้าผมซื้อรถไฟฟ้ามา1,000,000-504,000
ผ่านไป6ปี เท่ากับผมซื้อรถไฟฟ้ามา496,000บาท

กลับกัน ถ้าผมซื้อรถน้ำมันมา1,000,000บาท
คิดว่าผ่านไป6ปี ผมจะขายรถน้ำมันได้กี่บาท

ผมเลยสรุปเอาเองว่าถ้าผมใช้รถยาวเกิน6ปี ยิ่งได้ยาวเท่าไหร่ ผมยิ่งกำไร ไม่ต้องมาคิดถึงราคาขายต่อครับ เพราะยิ่งใช้เยอะยิ่งกำไร เมื่อเทียบกับรถน้ำมัน ที่ยิ่งใช้เยอะยิ่งขาดทุน

ผมก็เลยต้องมาลุ้นว่า ผมจะใช้รถไฟฟ้าได้นานเท่าไหร่ จนกว่าจะไม่คุ้มกับค่าซ่อม ยิ่งนานยิ่งเกินคุ้มครับ

https://www.facebook.com/share/p/1Efxmvfhom/

คงต้องดูยี่ห้อด้วยครับ
บางยี่ห้ออะไหล่เบิกได้เร็ว
เพราะอุบัติเหตุเกิดได้เสมอครับ

ถ้ารถคันเดิมยังขับได้ รถคันเดิมไปก่อน
แค่ถ้าคันใหม่ EV ตัวไม่เกินล้านก็น่าเล่นนะ ราคาไม่น่าจะลงไปกว่านี้แล้ว ราคาห่างจากที่ขายจีน 1-2 แสนน่าจะไม่ลงไปกว่านี้
จะซื้อตัวไหนแนะนำให้เช่าขับดูก่อนสัก 3 วันว่ารับช่วงล่างได้ไหม แอป EVme มีให้เช่าแทบทุกรุ่น