การควบคุมรายจ่ายอย่างเข้มงวดของ ลุงจิม ขยายไปถึง
ซีอีโอ เบอรรานด้า ด้วย ซึ่งการลงนามของเขาจะสูงถึง 25,000 ปอนด์เท่านั้น การชำระเงินที่มากกว่านั้นต้องได้รับการอนุมัติจากกลุ่มเจ้าของ

เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ได้นำนโยบาย "การจัดทำงบประมาณแบบฐานศูนย์" มาใช้ ซึ่งรายการค่าใช้จ่ายทุกชิ้นจะถูกตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อพยายามลดต้นทุน

ทีมบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังนับสกรูทีละกล่องทีละชิ้น ในขณะเดียวกัน พนักงานได้สังเกตเห็นว่าขนาดของส่วนต่างๆ ในโรงอาหารที่โอลด์แทรฟฟอร์ดมีขนาดเล็กลงและมีความหลากหลายน้อยลง และการสั่งผักจำนวนมากที่คาร์ริงตันต้องมีลายเซ็นรับรอง

พนักงานคนหนึ่งล้อเล่นว่าการ "ลักลอบขนXXX" จะง่ายกว่าการส่งจดหมาย เนื่องจากมีซองน้อย แสตมป์แพง และเน้นที่อีเมลเป็นหลัก

ความเจริญกำลังมา อดทนไปก่อน

กำลังสร้าง…

ตระกูลเกลเซอร์ขายหุ้น 28.94% ให้กับเซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ในราคา 715 ล้านปอนด์ โดยยังคงควบคุมส่วนใหญ่ไว้ได้ในขณะที่มอบหมายหน้าที่ในการดำเนินการและวิพากษ์วิจารณ์สาธารณะให้กับเขา

ข้อตกลงนี้รวมถึงสิทธิ์ "ลากไป" ซึ่งอาจทำให้เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ต้องขายหากตระกูลเกลเซอร์เลือกที่จะขายทั้งหมดในภายหลัง ซึ่งจะทำให้พวกเขามีกำไรเพิ่มขึ้น

เดี๋ยวนะ ถ้า 28.94% แค่ 715 ลป.จริง ถ้าเอามาตีเป็น 100% ยังไม่ถึง 2500 ลป.เลยนะ ราคามันดูแปลกๆไหมหว่า

คุ้นๆนะประโยค "การจัดทำงบประมาณแบบฐานศูนย์"

เคยมีการใช้เรื่องนี้หาเสียง กทม มาก่อนครับ

คือกทม ตอนนี้งบที่เป็นงบผูกพันเยอะมาก (สัดส่วนน่าจะประมาณ 70-80% ของงบทั้งหมด) เช่น เงินเดือน โครงการต่างๆ ที่มีการจัดจ้างไว้ในปี่ที่ผ่าน ๆ มา

การทำงบแบบนี้ ตัดข้อจำกัดเรื่องงบผูกพันไปก่อน แล้ว Prioritize สิ่งที่ควรจ่ายว่าาเราจะจ่ายในเรื่องไหนเท่าไหร่ ได้อะไรกลับมา

จากนั้นค่อย ๆ ปรับให้พอจ่ายกับงบผูกพันในแต่ละปี แต่ Goal คือ ต้องปรับสัดส่วนงบให้ตรงกับที่ Prioritize ไว้ให้ได้

คือโดยปกติเวลาทำงบคือดูว่าผูกพันเท่าไหร่ ก็จะตัดส่วนนั้นไปเลย (จ่ายแน่นอน) แล้วดูว่าเหลือเท่าไหร่ค่อยมาจัดสรร

ถ้าเอาให้ดูเป็นรูปธรรมหน่อยก็เรื่องที่ SJR เข้ามาแล้วปลดพนักกงาน ถ้าเป็นการทำงบปกติคือจ้างต่อไปเรื่อย ๆ

ข่าวก็เรื่องนึง

ไอ้ที่ ทำไมมีข่าววงในหลุดออกมาเรื่อยๆ ก็อีกเรื่องนะ
ไม่มีข่าวทะเลาะกัน เลื่อยเก้าอี้ ไม่คุยกัน ก็ข่าวบริหารทีมนู่นนี่นั่น

ทีมอื่น มันปล่อยข่าวกันมั่วซั่วรายวันแบบนี้ไหม?
ต่อไปคนตัดหญ้าขี้แตกก็จะเป็นข่าวไหมวะนั่น

อะไรควรอยู่หลังประตู ก็เอาออกมาแผ่ให้โลกเห็นหมด

ทรงดูไปไม่ไหวในระยะยาว คงขายให้ท่านชีคอีกที

กำลังสร้าง ไม่
กำลังสูบ ใช่

วิธีการบริหารคุ้นมาก

ฟิลลิ่งคงคล้ายๆ มัสก์ ตอนคุมทวิสเตอร์แรกๆ กางงบทุกอย่างออกมาดู ไล่ทุกอย่างที่ขว้างหูขว้างตา แม้กระทั้งพนักงานขาย ส้วมก็ไม่ต้องใช้ ไฟก็ไม่ต้องเปิด มันคืออาการเหมือนคนถูกหลอกมาซื้อแล้วเจ้าของใหม่รู้สึกว่าขาดทุนจึงพยายามลดการขาดทุนโดยการตัดโน่นนี่นั่น

5555 ข่าวเยอะจังวะ แล้วไม่ใช่ข่าวดีด้วยนะ

ใช้วิธีนี้ได้คือต้อง "ผ่าตัดครั้งใหญ่" แล้วล่ะครับ

แต่จากหัวข่าวที่ว่าซีอีโอยังโดนควบคุมวงเงินเบิกจา่ยนี่เกรงว่าซีอีโอจะได้ปิ๋วเป็นรายต่อไป