ถูกต้องครับ คนมองคนละตลาดนี่เป็นใครก็ได้นะ แต่ถ้าเป็นทีมการตลาดของแบรนด์นี่ผมว่าเตรียมรอวันหายจากตลาดได้เลย อาจจะไม่หายไปหมดแต่คงค่อยๆเฟดลงๆ

อย่าเลอะเทอะครับ ถ้าบุฟเฟต์ราคา 2000 ลดราคามาเท่าตี๋น้อย คือมันเจ๊งจนปิดไปแล้วครับ

มันไม่มีวันทำได้ ต้นทุนมันเกินราคาขาย ยิ่งขายยิ่งขาดทุนใครจะทำครับ

range บุฟเฟต์ของ MK ก็ไม่ใช่ range ของตี๋น้อย

เอาเวลามโนเลอะเทอะไปหาอ่านเบสิคการตั้งราคาสินค้า การกำหนดกลุ่มลูกค้าก่อนดีกว่าครับ

ผมจะบอกว่ามันไม่ผิดทั้งสองฝั่งนั้นแหละ มันก้เหมือนการตั้งตัวแปร บางคนเค้ามองต้นทุนกับราคา ก้คนละตลาด บางคนมองในภาพรวม ก้ตลาดเดียวกัน

MK มันทำตัวเองพรีเมียมแต่เสรือกทำคุณภาพตัวเองเป็นตี๋น้อย

ลูกค้าเดิมใครจะแหลก

แถมแทนที่จะหนีไปตลาดอื่น เช่นทำให้มันมีคุณภาพดีเหมือนชาบูพรีเมียมเจ้าอื่น

ดันลงมาเล่นตลาดเดียวกับตี๋น้อย จะเอาไรไปรอด

เสียแรงเป็นเจ้าตลาดมาก่อน ขยับตัวช้า แถมขยับตัวแบบกะปิดกะปอย จะลงมาเล่นตลาดราคาถูกคุ้มค่า ก็กลัวเสียแบรนด์

ปล่อยให้คนเถียงกันต่อไปว่า MK ตายเพราะใคร

เข้าใจครับพี่ว่าพี่ไม่อยากยอมแพ้ พอดีจบการตลาดมาครับ แหะๆ อาจจะไม่ต้องไปเรียนเพิ่มแล้วคนับ ว่าแต่คุณพรี่เถอะ อัพเดทหนังสือการตลาดหน่อยนะครับ อย่ามัวแต่นั่วท่อง STP ยุคนี้ความรู้มันไปไว อันนี้ผมพอเข้าใจครับ

มันจะมองในภาพรวมได้ยังไงครับ จะบอกว่าเป็นอาหารชนิดเดียวกันก็ตลาดเดียวกันแล้ว?

ต่อให้ขายสินค้ากลุ่มเดียวกัน แต่ละแบรนด์ก็ต้องจับกลุ่มลูกค้าตัวเองให้ได้ เอาให้เห็นภาพน้ำหอมของ Zara กับน้ำหอมของ MFK ก็จับคนละตลาด

คนที่ใช้ทั้ง 2 ยี่ห้อมีไหม? มันก็มี แต่ไม่ได้หมายความว่าทั้ง 2 ยี่ห้อนี้ตลาดเดียวกันครับ

แต่เดิมมันคนละตลาดครับแต่MKทำให้มันเป็นตลาดเดียวกันแต่ราคาพรีเมี่ยมงงไหม

คือแต่เดิมMK คุณภาพสูงมากทั้งผัก เนื้อ อาหารก็ปริมาณสมเหตุสมผลกับราคา
คนกินยอมจ่ายแพงนิดหน่อยแต่ได้ความสุขในการกิน
มาตอนนี้ คุณภาพก็ลด ปริมาณก็ลด แถมไม่อร่อยเหมือนเดิมอีกสภาพเหมือนกินตี๋น้อยที่แพงกว่า
เป็นผมยอมจ่ายกินตี๋น้อยดีกว่าถ้าแย่ขนาดนี้

