มีเพื่อนเรียนธรบุรี ค่าเทอม จนจบหลักสูตร 6 ล้าน มั้ง
บทเรียนก็ยากเท่าแพทย์ปกตินี่แหละ

ยังไงพี่เอ้ช่วยติดตามด้วยนะครับว่าจบแล้วลูกศิษย์ไปทำไรกัน ตรงตามที่พี่สาธยายมาไหม

ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งเข้าพรวด เม้นบนๆ รวมถึง ท้อปเม้น มั่วหลายจุด


เอกชน ก็ไม่ใช่จะรับหมอจบใหม่ไม่มีใบเพิ่มพูนทักษะอินเทิน1 นะ ยิ่งจะเรียนต่อเฉพาะทางไม่มีใบนี้ เส้นไม่ใหญ่จริง ไม่มีทางได้เรียนชักสาขาครับ ส่วนใหญ่จบมา ถ้าไม่บังคับใช้ทุน จะเข้าโครงการแพทย์พี่เลี้ยง ฟิควอร์ด ตาม รพ ต่างๆ


หมอยุคนี้ เค้าอยากเข้าระบบราชการ จับสลากทุกคนครับ ยกเว้นพวกบ้านรวยจริงๆชึ่งมีไม่ถึง10% เข้าราชการหมายถึงการันตีรายได้ สวัสดิการ ครับ เค้าจะออกราชการก็ต่อเมื่อ ไม่มีทุนให้ งานหนักเกิน (ชึ่งทุกวันนี้เบากว่าสมัยก่อนเยอะเเล้ว) อยากหาเงินเร็วๆ เบื่อสังคมที่ทำงาน หรือแม้แต่อยากอยู่ใกล้พ่อแม่ผัวเมีย ส่วนใหญ่ เรียนต่อเสร็จแล้วไปฟูลทามเอกชนหาเงิน

หมอส่วนใหญ่เอาราชการด้วย + หาเวลารับเสริมเอกชน คลีนืค กันครับ ราชการไม่ใช่กากๆ สิทธิการรักษาดีกว่าประกันชีวิตแพงๆบางเจ้าชะอีก

ถ้าไม่มีประสบการณ์ เต็มถังมา รพ เอกชน ไม่ค่อยรับหรอกครับ

เขาจะมารับหมอจบใหม่ทำไม. หมอเก่งๆ ใน รพ รัฐต่อแถวลาออก มาสมัครเอกชนกันเพียบ คัดเอาตัวท็อปๆ ได้เลย มีทั้งแบบ พาร์ทไทม์ ฟูลไทม์

เพื่อนผมระดับอาจารย์หมอ หัวหน้าห้องผ่าตัด ก็เพิ่งลาออกไปทำงานเอกชนเต็มเวลา

ถูกครับ หมอจบใหม่ตอนนี้ฝีมือเท่า นักสึกษาแพทย์อ่ะ กรีดหนอง เย็บแผล แม้แต่สั่งยายังไม่คล่อง เอกชนที่ไหนรับก่อน เอกชนเกรด C สมัยนี้ยังเอา Int2 ขั้นต่ำเลย 55

มองเป็นเรื่อง demand-supply อ่ะฮะ

โอเคว่าคนพวกนี้จบมาก็หาช่องทางสร้างรายได้ ไม่ได้มาทำงานกับ รพ.รัฐแน่ๆ

แต่ไอ้ช่องทางที่ว่าก็ไปทับซ้อนกับคนจบแพทย์จากรัฐ ที่ใช้ทุนเสร็จเรียบร้อยเตรียมออกนอกระบบหาตังค์

เมื่อ supply มีเยอะขึ้น แต่ demand เท่าเดิม ผลตอบแทนก็ลดลง ก็มีส่วน(บ้าง)ที่จะดึงดูดแพทย์ในระบบ รพ.รัฐออกมาน้อยลง

หรือถ้า worst case ท้ายที่สุด แพทย์ รพ.รัฐออกมาเท่าเดิม ก็จะเป็นแพทย์ไฮโซกลุ่มมู้นี้เนี่ยแหละที่จะตกงานแทน

ซึ่งทางเลือกเค้าก้จะมีแค่ไปทำธุรกิจอื่น(สูญเปล่าทางการศึกษา) หรือยอมเข้าไปทำงาน รพ.รัฐ ทดแทนแพทย์ที่ออกไปหาตังค์..

