เข้าใจครับ แรกเข้ามาทำ ก็พูดจาดีกันหมดอะครับ
แต่ธรรมชาติสิ่งแวดล้อมในการทำงาน สุดท้าย มันบ่มเพาะ ให้กลายเป็นแบบนี้จริงๆครับ

ผมเข้าใจหมดเลยนะ ว่าต้องพูดดีๆ ไม่มีใครไม่อยากพูดไม่ดี หรือ โดนพูดไม่ดีใส่

ผมเข้าใจนะ ใจเขาใจเรา แต่อยากชี้ให้เห็นปัญหา เรื่อง Workload ที่มันไม่ดีจริงๆครับ

ที่เป็นต้นตอ ของปัญหา ที่มันจะฟูมฟัก คนๆนึง บุคลากรของประเทศนี้ กลายเป็นแบบนี้กันหมด

ไม่งั้นมันไม่เป็นเหมือนกันทั้งประเทศหรอกครับ

ืคือที่กำลังอธิบาย คือพยายามชี้ให้เห็นถึงต้นตอของปัญหาครับ ว่ามันมีที่มาที่ไป

ไม่ได้บอกให้พยายามเข้าใจ ว่าทำไมเขาถึงพูดไม่ดี ก็ปล่อยเขาพูดไม่ดีต่อไป

แต่ต้องแก้ ที่ต้นเหตุครับ ว่าทำไม คนๆนึง ทำงานที่สถานที่แห่งนี้ถึงกลายเป็นแบบนี้เหมือนกันไปหมด

ก็เห็นด้วยบางข้อนะ มันก็ต้องปรับปรุง

แต่การเปลี่ยนแปลงที่ง่ายที่สุด มันอยู่ในอำนาจของคนบางคน ซึ่งมันง่ายกว่ามาก

ก็อย่างที่คุณว่ามันเอากันทุกหน่วยอ่ะ แต่มันจะดีกว่านี้ไหมถ้าไม่มีที่ไหนโกงกินกันเลย

(เออเข้าใจว่าคงไม่มีวันนั้นหรอก) แต่ปัญหามันก็แก้ไขได้ ประเด็นคือคนที่มีอำนาจมัวแต่ตกลงแบ่งเค้กกัน

เอาคนไม่มีความรู้มาทำ ในหลายๆจุด มันเลยเกิดปัญหา คนเก่งก็ลาออกไปอยู่เอกชน คนเลียก็อยู่สบาย

คำมีคอนเนคชั่นก็อยู่ข้างบน

ชีวิตคนพวกนี้ถ้าคาดหวังให้เขามาแก้ปัญหาจริงๆจังๆ เขาไม่ทำหรอก เพราะมันไม่กระทบชีวิตลูกหลาน หรือตัวเขาเลยไง

คือต่อให้ท่านๆ ทั้งหลายจะป่วย ไปใช้งานโรงพยาบาลรัฐ เขาก็ไม่โดนปฏิบัติเหมือนตาสีตาสาอยู่แล้ว

ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนว่า เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์

"บริบาล" ไม่ใช่บริการ

พักหลังๆมาผมไป รพ บ่อย เจอใครกวนตีน พูดจาส้นตีนๆ ผมก็ทำตัวเป็นกระจกสะท้อน

จะหมอ จะพยาบาล เด็กแก่ มาเหอะ สวนไปทุกคน

เมื่อเราสุภาพแล้วเจอเจอพวกแยกแยะไม่ได้ ผมก็สวนทันทีแบบเดียวกับมัน

แค่แป๊บเดียวมันก็รู้ตัวแล้ว ไม่เห็นต้องอยากใช้กำลังอะไรกับใคร

ขึ้นโรงพัก ไปศาล ถ้าเคยสักครั้งจะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องสนุก

ผมไม่มีเวลา (และเงิน) มากขนาดนั้น

คือถ้าอารมณ์ปกติผมก็ใช้วิธีการเดียวกับท่านน่ะแหละครับ

แต่ลองคิดถ้าเราอยู่ในจุดต่ำสุดในชีวิต บุพการีป่วยหนัก เราไปเฝ้าไข้ เจอพยาบาลพูดจาหมาๆใส่

