ผมว่างานบางอย่างถ้าต้องอาศัยทักษะเชิงสูง อย่างเช่น งานเขียนโปรแกรมโลจิกที่ซับซ้อน , งาน Marketing บางอย่างที่ต้องใช้ไหวพริบ และ ประสบการณ์เข้ามา optimize สู้กับคู่แข่ง บางทีมันสอนยังไงก็ไม่เก่งนะ เขาอาจจะรู้เยอะขึ้นนะ แต่เจองานยากๆ ซับซ้อนมากๆ งานเขี้ยวมากๆก็ทำไม่ได้อยู่ดี
.
การรับคนที่ไม่เก่งมาจะเอาอะไรมาการันตีว่าสอนแล้วจะทำได้ เคยเห็นบางคนสอนมา 2-3 ปี คนสอนสอนจนเพลีย ก็ยังทำไม่ได้ก็มีให้เห็นเยอะแยะ
.
งานบางอย่างมันไม่ใช่ งานยกก๋วยเตี๋ยว, ล้างจาน หรือ งานเอกสาร ที่สอนแล้วจะทำได้
.
ถ้าบางคนเก่งมากๆ แล้ว one man show ได้ จ้างแบบนี้ดีกว่าไหมครับ ไม่ต้องจ้างหลายคนมาทำเป็นทีม ประหยัดค่าจ้างด้วย

พูดง่ายๆคือ รับจำนวนไม่จำกัด

ใครใคร่จ้างแบบไหนก็จ้างคับ

ไลฟ์โค้ชมันต้องใช้คำพูดโลกสวยเชิงบวกอยู่แล้ว มันจะไปพูดเรื่องจริงที่ทำได้ยากๆได้ไง ในเมื่อมันเป็นการพูดในกำลังใจ

ใช่ครับ พวกโค้ชมันก็พูดไปเรื่อย ยังกะว่างานทุกอย่างสอนแล้วทำเป็นกันได้ทุกคน งานเฉพาะทางบางอย่างสอนให้ตายก็ทำไม่ได้ครับ มันต้องอาศัย specialist เข้ามาทำ

อยู่ที่ประเภทงานรึเปล่า

บางงานต้องการการประสานงาน แล้วเจอพวกงี่เง่าเข้ากับคนยากนี่ พาลจะเสียทั้งทีมนะ

คือถ้าจะอ้างอิงใครอะ แปะคลิปหรือแหล่งข่าวก็ยังดีจะได้มี Context ว่ามันพูดในแง่ไหน
เรามาปากเปล่าๆแค่นี้ คือกลัวโดนฟ้องรึยังไงอะ?

คือเรื่องคนไม่เก่ง มันไม่ได้แปลว่าทำเหวอะไรไม่เป็นหนิ คืออย่างสเกลมัน 100% งี้ บางตำแหน่งเป็นเรื่องของประสบการณ์ ซึ่งรับมาใหม่ๆมันก็ไม่ได้ทำได้ 100% ทุกคนอะ ถามพวกที่เป็น Project Mng ดิ รับ dev ใหม่เข้ามางี้มันก็ไม่ใช่ทุกคนจะเก็ทเรื่อง UI/UX แต่ต้องมีพี่ที่ช่วยไกด์ไลน์ให้มันเข้าใจ แล้วมันก็จะต่อไปได้เอง

เอาที่เราพูดมาก็ได้ คนเราถ้าตรรกะไม่แข็งอะ (เช่นจะอวยพัดลมแต่ไม่เคยซื้อเอง แล้วก็มาบอกว่ามาแชร์ให้เฉยๆงี้ อันนี้ไม่ถูกตามหลักอยู่แล้วนะ โลจิค = ตรรกะ) มันไปไม่รอดตั้งแต่ในมหาลัยแล้วไม่ต้องรอดมาถึงจบหรอก สายโปรแกรมมิ่งแม่งเขี้ยวจะตายเรื่องโลจิค
งานมาร์เก็ตติ้งงี้ ถามจริงไหวพริบมันมีในหัวตั้งแต่คลอดหรอ? ก็ไม่อะ ส่วนมากแม่งก็มาเจอปัญหาหน้างานแล้วก็ฝึกไป อย่างที่บอกมีพี่เลี้ยงช่วยไกด์ช่วยไรงี้มันก็จบ เขาเลยเรียกว่า "ทีม" ไม่ใช่ "ตัวใครตัวมัน"

