เป้โคตรเถื่อน!! 'กระหน่ำแฮตทริก' เรือรูดม่าน UCL ยับเยิน 1-3
BLOG TOPIC_A
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email:
sale@soccersuck.com
โปรโมชั่นลดจากเดิม 30% (ไม่รับโฆษณาผิดกฏหมายทุกประเภท)
คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ซูเปอร์สตาร์เรอัล มาดริด ปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ได้แล้ว ฟอร์มอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนในเกมนี้ที่นอกจากทำประตูเหนือชั้นได้แล้วยังกระหน่ำแฮตทริกเหมาทำคนเดียว 3 ประตู (น.4, 31, 61) ไล่ถล่มทีมแกร่งอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่เหลือชิ้นดี 3-1 ตีตั๋วผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สกอร์รวมขาดลอย 6-3
เรอัล มาดริด
Starting Formation: 4-2-3-1
8.
เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้
90'
8
19.
ดานี่ เซบาญอส
78'
7
14.
ออเรลิยอง ชูอาเมนี่
83'
7.5
9.
คิลิยัน เอ็มบัปเป้
78'
10
7.
วินิซิอุส จูเนียร์
90'
7.5
ตัวสำรอง
10.
ลูก้า โมดริช
83'
6
16.
เอนดริค
90'
6
6.
เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า
78'
6
21.
บราฮิม ดิอาซ
78'
6
4.
ดาบิด อลาบา
90'
6
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบเพลย์ออฟ นัดสอง
สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว
วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568
กรรมการ อิสท์วาน โควัชส์
เรอัล มาดริด
3
1
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
สกอร์รวม 2 นัด เรอัล มาดริด ชนะ 6-3
1-0 เอ็มบัปเป้ 4'
2-0 เอ็มบัปเป้ 33'
3-0 เอ็มบัปเป้ 61'
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พาลูกทีแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาเยือนเรอัล มาดริด ด้วยสกอร์ที่เป็นรอง เนื่องจากเกมนัดแรกพวกเขาแพ้คาบ้านตัวเองไปก่อน 2-3 นัดนี้ต้องพยายามกลับมาเก็บชัยชนะให้ได้ อย่างไรก็ตาม เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ หัวหอกตัวความหวังของพวเขา มีอาการเจ็บหัวเข่ารบกวน เต็มที่แค่มีชื่อเป็นตัวสำรองเท่านั้น ดังนั้นความหวังจึงอยู่ที่ โอมาร์ มาร์มุช ที่เพิ่งกระหน่ำแฮตทริกได้เมื่อสุดสัปดาห์
ฝั่งเรอัล มาดริด ได้ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ สตาร์ตเป็นตัวจริง เช่นเดียวกับ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ที่หายเจ็บพร้อมออกสตาร์ตั้งแต่ต้นเกม ส่วนแนวรุกยังเป็นเซ็ตเก่ง คิลิยัน เอ็มบัปเป้, วินิซิอุส จูเนียร์, โรดรีโก้ และจู๊ด เบลลิ่งแฮม
เรือยากเลย เป้ซัดให้มาดริดนำไก่โห่ 1-0