บางทีเราก็อาจขาดสติได้ คือแค่จะบอกว่าเราไม่อยู่ในโมเมนต์นั้น ไม่มีวันเข้าใจหรอกครับ ว่า ณ จุดนั้นเราจะควบคุมอารมณ์ได้ดีแค่ไหน

มันถึงมีคำว่าอารมณ์ชั่ววูบไงครับ ที่ทำพลาดกันมานักต่อนัก

งานพยาบาลเอาจริงๆ นะครับ เค้าจบมาเรียนการพยาบาล ไม่ใช่งานบริการ อยากให้เข้าใจ ไอ้ที่เกินมา พยาบาลรับจบให้ทั้งนั้น คนห้ามญาติที่ไม่ควรเข้ามาควรเป็นงานใคร รพ บ้านเรามีตังไปจ้าง รปภ ดีๆ ให้พอไหม ตปท ถ้าคุณเอาเด็กเข้ามาแบบที่เค้าห้าม เค้าตาม รปภ เอาออก รพ เลย บ้านเรามันไม่มีเงินพอไปทำ ด่าจนท เค้าหิ้วสถานีตำรวจกันปกติเลย
สั่งยาตอนกลับบ้าน รพ รัฐ ก็ พยบ นี่แหละ อธิบายให้ เภสัชไม่พอ
งานเอกสาร พยบ แบบโคตรเยอะ ตปท มี จนท แบบเลขาทำให้ ที่เรา ทำเองหมด
พยบ ICU บ้านเรา ไอ้คนไข้ แบบสารพัดสาย ใส่ท่อ ดู 2-3 เตียงต่อคน เคยเห็นแบบ 4-5/ คนก็มี เอกชนดีๆ พยบดู 2 คน/เตียง
ทำไมเค้าถึงเรียกโรงพยาบาล เพราะ พยาบาลบ้านเรารับจบให้ทุกอย่าง ไม่มีพยาบาล รพ อยู่ไม่ไก้ บอกเลย
พอเห็น Load งานไหมถ้าคุณทำอะไรที่มันเกินตัวมากๆ ทุกวันๆ คุณจะรู้สึกยังไง อารมณ์จะเป็นไง พอลาออก ทำไมไม่เสียสละ
งบ รพ บ้านเรา ขาดทุนทุกปี รักษาคนไข้ 100 นึง เรียกเก็บได้ บางเคส 20 แย่ๆเลยบางเคส สปสช เนี่ยแหละไม่จ่าย
ตอนทำงานนะ เคสที่ผมยื้อสุดตัว สุดท้ายโดนเรียกคุย เป็นคนอื่นปล่อยตายไปแล้ว ทำเงี้ย รพ ขาดทุน จนท ไม่ชอบเพราะงานเค้าล้นเพราะเคสมันล้นวอร์ด ถ้าปล่อยตายกันจนวอร์ดโล่ง งานก็เบาลง
อยากให้เห็นภาพนะ ว่ามันเน่าแค่ไหน อยากให้หลายๆ คนเห็นปัญหา มันมากกว่าที่คุณจินตนาการได้ อย่าไปเทียบกับเอกชนเลย มันเทียบกันไม่ได้เลย

เอาจากในเฟสญาติคนตบเลย พยาบาลคนแรกพูดดีๆไม่ให้เด็กเข้ากลัวติด
แม่บอกย่าติดจากเด็กดึงดันจะเข้าให้ได้ แต่คนไข้เช็ดตัวอยู่
รอบสองมาพาเด็กจะเข้าอีก พยาบาลคนที่สองตะคอกมาไล่แม่และเด็กว่า
”จะสูญเสียแม่ไปคนนึงแล้วยังไม่พอ อยากจะสูญเสียลูกอีกคนยอมรับได้ใช่ไหม
เอาเด็กออกไปเดี๋ยวนี้“
เอาจริงๆ คนแรกพูดดีๆแล้วก็ไม่เห็นฟัง ยังดึงดันเข้าเยี่ยมอีก
ต้องขอบใจคนที่สองด้วยซ้ำที่ตะคอกแล้วได้ผล สุดท้ายเด็กไม่ได้เข้าเยี่ยม
ไม่งั้นที่ว่าเค้าแช่งอะจะเกิดขึ้นจริง ถ้าเด็กติดเชื้อดื้อยาในICUขึ้นมา
สรุปงานพยาบาลนอกจากดูแลคนไข้และป้องกันไม่ให้มีคนไข้ป่วยเพิ่มอีก
ยังต้องมารองรับการทำผิดกฎของญาติอย่างใจเย็นและสุภาพ
และยังต้องยอมรับอารมณ์รุนแรงจากญาติผู้ป่วยที่เราตักเตือนแล้วไม่ฟัง
ผมไม่เข้าใจคนเข้าข้างคนตบเลยเอาจริงๆ
ส่วนคนที่บอกว่าเหนื่อยทำไมไม่ลาออก ไม่ต้องกลัวครับ
เพราะลาออกกันไปหมดแล้วไง งานมันเลยยิ่งหนักขึ้น
คุณมาโรงบาลรัฐอาจจะไม่มีพยาบาลเหลือมาดูแลญาติคุณอีกแล้วเวลาป่วย
แล้วไม่ต้องมาบ่นว่าคิวรักษานาน ให้รอกันจนเป็นหนัก
ก็ท้าให้ลาออกไม่ใช่หรอ คนไม่พอแล้ว จะบ่นอะไรล่ะ