ถึงคิดว่าอย่างเลวร้ายที่สุดถึงจะไม่มีอะไรดีขึ้น(จากสภานการณ์แพทย์ขาดแคลนในปัจจุบัน) แต่ก็ไม่แย่ไปกว่าเดิมอ่ะฮะ

ก็อย่าพึ่งไปตัดสินเลยครับ มันขึ้นอยู่กับคนมากกว่าสถาบัน

หมอรพ.รัฐในระบบ ก็อยากออกจะตายแล้ว 555

... มันมีหมอจริงๆในบอร์ดกี่คนนะ เอาแค่แบบมีญาติหรือพี่น้องใกล้ชิดเป็นหมอก็ยังดี

คือไม่ใช่ไปด่าอย่างเดียวว่าแม่มจะยัดเข้าคลีนิคความงาม นี่ก็แซะเขาชิบหาย

มันก็มองสองด้าน คือพวกนี้ก็มาแบกค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลและมหาลัยด้วยส่วนนึง (เปิดกันเองหนิ)
อย่าลืมว่าตอนนี้มหาลัยเองก็ตึงมือชิบหายเพราะเด็กมันเกิดน้อยลง คนเข้าเรียนน้อยลงๆ MBA หลายที่แตกไปเรียบร้อยเพราะคนเรียนน้อยลง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร

วิศวะจุฬาเองตอนนี้ก็ลดปริมาณนิสิตลง สมัยก่อนมันไปพีคแถวๆ 1.1k ต่อรุ่นรวมไทยอินเตอร์ ตอนนี้เหลือ 800-900 คน แถมลดภาคไทยไปเปิดเป็นภาคอินเตอร์ค่อนข้างเยอะ ฉะนั้นแล้วมหาลัยไหนถ้าเปิดได้ (แล้วสอบใบประกอบได้) ก็ให้มันเปิดไปเหอะ ขี้หมูขี้หมามันคงไม่แบบจบ 20 เข้าคลินิคฉีดหน้า 20 คนหรอก

อีกด้านนึงก็ต้องยอมรับว่าระบบการบริหารหมอมันล้มเหลว ได้ยินมาหลายปีแล้ว(รวมถึงมีคนใกล้ตัวเป็นหมอ)ว่าแพทย์เฉพาะทางเริ่มขายได้น้อยลงๆ เปิดกันน้อยลงๆ ไม่ใช่ว่าไม่มีทุน แต่ไม่มีคนมาเรียน
ซึ่งคนที่แซะเขาว่าไม่ยอมเข้าระบบมีประโยชน์ยังไง ก็ต้องคิดนะว่าคุณอยู่มานานแต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงระบบได้เนี่ย มีหน้าไปแซะเขาด้วยเรอะ

คุณก็แค่คนกินตามน้ำนั่นแหละ ระบบมันชิบหายแทนที่จะปรับ คุณก็บอกว่า "ไม่ใช่หน้าที่ผมหนิ" ก็คิดแบบนั้นไปเห้อะ คุณแค่โมโหนั่นแหละว่าเด็กที่จะมาเป็นเบี้ยล่างผ่อนงานให้คุณมันน้อยลงๆก็แค่นั้นเอง
้ถ้าคุณเจ๋งจริงก็ลาออกไปหาเอกชนอยู่ได้นานแล้ว นี่คุณติดแหงกกับโรงบาลรัฐด้วยข้ออ้างร้อยแปดพันเก้าก็แค่นั้นเอง เห็นมาเยอะแล้วแหละพวกอ้างนู่นอ้างนี่ แซะผู้ป่วยใช้สิทธิ์เลอะๆเทอะๆ แต่ตัวเองก็ abuse ระบบเหมือนกัน ก็ Fair Game กันอะถ้าไม่มีเด็กจะมาเข้า

ปล. อยากเห็นระบบสาธารณสุขล้มเหมือนกันนะ ในเมื่อใครเองเข้ามาก็บอกแก้ไม่ได้ๆ ก็ปล่อยมันล้มดิ
บริษัทที่ใหญ่ๆเขาแก้ไม่ได้ก็ปล่อยล้มแล้วก็ล้างไพ่เล่นใหม่ ระบบสาธารณสุขไทยก็เหมือนกัน จริงๆน่าจะล้มตั้งแต่ตอนโควิดไปเลย ไอพวกนั่งบนหอคอยงาช้างจะได้รู้ว่าความชิบหายมันเป็นยังไง นั่งจนชินตูดไปวันๆ

