ลูกน้องเก่ง หัวหน้าก็สบาย อันนี้จริงหน่อยๆครับ


แต่หัวหน้าที่เก่งคือหัวหน้าที่ทำให้ลูกน้องเก่งขึ้นตามได้ มันไม่ค่อยมีหรอกครับพนักงานที่ถวายหัว เพื่อบริษัทอ่ะ ยกเว้นแค่เจ้าของเท่านั้นแหละ


หน้าที่ของหัวหน้าคือทำให้ลูกน้องคนดังกล่าวเนี่ย เก่งขึ้นและไปในทิศทางที่คุณต้องการให้ได้ ถ้าจะหวังสบายก็อย่าคิดเติบโต ถ้าอยากเติบโตจงพร้อมรับมือความท้าทายใหม่ๆเสมอ

มันก็หลายปัจจัยนะครับ

ถ้าเป็นผมคุมนะ อาาจะมองในการที่ได้พฒนาตัวเอง การเป็นหัวหน้าไม่ใช่ว่าจะนั่งสั่งนั่งคุมอย่างเดียว
จะต้องลงไปทำกับลูกน้องด้วยนะครับ ในความคิดผม ถ้าไม่โอเค ก็ให้ลูกน้องพัฒนาตัวเอง
ถ้าบอกแล้วแล้วยังเหมือนเดิมผมก็ให้ออก ซึ่งตอนนนี้ ผมก็ให้ออกจริงๆ ผมจะมีให้เวลาพัฒนา
ตามความเหมาะสม ทุกอย่างพื้นฐานต้องแน่น ถ้าไม่แน่นไปต่อไม่ได้ ครับ ยิ่งถ้าให้ออกเลยก้
เหมือนจะใจร้ายเกินไป ทุกๆวันนนี้หางานอยากด้วยครับ ภาระแต่ละคนก็ใช่จะน้อย

มองในตำแหน่งหัวหน้ากรรมกรหน้างานแล้ว ต้องเจรจาทุกอย่างเองหมด งานค่อนข้างเหนื่อยไปในทางต้องแก้ปัญหาและตามเช็ดล้างปัญหาที่พวกโยนทิ้งปูทางไว้ให้ก่อนหน้า
ข้อดีคือหัวหน้าระดับบนๆเห็นคุณค่า

เอาครับ เอาตำแหน่งเป็นโปรไฟล์ไว้ก่อน สุดท้ายถ้าไม่ไหวก็หางานใหม่ในตำแหน่งที่สูงกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้

เขาจะให้คุณขึ้นเป็นหัวหน้า แปลว่าเขาคิดว่าคุณน่าจะจัดการกับปัญหาต่างๆที่เป็นอยู่ได้ ถ้าคุณชั่งน้ำหนักดูว่าไม่คุ้มก็ไม่ต้องรับดิ เป็นระดับหัวหน้าแล้ว มันต้องโชว์สกิลแก้ปัญหาได้

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมเคยโดนโปรโมทขึ้นตำแหน่งหัวหน้า 2 ครั้ง ตำแหน่งผู้จัดการ(สาขาใหม่) 1 ครั้ง ผมไม่รับตำแหน่งครับ เหตุผลหลักคือ ไม่ช้าก็เร็วยังไงผมก็โดนผู้ใหญ่ที่บ้านลากตัวกลับบ้านครับ ส่วนเหตุผลรองคือ ลูกทีมที่ได้ เข้าขั้นบัดซบสุดขีดครับ ขนาดยังไม่ได้เป็นหัวหน้ามัน ผมต้องตามล้างตามเช็ดผลงานของมันตามคำสั่งของผู้จัดการครับ และผู้จัดการเคยลืตัวเรียกผมไปด่าครับ ทำไมลูกน้องในทีมทำงานแบบนี้ ผมเลยสวนไปว่า ผมไม่ได้เป็นหัวหน้าพวกมันนะครับ พี่ลืมตัวหรือเปล่า

ผมเคยคุยกับหัวหน้าของผมครั้งนึงครับ คือที่ทำอยู่ต้องมีการขยับตำแหน่งเพื่อให้ผมย้ายไปดูแลในงานฝ่ายบริหาร แต่หัวหน้าผมบอกว่าผู้ช่วยของผมทำแทนไม่ได้เนื่องจากไม่มีทักษะการบริหารงานเลย และข้อสำคัญเห็นแก่ตัว ไม่พัฒนาตัวเองแต่อยากได้ตำแหน่งสูงขึ้น เงินเดือนร้องอยากขึ้น ไม่เคยดูสภาพการณ์ของบริษัท

ทุกวันนี้เบื่องานที่ทำมากครับ ไม่อยากไปเจอพวกลูกน้องแบบนี้

ลูกน้องเก่ง กับ ไม่เก่ง ยากคนละแบบครับ แต่ลูกน้องเช้าชามเย็นชามนี่ปวดหัวจริง เหลี่ยมเยอะน่ารำคาญ

ผมตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับท่านเป๊ะเมื่อต้นปีที่แล้วเลยครับ

สำหรับผม คิดคล้ายๆหลายท่านที่ตอบไปแล้วคือ คงรับมาก่อนเพื่อเอาเป็นพอร์ต เอาเป็นประวัติการทำงาน ไปที่อื่นเราจะได้โดดเด่นครับ แต่เรื่องรับมาแล้วจะทำเต็มที่ หรือแค่เก็บพอร์ตแล้วจากไปผมคงมองต่ออีกในแง่ที่ว่า

1. คนในทีมหรือลูกน้อง ดีไม่ดี
-ฝีมือไม่เก่ง
-ไม่มี passion การทำงานกับบริษัทนี้ หรือโปรเจ็คนี้
-นิสัยไม่ดี หรือนิสัยไม่เข้ากับเรา

ผมมองว่าถ้ามีแค่ 1หรือ2ข้อเสียจากตรงนี้ ผมมองว่ายังพอนำมาใช้งานได้ครับ แต่ถ้าครบ 3ข้อเลย คงต้องไปมองต่อว่า

2. แล้วจากข้อ1 ถ้าคนในทีมเข็นไม่ขึ้นจริงๆ คนที่เป็นระดับหัวเราอีกที หรือเป็นหัวหน้าเราอีกที ถ้าเรารีพอร์ตปัญหาไป ทางเขาหนุนหลังเราไหม เข้าใจไหม พร้อมหาทางแก้กับเราไหม

ถ้าคนในทีมไม่ดี แล้วยังไม่อีก ผมมองว่าก็แค่ทำเก็บประวัติการทำงานแล้วไปหาไปยื่นที่อื่นดีกว่าครับ

ผมขอแชร์ประสบการณ์ผมเมื่อปีที่แล้วละกัน ผมมีโอกาศขึ้นเป็นหัวหน้า มีโอกาศดูลูกน้องมี่หมุนเข้ามาทำงานในโปรเจ็คประมาณ 3-4คน

-คนแรก คือสกิลงานไม่ได้ถึงขั้นพื้นฐานไม่ได้เลย และไม่มีpassionในการทำงาน (ตอนนั้นผมถึงขั้นทักไปถามเพื่อนน้องคนนี้หลังไมค์ ถึงได้ความว่าเขาไมาได้อยากทำสายอาชีพนี้ แค่มาทำงานหาเงินระหว่างรอสมัครงานที่อื่นเฉยๆ)

-คนที่สอง คือสกิลงานใช้ได้ แต่ไม่ได้มีใจอยากจะทำ แล้วทุกครั้งที่ผมต้องบรีฟงานจะมีเรื่องให้สติไม่พร้อมเสมอ น่าจะฟีลๆเด็กเส้นด้วยแหละ เดี๋ยวโดนเจ้าของบริษัทใช้งานตอนกลางคืนบ้าง เดี๋ยวคนที่บ้านเข้าโรงบาลบ้าง เดี๋ยวซักพักไปมีปัญหากับคนอื่น เพื่อนเจ้าของบริษัทไลน์มาบอกแนวๆว่าช่วงนี้โอ๋เด็กคนนี้หน่อย

-คนที่สาม สกิลงานไม่ได้ เหมือนจะโกงพอร์ตเข้ามาด้วย ติดเล่น ไปทะเลาะกับหัวหน้าทีมอื่นเจ้าของบริษัท สุดท้ายโดนย้ายมาทีมผม

สรุปคือตอนนั้นก็ทำงานไม่ได้อยู่ดี ที่เจ็บใจคือผมรีพอร์ตปัญหาให้หัวหน้า-เจ้าของบริษัทบ่อยมาก สรุปคือไม่ได้มีการจัดการอะไร จนตอนนั้นสุดท้ายผมทนไม่ไหว ทะเลาะแตกหัก จนออกมาละ

เอาครับ ถ้าทีมห่วยก็ทนสักปีสองปี เอาตำแหน่งไปสมัครงานใหม่

ถ้ายังไงเราตั้งใจจะขึ้นไปเป็นหัวหน้าอยู่แล้ว ถ้ามีโอกาสที่แฟร์พอให้รับเลยครับ

เพราะเราจะได้ฝึก ถึงแม้จะเจอปัญหาหรือลูกน้องไม่เก่ง เราจะได้มีประสบการณ์ส่วนนั้น อย่างแย่ก็ไปที่ใหม่
ตอนไปที่ใหม่โดนคำถามประมาณนี้แน่ๆ เช่น
เรา Motivate ทีมยังไงนอกเหนือจากให้เงินเพิ่ม
เราจัดการกับ Generation Gap ยังไง
เรา Delegate งานยังไง

คำถามพวกนี้มันต้องใช้ประสบการณ์เท่านั้นครับ ไม่มีใครเป็นหัวหน้า่ที่เก่งแต่เริ่มครับ เราจะได้ปรับตัวและเก่งขึ้นๆ ไปครับ