ตามข่าวพยาบาลคนแรกก็พูดดีๆแล้วนี่ ยังดึงดัน จะเข้าไปให้ได้ เพื่ออะไร ? ไม่มีประโยชน์แถมเสี่ยงติดเชื้อโรคอีก ห้อง ICU นี่ก็น่าจะเชื้อโหดๆทั้งนั้น

แล้วคำพูดไดอะล็อคนี่ชัวร์แล้วเหรอว่าเขาพูดแบบนั้นเป๊ะๆ เอาจริงๆมันก็ Fact ด้วยซ้ำนะ คนแก่ก็ติดไปแล้วยังจะเอาเด็กเข้าไปเสี่ยงอีก

เป็นอะไรนักหนาดูละครหลังข่าวมากไปเหรอ ถึงต้องไปยืนข้างเตียง ICU

คือพูดดีๆก็ไม่ฟัง เตือนแรงๆหน่อยก็โมโหใช้อารมณ์ แล้วต้องให้ทำไงอะ

งานเขาคือบริบาลนะไม่ใช่บริการ อยากได้บริการเพิ่มแบบโอเวอร์ก็ผายมือเอกชน

เอาเฉพาะเรื่อง ตบพยาบาลละกัน

คิดว่าต่อให้พยาบาลพูดแรงแต่เค้าก็หวังดีไหม อีกอย่างเค้าก็เตือนก่อนละหนิว่า อย่าพาเด็กเข้าไปมันเสียงติดเชื้อ

เกิดติดเชื้อขึ้นมา นอนเตียงคู่ ICU งานหมอพยาบาล workload เกิดร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต

หมอ-พยาบาลโดนเรียกสอบ เป็นประเด็นอีก

เคสนี้ต้นเหตุคือคนเป็นแม่ที่ไปเล่าให้สามีฟังนี่แหละ

ICU นะเว้ย ไม่ใช่ห้องรับแขก

ก่อนจะบอกให้พยาบาลเลิกดุ คนไข้หรือญาติควรมีความรู้บ้าง

คุณเป็นแค่คนไข้ ไม่ใช่เจ้าของ รพ.

หมอ พยาบาลทำงานด่าคน ก็ต้องร้องเรียนได้ไหม : ได้นะ หน่วยงานไหนก็ร้องเรียนได้
แต่อยากให้เข้าใจว่า จะอ้างไม่ถูกใจ กระทบจิตใจ เลย..ทำร้ายร่างกาย ถ่ายคลิปแล้วโพสด่า นั่นนี่
มันทำไม่ได้ครับ ไม่พอใจก็เรื่องนึง ทำร้ายร่างกายก็อีกเรื่องนึง โตมาเราจะบอกครูว่ามันด่าแม่ผม ผมเลยต่อยมันแบบตอนเด็กๆไม่ได้