งานที่ซับซ้อนมากๆก็ควรมีหลายคนช่วยคิด ถ้างานมันยากจนคิดไม่ออกแล้วไม่มีคนช่วย โยนไว้ให้คนเดียว อันนี้คือระบบจัดการห่วยตั้งแต่แรก บริษัทที่ระบบมันดีจริงๆมันต้องมีหลายคนช่วยกันคิดช่วยกันทำ คืองโปรเจคนึงมันไม่ใช่ทำคนเดียว ถ้าทำคนเดียวอันนั้นคือบริษัทจัดการแย่แต่แรกแล้วไม่มี Manpower มากพอในการรับงานแต่เสือกจะรับเพราะเงินหรืออะไรก็ตามแต่

ถ้าจะเอาคน OMS เนี่ย ถามจริงมีปัญญาจ่ายเขาเรอะ? นึกภาพสมมติทีมนึงมี 10 คน จ่ายเงินเดือนรวมๆ 5 แสน คิดว่าเอาไอคนเดียวมาเพื่อให้ได้งานปริมาณเท่ากันในประสิทธิภาพเท่ากัน 5 แสนจะเอาอยู่หรอ?
ที่เคยเห็นส่วนใหญ่ได้สเกลนั้นอะคือตอนจ้างต้องเขียน Blank Cheque ให้ด้วยซ้ำถึงจะยอม
ไม่งั้นมันไปรับ Freelance ดีกว่า รับได้หลายจ๊อบ แถมถ้าจัดการดีๆไม่เครียดเท่าทำอันเดียวก้อนใหญ่ด้วย

ถ้าเขาเก่งจนจบงานด้วยตัวคนเดียวได้ การประสานงานก็ไม่ต้องเยอะมากก็ได้ไหมครับ

ก็ถึงบอกว่าแล้วแต่ประเภทงานไง งานบางงานมันทำคนเดีได้ที่ไหนล่ะ

ที่ผมหมายถึง แบบว่า คนที่มาช่วยคิด มันไม่ได้เคยมีประสบการณ์ในงานด้านนั้นๆนะครับ อย่างเช่น งานโปรแกรมเมอร์ เขียนโปรแกรม แต่คนที่รับเข้ามาเขียนไม่ได้เลย แล้วก็บอกว่า สอนซิ เดี๋ยวก็เขียนได้ ทำเป็น สอนซิเดี๋ยวก็เก่ง

บางงานที่เป็นงานสายยิงแอด สอนไปก็แค่เอาโฆษณาขึ้นได้ แต่ไม่สามารถ optimize หรือคิดเชิงกลยุทธไปสู้กับคู่แข่งได้

ปล. ที่พูดมาเพราะ มีบางคนชอบเอาคำของไลฟ์โค้ชพวกนี้มาพูดเอาหล่อในที่ทำงาน โดยไม่เข้าใจบริบทของเนื้องานว่า งานบางอย่างไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้

ทำไม่ได้เลยจะรับมาทำเขืออะไรแต่แรกอะ?

อะ ในฐานะที่เคยแบบอยู่ในคนจำพวกที่พิชัยบอก คือเคยโยกตำแหน่งจากผู้ช่วยผจกมาเป็นโปรแกรมเมอร์
คือเคยเขียน Java มานิดหน่อย แต่ไม่ได้เขียนเป็นสิบกว่าปีแล้ว พอได้เรื่องโลจิค และหัวหน้าอนุมัติให้ย้าย

บอกเลยไมถึงอาทิตย์ก็อยากลาออกแล้ว เกรงใจ เขียนก็ไม่ค่อยได้ต้อง Stackoverflow เรื่อยๆ
แต่อธิบายโลจิคได้ว่าต้องเชื่อมอันนี้ไปอันนี้ หรือทำไมต้องทำแบบนี้แทนที่จะเป็นแบบนี้

