https://www.facebook.com/share/p/15zPRZ8n9U/
การปิด USAID เพราะอ้างว่า ไม่ได้ผล, ไม่มีใครเห็นบุญคุณก็มีส่วนจริงอยู่บ้าง แต่ก็เป็นการมองโลกแคบๆ ของคนทำและคนเชียร์
.
มีคนไทยเยอะเลยเชื่อว่า USAID ถูกเอาไปสนับสนุนโจรใต้,สามกีบ, ฟักกิ้งเอมมิแกร้น! (สำเนียง MAGA) ,พรรคส้ม บลาๆ ทั้งๆ ที่ถ้าไปดูงบ USAID ที่อยู่ในรายงานต่อ Congress แล้วส่วนใหญ่ก็ลงให้ภาครัฐบาลนั่นแหละจ้า
.
รายงาน USAID ที่ตอนนี้ดูไม่ได้แล้วเพราะคนขี้ยาชื่อมัสก์มันลบไปแล้วระบุว่า ปีที่ผ่านๆ มาไทยรับงบ USAID ไปดังนี้
.
ปี 2021 28 ล้านเหรียญ (941 ล้านบาท)
ปี 2022 40 ล้านเหรียญ (1,345 ล้านบาท)
ปี 2023 30 ล้านเหรียญ (1,009 ล้านบาท)
.
ส่วนปี 2025 ทาง USAID เขียนของบไว้ 17.5 ล้านเหรียญ ซึ่งตอนนี้ละลายไปแล้ว คงต้องดูว่าจะจัดสรรใหม่อย่างไร,หรือไม่
.
เงิน 1,000 ล้าน ($30M) นี้เอาไปให้ใครบ้าง มาดูจากปึ 2023 กัน
.
DA หรือ Development Assistance เงินช่วยเหลือการพัฒนา (7 ล้านเหรียญ) ให้ไทยโดยมีเป้าหมายคือช่วยแก้ปัญหาเรื่องการค้ามนุษย์รวมถึงการใช้แรงงานทาส โดยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างตำรวจไทย,NGO,สื่อ และสถาบันการศึกษา และยังเป็นเงินลงทุนให้กับรัฐบาลไทยในการระบุบุคคลที่เป็นเหยื่อค้ามนุษย์และสนับสนุนผู้ได้รับการช่วยเหลือจากกลุ่มค้ามนุษย์ด้วย
.
ESG หรือ Economic Support Fund เงินช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ (7 ล้านเหรียญ) ซึ่งสหรัฐกำหนดเป้าหมายของงบนี้ว่าเพื่อให้สหรัฐถูกชาติอาเซียนมองว่าตนเองเป็นพันธมิตรที่น่าร่วมมือมากกว่าจีน
.
รายงานแจ้งจุดประสงค์นี้ตรงๆ เลย
.
"The ability of the United States to advance itself as the preferred partner among Indo-Pacific regional institutions and their member states/economies, as well as to strategically compete with the People's Republic of China (PRC)."
.
งบนี้เอาไว้สนับสนุนเรื่อง Digital Economy, Cyber Security, Smart City,พลังงานทดแทน และการวางมาตรฐานรถยนต์ไฟฟ้าร่วมกันใน ASEAN
.
GHP หรือ Global Health Program (11.2 ล้านเหรียญ) เป็นงบที่เอาไว้เพิ่มความสามารถในการตรวจจับและป้องกันโรคอุบัติใหม่,รักษาเอดส์ เพราะ COVID เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความมั่นคงจากโรคระบาดเป็นความมั่นคงของทั้งโลก งบนี้ลงให้เเล็บต่างๆ ในไทยเพิ่มความสามารถตรวจจับอันตรายจากโรคระบาดต่างๆ รวมถึงแจ้งต่อหน่วยงานระดับโลกได้ดีขึ้น
.
งบก้อนนี้แหละที่พวกคลั่งเอาไปปั่นว่า หมอเฟาชี่สร้าง Covid รวมถึงโยงว่าให้ยูเครนสร้างไวรัสฆ่าคนสลาฟ ทั้งๆ ที่จริงๆ งบมันให้ทั่วโลกรวมทั้งแล็บในไทยด้วย
.
