เวลาผมไปกินตี๋น้อย จะเลือกไปวันธรรมดา ไปถึงก่อนร้านเปิดนิดหน่อย หรือไม่ก็ไปกินช่วงบ่ายสาม เลยไม่เคยได้รอนานๆไปถึงเข้าได้เลย

ส่วน MK แต่ก่อนกินบ่อย แต่เดี๋ยวนี้ชอบกินบุฟเฟ่ต์จัดเต็มมากกว่า แต่สั่ง delivery บ่อยอยู่เหมือนกัน (สุกี้แห้งรวมมิตรพิเศษ)

คุณลองไปหาคลิปรีวิวครัวกลาง mk ในยูทูปดูสิ คุณจะรู้คำตอบ ทำไม mk ขายราคานั้น

คนละกลุ่มกัน แต่ปลายๆของกลุ่ม mk เช่นเดือนนึงกินครั้งนึงจะถูกตัดออกมาแล้วไปเฉลี่ยกับเจ้าอื่น ตี๋น้อยก็ได้ % เยอะหน่อย

เดี๋ยวนี้ สุกี้ก็มีหลายเจ้าด้วย

mk ดีอย่างเดียวคือเป็ด ซึ่งก็โค-ตรแพง

mk สมัยก่อนก็มีบุฟเฟ่ เมื่อเกือบ 20 ปีได้มั้ง หัวละ 599.- (ก็แพงอ่ะ) แต่จู่ๆไม่นานก็ลดสเปคบุฟเฟ่ลง แล้วก็ยกเลิกทิ้งเฉยเลย จนมาล่าสุดว่าจะลงไปลุยตลาดบุฟเฟ่บ้าง

คงทนไม่ไหวละมั้งโดนแย่งลูกค้าปลายกลุ่มไป อย่างน้อยสมมติว่าผมเป็นผู้บริหารมาตั้งค่าหัว 599.- ตอนนี้ก็ไม่น่าเกลียด อย่างน้อยก็เรียกลูกค้ากลับมาได้บ้าง

เน้นเลือกเซตดีๆผมว่าMKยังไม่แพงเกินนะ จะไปเข้าคิวรอตี๋น้อยก็ไม่ไหวด้วย คุณภาพและบริการและประสบการณ์รวมๆเทียบกับตี๋น้อยผมยังชอบMK

สำหรับผมว่ายังไงมันก็คนละตลาดนะ เมื่อวานผมเพิ่งไปกิน MK คนเดียวหลังจากเล่นฟิตเนสเสร็จมา ก็โดนไป600บาทเลยนะสั่งแค่ผักกาดขาวกับเนื้อวัวแค่นี้เลย รวมๆแล้วประมาณ 6-8 ถาดเองมั้ง แค่ราคามันก็แพงกว่าตี๋น้อยครึ่งๆแล้ว และส่วนตัวถึงแม้จะไม่ได้ชอบกิน MK เท่าไหร่นานๆกินที แต่ตี๋น้อยผมเคยกินครั้งเดียวเพราะเห็นมาเปิดหน้าบ้านเลยไปลองสักครั้ง และคิดว่าคงไม่กินอีกเพราะสำหรับผมคือไม่ถูกสเปคเลย แต่ไม่ใช่จะบอกว่าร้านไม่ดีนะเพราะปกติผมไม่ได้กินทั้ง2แบรนด์นี้เป็นประจำอยู่แล้ว ส่วนใหญ่จะกินแค่พวก Hitori Shabu, Yuzu Suki, Suki Masa เลยอาจจะไม่ตรงไทป์ผมเท่าไหร่แต่ถ้าให้เลือก2แบรนด์นี้ผมเลือก MK ครับ

ทะเลาะกันมากี่รอบแล้ว กับคำว่า"ตลาดเดียวกัน/คนละตลาด"

คือมันเป็นคำที่ใช้ยากมากนะ เพราะความหมายแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนบอกว่าอาหารคล้ายกัน,ประเภทเดียวกันคือตลาดเดียวกัน

บางคนบอกว่าถึงจะอาหารประเภทเดียวกัน แต่ราคา,วิธีการขายไม่เหมือนกัน(a la carte กับ buffet) ก็คนละตลาดป่ะ..