มันจะมีคน2กลุ่มที่ไม่กินmkแล้วไปกินที่อื่น
1.ย้ายไปที่ถูกกว่าเพราะMK ไม่เหมือนเดิมเน้นกินอิ่มเอา ทั้งตี๋น้อยหรือหมูกระทะเจ้าอื่น
2.ย้ายไปกินที่ราคาพอๆกันหรือแพงกว่า ยอมจ่ายเพื่อได้มีความสุขในการกินเหมือนเดิม

ใดๆแล้วMKมันทำตัวเองไม่ต้องไปโทษใครเลย

คนที่ไม่อยากยอมแพ้ แล้วมโนอะไรเลอะเทอะผมว่ามีแต่คุณนะ แล้วนี่เรียนการตลาดมาแล้วหรอ?

ถ้างั้นเอาเวลาไปเรียนใหม่เถอะครับ แค่หลักการวิเคราะห์ง่ายๆยังทำไม่ได้เลย

เมื่อก่อน ชอบเป็ด mk กับหมี่หยกมาก แต่หลังๆเหมือนจะดูราคาเว่อร์ไปมาก ไม่ได้ไปกินหลายปีละ

แต่ก็ไม่ได้กินตี๋น้อยนะ

อ้าว คุณพูดถูกนี่ mk จะลงมาแข่งตี๋น้อยได้ไง ต้นทุน mk โครตต่างกันเลย การกำหนดกลุ่มลูกค้าก้ควรต่างกัน ทำไมคุณมองเป็นกลุ่มตลาดลูกค้าเดียวกันล่ะ ในเมื่อคุณรู้ว่าต้นทุน mk สูงกว่าตี๋น้อย ถ้า mk จะลงมาเล่นราคาตลาดเดียวกับตี๋น้อย ต้องไปลดต้นทุนหลังบ้านลง

เช้ดดด กลับมาอ่านแล้วอย่างเดือดดดด


ผมว่า คนละตลาดกันนะ แม้จะสินค้ากลุ่มเดียวกัน

(ผมกินถึง พวกตี๋น้อย ลักกี้ mkแบบปกติ,บุฟ กินหมด555 และก็บุฟเจ้าอื่นก็กิน)


(แต่ถ้าพูดถึง บุฟฯ ผมกินตั้งแต่มันไม่ได้เปิดตัวทางการปีก่อนเลยนะ กินตั้งแต่มันมีบุฟไม่กี่สาขา แถมราคาถูกกว่าเปิดตัวจริงจังอีก -*-)


ว่าไปแล้ว ก็อยากกินบุฟฯmk ราคาเก่า / ราคาปัจจุบันแพงกว่าเดิมอีก (ราคาปีก่อน 440 บาทnet แต่ยุคแรกๆ จำไม่ได้ละจริงๆว่าเท่าไหร่) ปัจจุบัน 499++ เริ่มต้น (ตอนนี้มีโปรรวมน้ำให้เลยยังพอไหว ถ้าตอนปกติ 499++ แล้วก็น้ำ 99 อีก ไม่คุ้ม)

WHAT?

ผมหมายถึงคนที่เม้นบอกว่าย้ายจากกิน MK ไปกินตี๋น้อยน่ะครับ ก็แสดงว่า 2 แบรนด์นี้มีลูกค้ากลุ่มเดียวกันอยู่พอสมควรเลย ไม่ถึงขนาดแยกตลาดออกจากกันซะทีเดียว

ก้ตลาดนํ้าหอมไง คนจะใช้สองยี่ห้อไม่แปลกนี่

what อะไร ก้คุณบอกเอง ว่ากลุ่มลูกค้า"range บุฟเฟต์ของ MK ก็ไม่ใช่ range ของตี๋น้อย"อ่ะ