สุดท้ายย้ายไปอีกตำแหน่งนึงแทนในเวลาสองอาทิตย์ ตอนนี้สบายใจกว่าเยอะและงานค่อนข้างดีกว่า

ฉะนั้นแล้วที่เราบอกอะมันคงมีแหละพวกที่ไม่ได้เลยแต่ย้าย แต่คำถามคือมันจะอยู่ได้กี่อาทิตย์/เดือนเองวะถ้าทำไรไม่เป็นขนาดที่เราบอกอะ? ไม่ต้องไปรอวัด KPI หรอก หัวหน้าที่เป็นผู้ดูแลคอมเพลนไปก็พังแล้ว
เพราะมันกระทบคนวงกว้าง เซลล์ถ้าขายของไม่ได้ = กระทบรายได้บริษัท โปรแกรมเมอร์ที่เขียนไม่เป็นก็ทำงานช้าลง = เลื่อนวันส่งโปรเจค = กระทบรายได้บริษัท พวกนี้ไม่เกินสองสามเดือนหรอกก็เละแล้ว

แต่ก็อย่างที่บอก ถ้าบริษัทและหัวหน้ามันฉลาดอะ ตอนสัมภาษณ์ถ้าเห็นว่าไม่ได้มันก็ปฏิเสธไม่รับแต่แรกแล้ว
ไอที่เราบอกว่ารับมาแล้วสอนทีหลัง ถ้าไม่ได้หน้ามืดด้วยคารมตอนสัมฯ ก็คือมีแววจะทำได้จริงๆ แต่อาจจะมองพลาดหรือคาดหวังสูงเกินไป ซึ่งอันนี้ก็ไม่ใช่ว่าใครจะดูออกกันหมด

ขึ้นกับงาน และ ขึ้นกับว่าเหมาะกับคนนั้นมั้ย มี MKT เยอะแยะที่ไม่ได้จบ MKT ตรง

หรือ แม้แต่ Programmer ก็มีเหมือนกัน บางอย่างมันสอนได้ อยู่ที่ประเภทงานและความเหมาะสมกับคน

เวลาเขารับคนไม่เก่ง มันไม่ได้หมายความว่าจะรับคนไม่มีความสามารถที่ไม่เหมาะสมนิ่

สมมติรับคนมาทำ MKT ถ้าเป็นพวก Idea ไม่ได้ ต่อให้เรียนจบมา ก็ได้แค่นั้นเหมือนกัน

บางคนเปลี่ยนสายงานตอนอายุ 30+ ยังมีเลย มันขึ้นกับว่า สกิล set อื่นๆที่เขามีเหมาะสมมั้ย

สมมตินะ รับคนมาปั้นเป็น Programmer ไม่เคยเขียนโค้ดมาก่อน แต่ Logic ดี อ่านอังกฤษได้ ทำให้ศึกษาได้กว้าง

ไล่หาสิ่งต่างๆจาก Internet ได้ดี แบบนี้ก็มีแววถูกมั้ย ผมเจอมาเยอะแยะครับ

จบสังคมศาสตร์มาทำ Programmer งี้ ก็เขามี Logic อ่ะ สุดท้ายพอให้โอกาส เค้าก็เก่งทุกวันนี้ไปไกลละ

ยังไงการรับคนมาสอนงาน Mindset เปิดรับ ต้องมีก่อน ต่อด้วยอุปนิสัย และ สกิล ครับ ในหลายๆงานเลยนะ แต่อาจไม่ใช่ทุกงาน

ถ้างานที่ต้องทำเป็นทีม ทำร่วมกับคนอื่น สิ่งที่โค้ชคนนั้นพูดก็ไม่ผิดนะ ต้องไปดูบริบทของประโยคที่พูดมันตั้งต้นมาด้วยคำถามอะไร

put right man on the right job. ที่ได้ยินตั้งแต่เด็กคือถูกต้องสุดละ

มีคลิปอ้างอิงไหมครับ ผมจะฟังแล้วลองวิเคราะห์ก่อนจะตอบ