น่าจะเป็น ป.วิ.อ. มาตรา 66(1) มากกว่า ไม่มีนะครับ 66/1 เข้าใจว่าคงพิมพ์ผิด

1. แก้ต่างด้วยแชท รูปถ่าย พยานรอบตัว ว่าเป็นแฟนกัน คบกันจริง
2.-3. ต่างคนต่างเมา จะพาเข้าห้องต้องมีนัวเนีย ใกล้ชิดกันอยู่แล้ว อันนี้ก็เอาไปแก้ต่างได้อีก
4. ใช้หลักฐานเกียวกับข้อ 2-3. แก้ต่างเรื่องไม่ได้สติ
5. จากข้อ 2-3-4 . แก้ต่างว่ายังมีสติ ไม่มีร่องรอยขัดขืน เป็นไปได้ว่าสมยอม

รับสภาพด้วยหวะ เดี๋ยวนี้ เค้าต้องมารับสภาพกับ อะไรที่ไม่ได้ทำผิดเพียงเพราะกฏหมายกันแล้วเหรอครับ โอเคๆ ผมหนะไม่ห่วงอยู่แล้ว ในชีวิตผมไม่มีอะไรแบบนี้

แต่อนาคตในภายภาคหน้าโคตรบันเทิง ช่องโหว่กฏหมายขนาดนี้ บอกให้รับสภาพ ไปเที่ยวอยู่ดีๆ เหล่สาวโตีะข้างๆ สาวส่งสายตา เต้มใจ คุยกันถูกคอ สาวเป็นฝ่ายชวนเองไปต่อ

จบที่โรงแรม สุดท้ายตื่นมาอ้าวกุมีคดีติดตัว ไม่อยากโดนคดี จ่ายเงินมา งี้เหรอ

ย้อนกลับมาที่ผู้ชายแรก เจตนา ไม่ได้ทำผิดกฏหมายอะไรทั้งนั้นแค่เงี่ยนตามธรรมชาติ และไปด้วย โดยเต็มใจ แต่ไม่คิดว่าตัวเองเป็นเหยื่อ โดนแบล็คเมล์

ในขณะที่เค้าไม่ได้มีเจตนาทำผิดกฏหมาย แต่โดนแบล็ลเมล แทนที่เราจะช่วยอุดช่องโหว่นี้ ไม่ให้เกิดขึ้น

กลายเป็นว่าไอนั้นเงี่ยนเอง เพราะงั้นมันต้องผิดกฏหมาย ต้องยอมรับสภาพ โอโห เดี่ยวนี้กฏหมายวิวัฒนาการไปไกลมาก ไม่แปลกใจ ทำไมบ้านเมืองเราทุกวันนี้ ปกคอรงกันยากชิบหายเลย เพราะเอาฏกหมายมาใช่้กันเป็นเครื่องมือกันสนุกมือขนาดนี้ ทั้งการเมืองและการบ้าน

โชคดีของผม ที่ไม่มีนิสัย หมกมุ่นเรื่องพวกนี้ แต่เวณกรรมของชายไทยอีกหลายคน และที่สำคํญมีคนรอสมน้ำหน้าบอกให้เค้ารับผลทางกฏหมายทั้งที่เค้าไม่ได้ทำผิดกฏหมาย

อีกหน่อย ได้มีแน่ๆ ถ้ายคลิปตอนเอาไว้เป็นหลักฐาน แล้วเอาไปใช้ขึ้นศาล ว่า นี้ไงเต็มใจเอากัน ไม่ไกลเกินจริงแน่นอนอันนี้

แล้วถ้าผู้หญิงบอกให้หยุด แต่เราหยุดแล้ว แต่ผู้หญิงตั้งใจแบล็คเมลืแต่แรก แล้วเอาไปแจ้งความอยุ่ดี ทำไง ครับ