ยิ่งไปเรื่องกลุ่มลูกค้า ก็ยิ่งบานปลาย เพราะมันก็มีทั้งลูกค้าที่ย้ายจาก MK ไปกินตี๋น้อย แล้วก็มีอีกเยอะที่เลิกกิน MK แต่ก็ไม่กินตี๋น้อย

ผมว่าใช้ตามตำราการตลาดโบราณเลยจะง่ายกว่า ก็แบ่งไปเป็น คู่แข่งทางตรง, คู่แข่งทางอ้อม, สินค้าทดแทน นั่นแหละ

แบบที่ผมเรียนเมื่อ 20 ปีก่อน(ไม่รู้ตอนนี้อัพเดตถึงไหนละ) จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน..ถ้า MK กับตี๋น้อย ผมให้เป็นคู่แข่งทางอ้อมละกัน

คือมันยังมีความต่างกันในความเหมือนกันของ product ไม่ได้มาชนกันตรงๆ (ถ้าเป็นตี๋น้อยกับลัคกี้ นั่นแหละผมว่าคู่แข่งทางตรง)

ถึง MK จะมาทำตลาด buffet ก็ยังไม่ได้เพื่อมาชนกับตี๋น้อยอยู่ดี เพราะ range ราคาก็ต่างกัน(เยอะ) แค่เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าเฉยๆ

พาแม่ไป ผมก็เข้า mk นะ ราคาไม่ใช่ปัญหา จะให้แม่นั่งรอคิวมันก็ใช่เรื่องปะ

สำหรับผม ผมไปกิน mk เพราะมันคือ mk อ่ะ


ยังไงก็รู้สึกว่ามันคนละฟีลกับตี๋น้อย

บ้านผมแต่ก่อนกิน MK แทบจะ สัปดาห์ละครั้ง

หลังๆไปกินพวก ลักกี้สุกี้ อะไรพวกนี้อะครับ

ยังต้องมานั่งอธิบายอีกหรอ มันชัดขนาดนั้นแล้ว ว่าคนละตลาดชัดเจน งง

ต่อให้ไม่มีตี๋น้อย มันก็มีเจ้าอื่นมาตีmkแทนตี๋น้อยอยู่ดี อย่างyou&i 4คน2000ราคาพอๆกับmkเวลาผมสั่ง

mkของมันแพงเว่อร์ไปถึงจะบอกว่าของคุณภาพดี เมื่อก่อนแม่พาย่าไปกินบ่อยกินที10กว่าคนยังแค่3000-4000 พีคๆ5000 เป็ดใหญ่4-5จาน เด๋วนี้4คน2000 ไม่แปลกที่คนจะหันไปเลือกตัวเลือกอื่นที่ถูกกว่า แม้ว่าคุณภาพจะสู้mkไม่ได้แต่ปริมาณทดแทนได้ อย่างของผมมันอะไรประหยัดได้ก็ประหยัด ระหว่างอิ่มแต่รสชาติพอใช้ไ้ดกับอร่อยแต่แพง ผมเลือกอิ่มแต่รสชาติพอใช้ได้ ประมาณนี้

ปล ที่บ้านผมขายหมูสด เจอ หมูmkแช่แข๊ง 4ชิ้นรวมกันไม่ถึง100กรัม ขายถาดล่ะ60+ กำไรแบบ300เปอ

มันคนละตลาดกันเลย ทำไมคนสงสัยบ่อยจัง งง

อ่านสนุกมาก ได้ความรู้ด้วย

คนละตลาดแล้วมันจะทำไม รู้สึกโดนดูถูกงี้หรอคนกินตี๋น้อย5555555555

คนละตลาด


แต่ตลาดอันเก่ามันล้มหายตายจากไป

ตลาดใหม่ไม่กิน


งงมั้ย คือมันไม่ใช่ว่า คนกินเอมเค แล้วเปลี่ยนไปกินตี๋น้อยทั้งหมด

คนกินเอ็มเค สมมติ100 คน

อาจจะตาย ไม่อยุากับลูก ครอบครัวสมัยฝหใหม่แยกกันอยุ่ เวลาเจอในครอบครัวไปกินร้านอาหารที่หนูกว่าเอมเค บลาๆๆ

เหลือคนกินสมมติ40 จาก100

ที่หายไป60 ไปกินตี๋น้อยจริงๆซัก20%