ผมละคนนึงย้ายจากเอ็มไปตี๋น้อย

เพราะรายได้มันลดไง ทางเลือกคนกินเยอะขึ้น ตลาดกลุ่มเดิมเค้าก้ไม่นิยม แปลง่ายๆก้รักษาตลาดเดิมไม่ได้ แต่ต้นทุนกลับสูงขึ้น คนเข้าน้อยลง สาขามากขึ้น มันเลยต้องลงมาหาลูกค้าในตลาดอื่น ซึ่งตลาดบุฟเฟ่ราคาสบายกระเป๋า ให้หันมากิน mk ที่สำคัญ mk ต้นทุนอย่างสูง ไปดูระบบครัวกลางในยูทูปสิ แล้วจะมาลงเล่นตลาดบุฟเฟอย่างตี๋น้อย

ผมเลือกร้านที่เน้นอิ่ม แต่รสชาติไม่แย่
ตี๋น้อยตอบโจทย์ ออกบ้านขับรถ5นาทีถึง ไม่เสียเวลา และน้ำมันเยอะ

MK ไม่ใช่ทางเลือกที่ผมจะต้องโฟกัสว่าจะต้องไปกิน
เว้นแต่ว่าเดินห้าง ไม่รู้จะกินไร ให้การตัดสินใจณเวลานั้นเลือก MK เอา

คุณคือคนส่วนใหญ่ที่กิน MK หรอครับ?

ดูจากการที่เอ็มเคต้องลงมาเล่นตลาดบุฟเฟ่ต์ด้วยนี่ผมคงไม่ใช่ส่วนน้อยหรอกครับ จริงมั้ยล่ะ?

มโนเอาเองครับ บุฟเฟต์มันมีหลายเกรด งี้บุฟเฟต์เกรด 2000+ ตลาดเดียวกับตี๋น้อยไหมครับ?

ตี๋น้อยยังมีตี๋น้อยexpressเลย mkจะทำบุฟเฟ่ไม่น่าแปลกจริงๆปกติก็มีบุฟเฟ่บางสาขาอยู่แล้ว

ต้นทุนไง คุณลองไปดูรีวิวครัวกลาง mk ในยูทูปดู ต้นทุนก้คนละเรื่องกับตี๋น้อยแล้ว แล้วจะลงมาแข่งราคากับตี๋น้อยเนี่ยน่ะ เอาแค่ผักก้คนละเกรดแล้ว mk มันขายผักกาดถาดละ 40 บาทไง

เอาแบบบ้านๆ ผมเห็นคนกิน mk ส่วนใหญ่ 40+ กับคนแก่ ส่วนตี๋น้อยก็วัยรุ่น วัยรุ่นตอนปลาย เน้นกินเยอะ สำหรับผมจะกิน mk ก็มีปัญญากินแต่ราคามันแพงงงง กินตี๋คุ้มค่ากว่าแค่นั้น

ถ้าคุณเอาหลักวิเคราะห์บริษัทแบบตลาดหุ้น มันก้คนละตลาด แต่ถ้าจะเอาแบบมุมมองคนทั่วไป มันก้ตลาดเดียวกัน ตลาดชาบู บุฟเฟ่ ให้คนทั่วไปเข้าได้หมด

ครอบครัวผมคือหนึ่งในครอบครัวที่ย้ายจากเอ็มเคไปตี๋น้อยครับ
ขยายรายละเอียดคือ ย้อนกลับไปสัก 10-15 ปีที่แล้ว อาโกวผมชอบพาไปเอ็มเคมาก ๆ ประมาณเดือนละ 1-2 ครั้ง แต่พอมีตี๋น้อยเข้ามา ราคาถูกกว่า คุณภาพวัตถุดิบต่างกันในเวอร์ชั่นที่อาโกวผมโอเคมาก ๆ ก็เลยกลายเป็นไปตี๋น้อยแทน
หลัง ๆ ในส่วนของเอ็มเคก็จะไปเอ็มเคโกลด์มากกว่า แต่ก็ปีนึงไปประมาณ 3-4 ครั้งถ้วน

คือมันคนละตลาด

แต่มันสามารถขยาย ปรับรูปแบบ เพื่อจับตลาดอื่นได้งงปะ

เหมือนตี๋น้อยที่พยายามทำ Express ราคา 400 กว่า

ทำ BBQ ราคา 300 กว่า

คือจะอธิบายเพิ่มเติมแบบนี้

MK สมมติ A La Carte กินแบบเอาพอประมาณจบที่ 300 400 กว่า ถ้าทำแผนธุรกิจแล้วชี้ภาพคนกินตี๋น้อยบุฟเฟต์ราคา 276 มาก็ไม่ใช่ละ

แต่ถ้ามีแผนอยากสร้างรายได้เพิ่ม หรือเพื่อลดต้นทุน ลองทำ Economy of scale ผลิตเยอะต้นทุนถูก

มาจับบุฟเฟต์ ถ้าราคา 400++ คนกินตี๋น้อยก็กินตี๋น้อยอยู่ดี แต่เค้าอยากจะจับกลุ่มลูกค้ากินบุฟเฟต์เพิ่ม

ในกรณีแบบเดียวกับ บาบีก้อน ถ้าบาบีก้อนไม่ออกโปรบุฟ เพื่อดึงดูดลูกค้า จนลูกค้าบางคนติดรสชาติอยากกินขึ้นมาจริงๆ ก็จะหาจังหวะกินเพิ่ม (นอกเหนือจากโปรบุฟ) เช่นโปรวันเกิด โปรเนื้อ โปรหมูอะไรก็ตาม ที่อาจจะำได้กำไรมากกว่า บุฟเฟต์

บุฟเฟต์ 2000 ละยังขายได้ชิลๆ ยอดขายเพิ่ม คนแน่นร้าน ไม่มีเหตุผลให้ต้องลดราคาลงมาก็คนละตลาดครับ
แต่ถ้าสมมติบุฟเฟต์ 2000 ที่ว่า ยอดขายไม่เพิ่มขึ้นแล้วต้องลดราคาลงมาแถวตี๋น้อยเพื่อแข่งด้วยก็ตลาดเดียวกันครับ

แล้วคุณพรี่ว่าตอนนี้ที่ mk กำลังทำคือการดึงตัวเองลงมาเล่นตลาดที่ราคา range ตี๋น้อยหรือการนั่งชิลอยูบนตลาดตัวเองคนับ

ตลาดที่ MK ต้องการ มันเหลือน้อยแล้วไง แก่กันหมดแล้ว ต้องรอให้ลูกหลานพาไป

สรุปคือไม่ต้องมีหลักการอะไร แค่เชื่อก็พอสินะ คุณจะเชื่อก็เชื่อไปครับ แต่ไม่ต้องมาหวังว่าคนอื่นเค้าจะเห็นด้วย

ไม่ต้องวิเคราะห์เป็นตลาดหุ้นอะไรครับ แค่หลักการตั้งกลุ่มเป้าหมาย เบสิคของการตั้งราคาสินค้าเลย