IMET หรือ INTERNATIONAL MILITARY EDUCATION AND TRAINING กองทุนนานาชาติสำหรับฝึกและให้การศึกษาสำหรับทหาร (2.3 ล้านเหรียญ) ก้อนนี้งบใช้ส่งทหารไปเรียนวิธีการดูแลรักษาอาวุธสหรัฐต่างๆ รวมถึงเพิ่มการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างทหารสองประเทศ นั่นรวมถึงส่งทหารไทยไปเรียนในโรงเรียนทหารสหรัฐด้วย อ้าว ไหนว่า USAID เป็นท่อน้ำเลี้ยงสามกีบไง? ทำไมของจริงมีงบให้ทหารดูงาน? 5555
.
INCLE หรือ Inclusiveness And Equality อ้าว! ไม่ใช่แต่เป็น International Narcotics Control and Law Enforcement ยาเสพติดและรักษากฎหมาย (2.5 ล้านเหรียญ)
.
IMET ตะกี้เป็นงบทหาร INCLE อันนี้งบตำรวจ สหรัฐเป็นพ่อของโครงการสู้ยาเสพติดในไทยมาแต่สมัยสงครามเย็น นี่จึงเป็นการทำแล้ว,ทำอยู่,ทำต่อ เพราะไทยเป็นทางผ่านของกลุ่มอาชญากรรมต่างๆ, จีนเทา,ค้ายาสามเหลี่ยมทองคำ บลาๆ งบนี้จะถูกใช้เพื่อเพิ่มความสามารถให้ตำรวจไทย ทั้งในการฝึกฝน,อุปกรณ์สำหรับต่อสู้กับปัญหา ค้ายา,ค้าคน,หลอกลวง,คอรรัปชั่น รวมทั้งช่วยเหลือโยงคดีที่เกิดในไทยโดยกลุ่มอาชญากรข้ามชาติให้สามารถดำเนินคดีในระดับโลกต่อไป
.
สรุปคร่าวๆ คือ USAID ให้งบสำหรับไทยด้าน ศก และการพัฒนา 14 ล้านเหรียญ อีก 16 ล้านเป็นของทหาร,ตำรวจ,สาธารณสุข
.
เอาจริงแล้วไม่เยอะเลยเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน เวียดนาม,อินโด,ฟิลิปินส์ ต่างได้ได้รับเป็นถุงเป็นถังคือ 206,151,169 ล้านเหรียญตามลำดับ แต่ขณะเดียวกันงบมันก็ลงไปในสิ่งที่มีความสำคัญกับความมั่นคงของไทยตรงๆ และบางอย่างก็ช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐบาลได้บ้าง ยิ่งข้าวของบางอย่างที่สหรัฐสามารถขนมาให้ทหาร,ตำรวจได้เลย ไม่ต้องใช้ผ่านขั้นต่อสั่งซื้อยุ่งยาก การฝึกร่วมให้เราได้ใช้เครื่องไม้เครื่องมือที่ดี
.
อเมริกาทำสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพราะใจดี แต่เพื่อจะได้มี place at the table คือถือว่ามีส่วนร่วมไว้ก่อน เวลาจะขอความร่วมมือ, ขอข้อมูลหรืออยากให้คำแนะนำเพื่อเป็นผลประโยชน์ตัวเองจะได้ไม่ขัดเขิน
.
แล้วเงินสนับสนุนสามกีบหรือนโยบาย Woke ที่บางคนกลัวถึงขั้นสติแตกล่ะอยู่ไหน?
.
ก็คิดว่ามี ที่ให้เดาคืออยู่ใน ESF หรือ DA ที่มีหัวข้อ Democracy, Human Rights and Governance นั่นแหละ แต่งบพวกนี้ส่วนใหญ่ลงไปกับภาคธุรกิจ (ก็อย่างที่บอกคือสร้างภาพสหรัฐให้เป็น "พันธมิตรที่น่าร่วมมือมากกว่าจีน") ที่เหลือตกมาเป็น Woke จริงๆ มันจะเป็นก้อนเล็กก้อนน้อยให้โครงการหัวก้าวหน้าที่คนในประเทศไม่อยากจะสนับสนุนอยู่แล้ว เช่นจ้างงานคนพิการ,ด้อยโอกาส
.