แล้วมันจะพิสูจยังไงหว่า ว่าผญบอกให้หยุด

หรือต้องรอดูรอยขัดขืนอย่างเดียว

- ก็ต้องเอาหลักฐานว่าผู้หญิงแบล็คเมล์มาหักล้าง แต่ในทางปฏิบัติ หากเป็นคำพูดลอย ๆ ของผู้ต้องหาว่าถูกแบล็คเมลล์ ไม่มีหลักฐานอื่น คิดว่ายังไง พนักงานอัยการฟ้องอยู่แล้ว ต่อให้ผู้ต้องหามีหนังสือร้องขอความเป็นธรรมก็ตาม
- คดีเกี่ยวกับเพศ มีผู้เสียหาย กับผู้ต้องหาอยู่ในที่เกิดเหตุเพียง 2 คน (ต่างฝ่ายต่างเป็นประจักษ์พยาน) ผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง การชั่งน้ำหนักพยานหลักฐาน ต้องมีประโยคทำนองว่า เป็นเรื่องน่าอับอายของผู้เสียหายซึ่งเป็นฝ่ายหญิง ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงคงไม่เอามาให้การต่อพนักงานสอบสวน หรือเบิกความต่อศาล

ก้สู้คดีแบบเมนดี๊ไง นักเตะใบเรือ บอกกับศาลฟันผู้หญิงมาเป้นหมื่น พึ่งจะโดนฟ้องจากผู้หญิงว่าข่มขืนไม่กี่คน แล้วก้ชนะคดี ลองหาข่าวอ่านดู

เหอะๆ มีเยอะแยะในศาล

ส่วน
ถ้ายคลิปตอนเอาไว้เป็นหลักฐาน แล้วเอาไปใช้ขึ้นศาล ว่า นี้ไงเต็มใจเอากัน


ไม่ไกลเกินจิงอะไรของคุณ อยากจะบอกว่าทุกวันนี้ก้อมีครับ


แต่คุณไม่ได้ทำอาชีพทนาย คุณเลยไม่เห็น พ่อหนุ่มมมม

อยากสี้ก็ใช้เงินเอาสิหรรมน้อย

ขอตัวอย่างคำพิพากษา ซักคดี ที่ว่า ศาลให้พ้นผิด ด้วยหลักฐานคลิปเอากัน ไว้เป็นวิทยาทาน ทีครับผม

จริง ๆ เรื่องนี้มันดูอาจจะเข้าใจยาก แต่มันเข้าใจและทำได้ง่าย ๆ เลยครับคือ
อย่าไป เ-็ด ที่ไม่รู้ "หัวนอนปลายเท้า"
เพราะขนาดที่ยังพอรู้ ก็ยังมีปัญหาเช่น ภรรยา หรือ แฟน ในบางกรณี
ยิ่งเจอตาม ONS FWB ตามผับ เด็กมันยั่ว ห่า เหว อะไรก็เถอะ

หลักสำคัญคือ ค. คุณ อยู่ที่ คุณ น่ะครับ ไม่ทิ่มมั่ว หรือไม่ประเมินอย่างถี่ถ้วน
ก็ไม่โดนกฎหมายข่มขืนหรอก

ทำอะไรมักง่ายก็ได้ผลแบบมักง่ายครับ เต็มใจเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงเอง จะมาร้องทำไม

มีใครเขาบังคับให้ไปเอดสาวมั่วซั่วเหรอ

แล้วถ้าผู้หญิงขึ้นขย่มแล้วเค้าเสร็จรอบเดียว เค้าพอแค่นี้ ผมไม่เสร็จ ผมทำยังไงได้บ้าง

เรื่องพิสูจน์ผมพูดตรงๆ เป็นเรื่องของผู้ชายครับ คือศาลจะตีว่าผู้หญิงเสียหายไว้ก่อนเลย แต่ศาลก็มีแนวทางการพิสูจน์เช่น

1. มีร่องรอยการลงมือทำร้ายร่างกายไหม
2. ระยะเวลาการแจ้งความหลังจากเกิดเหตุ
3. เคยพูดให้คนรอบข้างให้ฟ้งแล้วไม่ดำเนินการไหม

จริงๆมีอีก 3-4 หลักแต่ผมก็จำไม่ได้หมด แต่พูดตรงจะ Blackmail ก็ยากอยู่มันต้องครบองค์ประกอบที่น่าสงสัย ไม่งั้นก็จะกลายเป็นว่า ยกประโยชน์ในจำเลยไป แต่ก็แปลกเนอะคดีอื่นศาลมักให้โจทย์พิสูจน์ ส่วนข่มขืน ศาลดันเหมือนตั้งธงไว้ก่อนเลยว่าผู้หญิงพูดจริง

นักกฏหมายมาวะ