Bias เต็มขั้น หมอจบใหม่ ไม่มีประสบการณ์เลย เอกชนกี่ที่จะรับ เวลาไปรพ.เอกชน เห็นแต่ระดับอาจารย์แพทย์ทั้งนั้น ไม่ก็พวกที่จบเฉพาะทางเก่งๆ

เม้นกันแบบเน้นความรู้สึกไม่เน้น fact

ถ้าคลินิคเสริมความงามทั่วไป ไม่ต้องใช้วุฒิเฉพาะทางครับ
เรียนเป็นคอสเสริมเอา

เพราะถ้าจะเอาเต็มรูปแบบ ต้องเรียนศัลยแพทย์ตกแต่ง
ซึ่งไปเรียนคอสเสริมความงามเอา ง่ายกว่ามากๆๆๆๆๆ ครับ

เม้นเอามัน โง่แล้วอวดฉลาดกันเยอะ

ดีครับ ไม่ต้องไปกังวลมากสุดท้าย Demand - Supply จะจัดการมันเอง

คิดง่ายๆ รพ เอกชน เค้าก็ไม่ใช่ควายจะไม่เลือกหมอครับ หมอไหนเก่งก็ได้ก่อน หมอไม่เก่ง ทักษะไม่พอ

ตัวเลือกก็น้อย งานวิชาชีพมันเป็น Learning curve ทำมากเก่งมาก ทำน้อยเก่งน้อย

แล้วก็อย่าไปตัดสินก่อนครับว่ารวยแล้วไม่ช่วยคน บางคนที่มาเรียนเค้าตั้งใจช่วยก็มีครับคือ "รวยแล้วจริงๆ"

ไม่ใช่แค่พอมีเงิน คนเราพอมีเงินมากพอแล้วจริงๆ บางอย่างที่ทำมันทำเพื่อตอบสนอง Passion

ตอบสนองอุดมการณ์ตัวเองครับ ง่ายๆคุณธนาธร มาทำการเมือง ผมก็ไม่ได้คิดว่าเค้าหวัง "รวย"จากการเมือง

เท่าไหร่ มีแต่เงินที่ลงไปอ่ะทิ้งไปเท่าไหร่แล้ว แต่มันคือทำเพื่อสนองอุดมการณ์ตัวเอง

ไม่ล้มง่ายๆครับ ปัจจัยนึงคือเงินบริจาค คนไทยใจบุญ อีกอันคือแพทย์ที่มีอุดมการณ์ยังมีอยู่เยอะ ตกเบิกไม่บ่น จองห้องผ่าตัดนอกเวลา โอทีไม่ได้ไม่บ่น

ผมคิดว่าอนาคตอีกสัก 5-10 ปี กรณีเคสระบบที่แย่สุดๆคือ หมอน้อยลงจนถึงระดับการต้องพบหมอจะต้องเป็นเคสร้ายแรงจริงๆ นอกนั้น AI วินิจฉัย + รับยาที่ร้านยา

ซึ่งจริงๆระบบที่ควรเป็นคือแบบญี่ปุ่นหรือหลายๆประเทศคือ โรคที่ไม่ร้ายแรงต้องนัดคิวไว้เท่านั้น 7 วันถึงได้พบหมอซึ่งอาจจะหายแล้ว ส่วนฉุกเฉินสามารถเข้าพบหมอได้เลย แต่คนไทยบางคนนิสัยฉันป่วยหรือเจ็บคือฉุกเฉินทุกเรื่อง

ดียังไง ทรงนี้หมอในระบบก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นหรอก าจะไปอยู่คลินิคในเมืองซะมากกว่า

อีกอย่างถึงไม่เรียนภาคพิเศษในไทย ก็ไปเรียนที่ ตปท อยู่ดี โดยเฉพาะที่จีน
จบมาก็อินเทิร์น ขอใบประกอบวิชาชีพได้ปกติ ไทยก็จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายตอนอินเทิร์น
กับพวกการฝึกทักษะต่างๆไป แต่ค่าเทอมก็เสร็จจีน