เริ่มเกมแค่ 4 นาทีเท่านั้น เรอัล มาดริด มีโอกาสหนแรกก็ยิงนำได้เลย 1-0 จากบอลไดเร็คท์จากแนวรับข้ามไลน์ดันสูงของซิตี้ ดิอาสโหม่งพลาดก่อนเอ็มบัปเป้โชว์ไหวพริบเห็นเอแดร์ซอน ขยับออกมาปิดมุม เลยกระดกบอลข้ามหัวย้อยเข้าประตูไปเลย
เรือซวยซ้ำอีก สโตนส์เจ็บต้องเปลี่ยน
แมนฯซิตี้ ซวยซ้ำอีก สโตนส์เจ็บเล่นต่อไม่ไหว ต้องเปลี่ยนตัวออกส่ง อาเก้ ลงมายืนเซ็นเตอร์แบ็กแทน
เกมรุกเรือทำอันตรายเจ้าถิ่นไม่ได้เลย
เกมผ่าน 15 นาที แมนฯซิตี้ยังพาบอลขึ้นไปลุ้นแก้ประตูคืนไม่ได้เลย พวกเขาทำได้แค่ถ่ายบอลไปมากเมื่อเจอเกมเพรสแพคโซนแน่นของเจ้าถิ่น
เป้อีก ครั้งวอลเล่ย์ติดเซฟ
เอ็มบัปเป้ มีโอกาสอีกครั้ง วิ่งชนะไลน์ ได้เอี่ยวัววอลเล่ย์มุมแคบไปติดเซฟเอแดร์ซอน
เป้ท็อปฟอร์มล็อคแล้วยิง 2-0
สกอร์ขยับไปไกล 2-0 จากการขึ้นเกมต่อบอลขึ้นเกมรุกอย่างลงตัวของเรอัล มาดริด ก่อนไปจบที่ความยอดเยี่ยมของ เอ็มบัปป้ ล็อคบอลหนีตัวบล็อคก่อนสับโล่งๆ เสียบตาข่ายไปแบบสะใจสุดๆ
เรือครองบอลเยอะขึ้นแต่ไม่ได้ลุ้น
ท้ายครึ่ง เรอัล มาดริด ผ่อนเกมถอยลงไปตั้งรับเน้นชัวร์ แมนฯซิตี้ ก็เลยมีพื้นที่ได้ต่อบอลมากขึ้น แต่ไม่มีจังหวะอันตรายเลย
นิโก้ตัดฟาวล์วินิจังหวะโต้กลับ
กลับมาเล่นครึ่งหลัง เริ่มเกม นิโก้ ต้องตัดฟาวล์ดึงกางเกงวินิซิอุสที่กำลังจะโต้กลับ
เป้เกือบทำแฮตทริกได้
โอกาสอีกครั้งของเรอัล มาดริด จากบัลเบร์เด้ ครอสเรียดทางขวาให้เอ็มบัปเป้สไลด์เข้าฮอสไปติดเซฟเอแดร์ซอน
เป้เวิลด์คลาส ซัดแฮตทริก 3-0
แมนฯซิตี้ ก็ยังเหมือนเดินมทำอันตรายเพื่อพลิกสถานการณ์ไม่ได้เลย แถมยังมาโดนเรอัล มาดริดยิงเพิ่มอีกจากคนดีคนเดิม เอ็มบัปเป้ สับขาหลอกโฟเด้น กระชากตัดในแล้วซัดด้วยซ้ายเล่นทางเสียบเสาไกล 3-0
มาดริดยังต่อเกมตามหาประตูเพิ่ม
เข้าข่วง 15 นาทีสุดท้ายของเกม เรอัล มาดริด ก็ยังเป็นฝ่ายครองบอลบุก แมนฯซิตี้ไม่ได้พาบอลขึ้นไปลุ้นได้จบสกอร์เลย
จังหวะนี้ วินิซิอุสสบโอกาสส่องไปติดเซฟเอแดรืซอน
เรือกดดันได้ชุดใหญ่ท้ายเกม
ท้ายเกมแมนฯซิตี้กดดันได้ชุดใหญ่และมาได้ประตูตีไข่แกจากมาร์มุชซัดฟรีคิกไปชนคาน ลูกกระดอนกลับมาเข้าทางนิโก้ กอนซาเลซ ซ้ำโล่งๆ คนเดียวเข้าไป 3-1
ช่วงเวลาที่เหลือ ไม่มีปัญหาเรอัล มาดริด เอาตัวรอดชนะไปในท้ายที่สุด 3-1 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายสกอร์รวม 6-3
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
Starting Formation: 4-2-3-1
5.
จอห์น สโตนส์
8'
6
19.
อิลคาย กุนโดกัน
77'
6
47.
ฟิล โฟเด้น
77'
6
ตัวสำรอง
6.
เนธาน อาเก้
8'
6
87.
เจมส์ แมคอาตี้
77'
6
8.
มาเตโอ โควาซิช
77'
6
แก้ไขล่าสุดโดย iPanic เมื่อ Thu Feb 20, 2025 05:03, ทั้งหมด 20 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