ช่วยติดสินใจหน่อยครับ

คือ พ่อผมจะให้ เอารถที่ผมใช้อยู่ตอนนี้ให้น้องชาย CRV G4

เขาเลยให้เลือกระหว่าง 2 คันนี้

ถ้าเป็น ทุกคน จะเลือกคันไหนครับ

E60 525ISE 2004 v6 แต่ง M5

กับ

Prius 1.8 Top Grade TRD 2012

Prius 1.8 Top Grade TRD 2012

พรี่อู๊ด

Prius เปลี่ยนแบตใช้ยาวๆ ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้

525ise นี่คันเก่าผมเลย ขายไปประมาณ 7 ปีน่าจะได้แล้ว ซ่อมเยอะมากเลยนะครับ แรคพวงมาลัยนี่อย่างแพงเลย ระบบแอร์ด้วย แต่ถ้าซ่อมถึงคือขับดีมาก แช่ 200-220 สบายมากนิ่งมาก

นี่แหละครับ กลัวค่าซ่อมแพงมากนี่แหละ

Prius แน่นอน

แต่ใดๆ ก็ตาม ส่วนตัวแล้ว ชอบ G4 มากกว่าทั้ง 2 คัน

โดนพ่อยึดให้น้อง ผ่อนเองแท้ๆ เซงเป็ด

คือ BMW ยุคนู้นอะมันซ่อมอ่วมกว่ายุคนี้พอสมควรด้วยความซับซ้อนของรถมันน่ะนะ

เหตุผลที่ E60 วิ่งน้อยกว่า E39 หลักๆก็เรื่องซ่อมบำรุงนี่แหละที่ 39 มันยังพอคุยกันได้
แต่ 60 นี่คือผมแนะนำว่าถ้าเงินไม่หนักจริงหรือดูรถไม่เป็น ผมว่าอ้วกแตก
พวงมาลัยไฟฟ้าตัว Active นี่ถ้าต้องเปลี่ยนจริงๆอาจจะต้องหาเก้าอี้นั่งก่อนฟังราคา

คือต้องเข้าใจว่ารถยุโรป (พูดเหมารวมเลยทั้งเบนซ์และเบม) เวลาซ่อมต้องไม่งก ระบบมันชอบบ้าๆบอๆทำซับซ้อน A พ่วง B พังตัวนึงต้องเปลี่ยนทั้งคู่งี้ แล้วเวลาเปลี่ยนทีถ้างกเปลี่ยนแค่ชิ้นเดียว ไออีกชิ้นก็จะพาชิ้นใหม่พังด้วย แล้วก็ชอบบ่นกันว่ามันจุกจิก ทั้งๆที่หลายเคสเป็นเพราะแม่มงกไม่เข้าท่า นึกง่ายๆสมมติคอยล์จุดระเบิดหรือหัวเทียนเสื่อมเงี้ย ชอบงกเปลี่ยนแค่หัวที่พัง.. คือถ้ามันพังตัวนึง ไอที่เหลือมันก็เหลืออายุไม่ต่างกันมากหรอก แต่ชอบงกกันไม่เปลี่ยนยกชุดเพราะแพง สรุปแม่มต้องมาเสียเวลาเปลี่ยนอีกรอบนึงแล้วก็บ่นกันว่าจุกจิก

อีกเรื่องนึงคือพวกช่วงล่าง รถยุโรปยุคนั้นมันจะบ้าทำช่วงล่างมากด้วยความที่ประเทศมันมีออโต้บาห์น แล้วพอมันทำมาดีๆก็จะเริ่มมีข้อต่อกับจุดนู่นจุดนี่เยอะแยะ อย่างเบนซ์ยุครถถังอย่าง W123/124/210 เงี้ย มันเป็นช่วงล่างมัลติฯ ซึ่งยางมันก็เสื่อมตามอายุ แต่ไม่ใช่ว่าบุชยางเสื่อมตัวสองตัวแล้วสั่นหรือดังแบบรถญป มันต้องแบบจะพังทั้งชุดถึงจะเริ่มดัง (อันนี้รถที่บ้านเป็น วิ่งมา 10 กว่าๆปีไม่ดัง ดังที ยกขึ้นฮ้อยทีคือแทบจะต้องยกทั้งแพลงมา ) แล้วเบิกทีมันแพงก็จริง แต่ใช้ไปอีก 10-15 ปีได้
อย่าง E60 มันเป็นยุคระบบไฟฟ้าเยอะแล้ว (E39 ตัวก่อนมันอะบ้างานวิศวะเลยไม่ใช้ไฟฟ้าช่วยเท่าไหร่) ซึ่งโอเคช่วงล่างมันก็ซับซ้อนน้อยลงซ่อมง่ายหน่อย แต่ถ้าไฟฟ้ามันรวนทีก็.. น่ะแหละ จับเก้าอี้ไว้แน่ๆ

