แสดงว่าราคาประเมินบ้านมันไม่เกินยอดจะเอาเพิ่มครับ

นอกเหนื่อจากหนี้บ้าน ธนาคารจะให้เป็นกู้อเนกประสงค์ผูกกับบ้านดอกคนละแบบ(แพงกว่า)ชำระคนละยอดกัน แต่ผมไม่เอาขอจบบ้านก่อนดีกว่าไปสร้างหนี้เพิ่ม

ถูกแล้วครับ ถ้าจะกู้เพิ่ม แบบนั้นก็ดีที่สุดแล้ว

ลอจิกมันคือ ความเสี่ยงมันต่างกันครับ ดอกเบี้ยจึงต่างกัน
ท่านกู้1ล้านแรก เพื่อซื้อบ้าน แบบนี้โมเดลความเสี่ยงจึงเป็นแบบนึง

รีไฟแนนซ์โดยหลัก ความเสี่ยงควรจะลดลง ดอกเบี้ยควรจะต่ำลงโดยหลักการ
เพราะผ่อนไปแล้ว3ปี ผ่อนตรงไม่ขาด

แต่ถ้าท่านไปกู้เพิ่ม แบบนี้คือท่านกู้ไปทำอะไรก็ได้ อเนกประสงค์ แบบนี้ความเสี่ยงย่อมต่างจากการซื้อบ้าน
ความเสี่ยงจึงเพิ่มขึ้น ทำให้ดอกสูงขึ้น ทำให้ต้องแยกก้อนออกจากกันก็ถูกแล้ว

อีกกรณีนึงที่ทำได้คือเอาไปจำนองแทน อาจจะ ได้วงเงิน1ล้านตามต้องการ
แต่ดอกเบี้ยจะสูงกว่าดอกเบี้ยบ้านพอสมควร แต่ต่ำกว่ากู้อเนกประสงค์เยอะ

ขอบคุณครับ

ยังไม่ได้ประเมินเลยครับ พอดีคุยกันผ่านไลน์ ผมเลยเข้าใจในแบบของผมคือ ผมก็เพิ่มจาก 8แสนเป็น 1 ล้านได้ ในสัญญาเดียว
พอมาถึงเจอกันจริงๆ เค้าควักเอกสารอีกแบบเพิ่มมา ก็เลยอึ้งไปเลยครับ

ผมดูแล้วแพงเห่เลยครับ 5555

ครับผมขอบคุณครับ

ถ้ากู้ซื้อบ้าน แล้วรีไฟแนนซ์ได้ โดยได้ยอดจากมูลค่าบ้านที่ประเมิน
คงเห็นการผ่อนบ้านตลอดชีวิต เนื่องจากได้เงินดอกเบี้ยต่ำมาหมุนเรื่อยๆ ไม่ต้องปิด
(ผมก็คนนึงที่จะทำ ถ้ามันทำได้)

สินเชื่อที่อยู่อาศัยคือดอกเบี้ยที่แทบจะต่ำที่สุด และยังมีสิทธิ์ประโยชน์อื่นอีก ต้องมีมาตรการควบคุมแหละครับ

ครับผม ผมอาจจะคิดน้อยไปหน่อย ฮ่าๆ ขอบคุณที่ช่วยแนะนำครับ

ต้องถามว่ากู้ไปทำอะไร

กู้ไปใช้ลงทุนทำธุรกิจ อาจจะไม่แย่ ใช้บ้านเป็นหลักค้ำประกัน ดอก 7% ต่อปีถือว่าไม่มาก ได้เงินมาก็รีบโปะๆ ไป

แต่ถ้ากู้ไปซื้อของ ไม่ดี แย่ที่สุดคือกู้มาแล้วเอาไปผ่อนบ้านด้วย นี่คือโดนดอกสองต่อ

แล้วส่วนใหญ่พวกพนักงานธนาคารก็จะเชียร์แบบนี้แหละ กู้มาตกแต่งบ้าน กู้มาซื้อเฟอร์ กู้มาทำนู่นทำนี่สร้างฝันบ้านสวยให้ลูกค้า ผ่อนเดือนละพันกว่าบาท สบายๆ

แต่กลายเป็นซื้อของแล้วผ่อนดอก 7%+ ยาวๆ ไปอีกเป็นสิบๆ ปี ธนาคารอย่างอิ่ม โคตรเลว

เป๊ะ