กระทั่งงบ "สามกีบ" ที่เขาเรียกกัน มันก็คือให้เงินสนับสนุนนักข่าวสำนักอิสระขนาดเล็กๆ ที่ทำประเด็นไม่มีใครเหลียวแล หรือสืบสาว Corruption ที่ไม่มีมหาเศรษฐีหน้าไหนอยากสปอนเซอร์แน่ๆ
.
ยกตัวอย่างยูเครนก็ได้ พองบ USAID ถูกตัด กลุ่มที่เจอปัญหาทันทีไม่ใช่ทหาร แต่เป็นสื่อเล็กๆ เช่น CUKR.CITY ที่ทำข่าวเกี่ยวกับการซ่อมแซมเมือง SUMY หลังถูกบุก, Gwara ใน Kharkiv ที่ทำงานทั้ง fact check, บันทึกอาชญากรรมสงครามของรัสเซีย
.
ของไทย ผมคิดว่าถ้ามีก็คงลงไปกับทีมข่าวท้องถิ่นเหมือนกันนั่นแหละ ซึ่งงบพวกนี้ให้ที่ละนิดละหน่อยก็หมดแล้ว
.
เงิน 50-100 ล้านนี่ต่อให้ลงทั้งก้อนกับสามกีบก็ไม่พอจะทำลายประเทศไทยหรอก เพราะมันเท่าๆ กับแค่งบโฆษณาบริษัทรถอย่างนิสสัน,อิซูซุต่อเดือนเท่านั้นเอง นี่ไม่ต้องพูดถึงว่างบรัฐ propaganda เรื่องต่างๆ ปีละมากกว่านี้เป็นร้อยเท่าอ่ะนะ
.
แล้วก็ ถ้าจะให้งบล้มรัฐบาล มันจะทำผ่าน USAID ที่ต้องรายงานต่อ Congress ทำไม? จ่ายผ่าน CIA ไม่ง่ายกว่าเรอะ หืมม?
.
ส่วนกรณีชายแดนพม่า ที่ดูคนไทยสะใจกับการตัดงบเพราะพม่ามันเผาพระเอาทองไปแล้วคนงานมันก็มาแย่งงานคนไทย (They are bringing crimes, they are bringing drugs เสียงทรัมป์) งบ USAID ที่ลงไปส่วนใหญ่คือความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยและสุขภาพ แค่สุขภาพรวมกันเกือบก็มากกว่างบ USAID ทั้งก้อนให้ไทยแล้ว โดย 12 ล้านเหรียญลงกับวัณโรค, 10 ล้านเหรียญมาลาเรีย, 4.5 ล้านเหรียญเรื่องเเม่และเด็ก
.
ส่วนงบช่วยเหลือผู้ลี้ภัยพม่านั้นจะเป็นคนละก้อนกับที่ให้ไทย แต่จ่ายลงมาไทยแทน 38 ล้านเหรียญ บังคลาเทศหนักกว่าคือ 146 ล้านเหรียญเพราะรับชาวโรฮีนจาไปเยอะ
.
ถามว่าพอไม่มีงบ USAID แล้ว เป็นหน้าที่ไทยต้องแบกแทนเหรอ? คำตอบคือไม่ใช่ แต่ขณะเดียวกันมาลาเรีย,วัณโรคมันก็ไม่ได้เลือกอยู่ดีว่าเหยื่อเป็นคนเชื้อชาติไหน หรือจะระบาดแค่แนวชายแดนเท่านั้น งบเพื่อความปลอดภัยชายแดน ถ้าอยู่ๆต้องหามาสักพัน-สองพันล้านไม่ใช่เรื่องง่าย
.
การทำลาย USAID ของทรัมป์และมัสก์จะเกิดผลอะไรบ้างในอนาคต? อันนี้ยังตอบไม่ได้ แต่เท่าที่คิดได้เร็วๆ คือ
.