เลยแนะนำว่าถ้าไม่มีความรู้หรือไม่ค่อยรู้เรื่อง E60 รวมถึงถ้าไม่ได้มีอู่ที่พร้อมจะไม่ฟันหัว (ไอเปลี่ยนเก่งๆไม่ใช่ว่ามันจะฟันนะ บางทีมันก็เกินเยียวยาจะซ่อม หรือซ่อมไปแล้วไม่คุ้มงี้ก็ต้องเปลี่ยน) ไปเล่นพรีอุสเหอะ

แต่ไมไ่ด้บอกนะว่าพรีอุสซ่อมถูกกว่าหรือง่ายกว่า

คือพรีอุส (หรือไฮบริดโต) ปัญหาหลักๆไม่ได้อยู่ที่ตัวแบตหรอก ไอแบตเนี่ยหาเปลี่ยนข้างนอกได้ อย่าง Blu-Voltz งี้เป็นแบบ Remanufact ก็ราวๆ 40k-50k (แล้วแต่รุ่น)
แต่ปัญหาอยู่ที่พวกอยู่หน้ารถมากกว่า เพราะหลายๆอย่างมันทะลึ่งใช้ไฟฟ้าหมดเลย (ราคาเป็นมือสองหมดนะ)
- คอมแอร์ไฟฟ้ามีหลักพันยันหลักหมื่นแล้วแต่สภาพ เบิกศูนย์ประมาณ 45k
- ปั้มเบรค มือสองประมาณ 1-2 หมื่นได้ เบิกศูนย์ 60k
- ปั้มน้ำมีสองแบบ ถ้าของเครื่อง 4-5 พัน ของ Inverter 1k ของศูนย์ไม่รู้
- แบตสตาร์ทรถด้านหลัง ข้างนอก 2-3 พัน ของศูนย์ 7-8 พัน

ขี้เกียจหาต่อละ เชิญตามสบาย
https://www.facebook.com/groups/303812090386201/?locale=th_TH
ส่วนราคาศูนย์มีคนไปถามตอนปี 2020 ก็ราคาตามนี้ เลื่อนลงไปหน่อย
https://community.headlightmag.com/index.php?topic=60617.0

ก็ไม่ได้บอกว่าพรีอุสมันจะซ่อมถูกกว่า แต่ผมมองว่า 2 คันนี้โยนเงินก้อนลงไปแล้วใช้แบบใช้อย่างเดียว
ผมไปพรีอุสแบบไม่ต้องคิดเยอะเลย

พ่อผมใช้ 212 อยู่เข้าใจดีเรื่องระบบไฟฟ้าเลย 555

พรีอุสครับทำไม่เยอะจบง่ายกว่า

E60 หล่อจริง แต่หล่อแบบหลอนๆหน่อย เพราะด้วยอายุรถไม่จบว่ายถ้ากระเป๋าไม่หนัก

แล้วทำไมเราไม่ใช้คันเดิม แล้วให้น้องเลือก 2 คันนั้นแทน

Prius ครับ

ผมยังอยากได้เลย

น้องไม่มีตังซื้อใหม่ T_T

จริงๆแล้วผมว่าถ้าจะซื้อ prius แนะนำให้ดูตัว top gradeขึ้นไป ไฟหรี่ led แล้วดีกว่าครับ สวยกว่ากันเยอะเลย


ปัญหาหลักๆของรุ่นนี้เลยคือคอพวงมาลัยครับ(camryก็เป็น) 10 คันเปิดมาเป็นไปแลัว 8 คัน วิธีสังเกตุคือ สตาร์ทรถ หักพวงมาลัยซ้ายขวา ถ้าไม่ดังมาก 5-7 พัน ถ้าดังมาก 10,000 นิดๆ ครับ

ส่วนเรื่องอื่นๆ ตั้งแต่ขายรุ่นนี้มา ผ่านมือมาพอสมควร แทบจะไม่เจอปัญหาจุกจิกอะไรครับ

ส่วนข้อเสียของตัวรถหลักๆเลยคือจอดเข้าเกียร์N ไม่ได้ ถ้าเป็นคนที่ต้องจอดขวางคนอื่นบ่อยๆไม่แนะนำอย่างแรงครับรุ่นนี้