อีกเรื่อง หลายๆคนจะไม่เข้าใจคนที่ทำงานรพ.ว่ามันเป็นยังไง ก็ไม่แปลก
แต่มันแปลกที่คนในประเทศนี้เท่าที่เห็นข่าวเกิน 90% ทำพฤติกรรมแบบนี้ที่รพ.
ตำรวจ ทหาร หน่วยงานอื่นๆทำตัวส้นตีนกว่านี้อีก ทำไมไม่มีใครไปทำแบบนั้นมั่ง
ส่วนตัวผมคิดได้ว่า เพราะเขารู้สึกว่าเขาทำได้ ทำไปแล้วจะไม่มีผลอะไรตามมา ยังไงรพ.ก็ต้องรักษา
ทหาร ตำรวจ สรรพากร ที่ดินงี้อาจจะกลัวเขาไม่พอใจ โดนเล่นคืนทีหลัง ไม่พอใจก็เก็บไว้
แต่ที่รพ.มันไม่ได้รู้สึกแบบนั้น
ก็คือ มองว่าเขาอ่อนแอกว่า เลยทำ แค่นั้นแหละ

งานพยาบาลจริงๆคือบริบาลครับ ส่วนบริการเป็นของแถม เอกชนมีบริการคู่บริบาล เพราะเราจ่ายเงินเพิ่มไป
ส่วน รพ. รัฐ ถ้ามีก็ถือว่าคนไข้แบบเราโชคดีไป แต่ไม่มีก็คือไม่มี

อย่าง รพ. ที่ภรรยาผมทำงาน พยาบาลทำงานแค่งานบริบาลกับงานบริหาร งานบริการเป็นของผู้ช่วยพยาบาล

ผมเจอพยาบาลกับหมอ รพ.รัฐ สองแห่ง ทำให้ผมตัดสินใจได้เลยว่าจะไม่ไป รพ.รัฐอีก

ที่แรกสมมติชื่อ รพ.รา
ผมเดินไปถามดีๆ ว่าอยากมาหาหมอหัวใจต้องทำยังไงบ้าง แบบโคตรสุภาพ
ก็ตอบกลับแบบดุๆ ตอนนั้นในใจคือ กุพูดด้วยดีๆ ทำไมตอบงี้วะ แต่ช่างมัน
พอจะจองคิวหาหมอก็เจอพยาบาลทำงานแบบขอไปที ไม่เรียกคิว ไม่สนใจนั่งเล่นแต่โทรศัพท์
วันนั้นผมเข้าไป รพ. บ่ายโมง กลับออกมาเกือบสองทุ่ม เลิกไปเลย

อีกที่สมมติชื่อ รพ.มอ
พ่อผมเพิ่งผ่าตัดใหญ่วันอังคาร เช้าพฤหัส หมอให้ออกได้
แต่คืนนั้นพ่อผมต้องกลับไปเข้าฉุกเฉินเพราะมีอาการช็อค
ผมถามพยาบาลว่าอาการนี้ขอนอนได้ไหม
พยาบาลบอก รพ.เราไม่ใช่ รพ.เอกชน ที่จะนอนก็นอนได้ เราให้นอนได้ตามความจำเป็นทางการแพทย์
ซึ่งอาการแบบนี้ยังไม่จำเป็น
แต่คือพ่อกุช็อคไง ตอนนั้นเที่ยงคืน แล้วหมอกับพยาบาลก็ปล่อยให้พ่อผมนอนในห้องฉุกเฉิน รักษาตามอาการ
จนหกโมงเช้าถึงมาบอกว่าจะให้แอดมิท แต่ต้องย้ายไปอีก รพ. เพราะสิทธิ30 บาทอยู่อีกที่
ผมก็ถามว่า ถ้าไปอีกที่จะมีเตียงให้นอนไหม หมอบอกไม่รู้ต้องส่งไปแล้วไปเช็คเอง
ผมนี่ ในใจคือ อ.ห.
ก็เลยบอกแม่ว่าไปเอกชนเลย พอเอกชนถามว่าต้องเข้า icu ไหม
พยาบาลคนเดิมกับด้านบนบอกว่า
ถ้าถามว่าต้อง icu ไหม ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละ รพ. แต่อาการนี้ตามมาตรฐาน รพ. เราไม่เข้า icu แน่นอน

ผมนี้เกือบหลุดด่ามันละ
ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้หลายปีละยังจำหน้ามันได้แม่นเลย ทั้งๆที่ปกติผมจำหน้าคนไม่ค่อยเก่งนะ
ยอมปากมันจริงๆ