1. มีผลกับรัฐไทยโดยตรงทันทีไหม คงไม่ เผลอๆ จะดีสำหรับผู้มีอำนาจเสียอีก เพราะ civil society อย่างสื่อหรือองค์กรเล็กๆ พวกนี้เอาจริงทำอะไรรัฐไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าหายไปก็จะมีแต่ข้าราชการ,ผู้มีอิทธิพลระดับท้องถิ่นที่สบายขึ้น และไม่ต้องห่วงว่าจีนหรือเจ้าสัวที่ไหนจะมาให้งบแทนแน่นอน 555
.
2. เรื่องโรคระบาด อันนี้ถ้าซวยก็ลงนรกไปด้วยกันหมดทั้งโลก แต่ถึงขนาดรัฐบาลทร์มป์เอา Anti-Vaxx ตัวพ่อมานั่ง สธ ก็คงไม่ต้องพูดอะไร การรับรู้โรคระบาดใหม่ๆ จะช้าลงแน่นอน พอเกิดแล้ว RFK JR มันอาจจะบอกให้ชาวอเมริกันดื่มน้ำมะนาวรักษาก็ได้ การเอาเงินลงวัคซีนเยอะๆ จนได้วัคซีน mRNA มาอย่างทรัมป์ 1.0 คงไม่มีแล้ว
.
3. การตัดงบที่ให้ทหาร,ตำรวจ สุดท้ายผลเสียก็ตกกับสหรัฐนั่นแหละเพราะสายนี้มีคนพร้อมเสียบแทนอยู่แล้ว ทหารเขารู้จักกันเป็นรุ่นๆ อนาคตเกิดอยากสนิทอีกทีก็ต้องรอล็อตใหม่ไปเลย นายทหารยุคเก่าๆ ชอบซื้ออาวุธสหรัฐเพราะเคยไปเรียน ไปใช้แล้วชอบด้วย มันไม่ใช่เขามาบังคับซื้ออย่างเดียว
.
ยิ่งเรื่องอาชญากรรมต่างๆ สุดท้ายมันเป็นองค์ข้ามชาติทั้งนั้น (จีนเทากับยา Fentanyl ก็เป็นอีกอย่างที่ถ้ามีเวลาว่างจะเอามาเขียน) อย่าคิดว่าสร้างกำแพงแล้วจะกันทุกอย่างออกไปได้
.
4. งบชายแดนที่จริงๆ เป็นของพม่าแต่จ่ายผ่านไทย จะเห็นว่าจริงๆ แล้วสหรัฐช่วยแบกปัญหาให้เราอยู่เยอะเหมือนกัน คงต้องลุ้นกันต่อไปว่าจะเกิดเหตุ Outbreak หรือโรคระบาดอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบถึงไทยไหม เพราะคนพวกนี้ถ้าป่วย ยังไงเขาก็หาทางข้ามชายแดนมาได้อยู่ดี คิดภาพเราเองช่วง COVID หาเตียงหายาไมได้ ก็ดันทุรังกันจนหยดสุดท้าย
.
5. งบที่เคยเป็น USAID คิดว่าสุดท้ายจะกลับมาไหม ก็คงกลับมาแหละ แต่ระหว่างนี้คนที่รอไม่ได้ก็ต้องทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็น, ความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์บางอย่างอาจหายไปตลอดกาล (คิดว่าถ้าเป็นมืออาชีพกว่านี้ มันจะไล่หาเฉพาะที่เป็น WOKE, DEI แล้วตัดก็ได้ ไม่โดนคนด่าแบบนี้) และพอกลับมาแล้ว มันก็คงมาสั่งว่าใครช่วยได้หรือไม่ได้ตามแนวความคิดอนุรักษ์บ๊องๆ ของ MAGA อาจจะเป็นชื่อใหม่ว่า TRUMP AID ก็ได้ ฮาๆ
.
ยิ่งไทยเองโดนเขาเล็งอยู่ด้านดุลการค้า คิดว่าคงโดนบีบเยอะเหมือนกันกว่าจะไขก๊อกงบพวกนี้ใหม่