เคยละครับ แต่ก็ไม่ต้องทำแบบนี้ ซึ่งไม่มีความจำเป็น

แม่ผมนอนพะงาบๆอยู่ที่บ้านเนี่ยแหละ เป็นโควิดสายพันธุ์เดลต้า (ที่แรงๆอัตราการตายสูงๆน่ะ) มีตังก็เข้าเอกชนไม่ได้เพราะไม่มีเตียง (ผมบอกสมิติเวชว่า วางเงินได้ 5แสน - ล้านนึง เค้าก็บอกมาทันที มีกี่บาทก็ไม่มีเตียง ฮ่าๆๆๆ)

โทรหน่วยงานภาครัฐ (ที่ให้โทรๆไปน่ะ) ยิ่งทำอะไรไม่ได้ใหญ่ แถมพูดจากวนตีนใส่ผมด้วย ให้ผมบอกอาการ จะประเมินเป็นสี ผมก็ถามอาการแบบนี้สีอะไร คนพูดบอกให้ไป Google เอา

นาทีนั้น ถ้าห่วงผู็ป่วยจริงๆ ซึ่งคือพ่อแม่ผมเอง ผมไม่มีเวลาไปอารมณ์เสียใส่หรอก หาทางแก้ไขดีกว่าครับ

ซึ่งจากในข่าว พยาบาลคนแรกเตือนดีๆแล้วก็ไม่ฟัง ปล่อยให้เข้าไปก็มีปัญหาอีก

อ่อ อีกอย่างครับ บุคลากรของ รพ รัฐ น่าจะเป็นผู้บริบาลมากกว่าผู้ให้บริการนะครับ คาดหวังการพูดจาดีๆแทบอุ้มเข้าไปรักษาก็เอกชนเลยครับ trade off กันไป

สาเหตุบรรดาหมอๆข้างบนพูดไปหมดละมั่ง เรื่อง workload น่ะ

อันนี้จริง งานโหลดจนออกกันหมดแล้ว คนที่เหลือคืออายุเยอะๆไปไหนไม่ได้ รอรับเงินตอนเกษียณแล้ว


รุ่นใหม่ใครจะอยากทำรพรัฐ

พยาบาลพูดไม่ดี เอาจริงๆก็ไม่มีสิทธิ์ทำ บางคนก็แย่จริงๆ ผมเจอมาเยอะ

แต่คนไม่มาอยู่รพ.รัฐ เองไม่เข้าใจหรอก ว่าเวิร์คโหลดมันหนักขนาดไหน

คนที่ยังอยู่คืออยู่ด้วยใจนะผมนับถือ คนน้อยลงแต่งานเท่าเดิม

ระบบสาธารณสุขไทย รอวันล่มได้เลย หมอและพยาบาลค่อยๆไหลออกจากระบบ

ถ้าของหมอ รัฐ-เอกชน ชั่วโมงเวรการทำงานเท่ากัน รายได้ต่างกัน 4-5 เท่าตัว

ส่วนที่คิดว่า รพ.รัฐ คืองานบริการ จริงๆแล้วคืองานบริบาล ต่างหาก

คุณไม่ไปรพ. เขาก็อยู่กันได้ ไม่ได้ขอร้องให้คุณไปเลย

ถ้าอยากได้งานบริการ รพ.เอกชนเลยครับ เพราะคุณเอาเงินไปให้เขา

สมัยก่อน หมอและพยาบาล คือคนที่ช่วยเรา ช่วยคนที่เรารัก

สมัยนี้ หมอและพยาบาลคือการบริการที่ต้องทำ ไม่ได้เป็นการช่วยเหลือกัน

คนไข้น่ารักๆเยอะครับ เจอมาเยอะ แต่คนไข้ปสด. ก็เยอะจริงๆ

แผนกฟันรพ.อำเภอผมจะรับบัตรคิวตอนเช้าเลยก่อน 9 โมง พยายาลจะมาซักประวัติราวๆ 8 โมง แล้วจะแบ่งเลยว่าห้องนี้ขูดหินปูน ห้องนี้ถอนฟัน จะมีราวๆ 4 ห้อง 4 เตียง ก็รันริวได้เรื่อยๆ ถ้าเคสไหนที่เป็นผ่าฟันคุดจะนัดเป็นช่วงบ่ายเลย แต่ถ้าไม่มีคิวว่างก็นัดให้มาวันอื่นๆ