การลงทุนในหลักนิติธรรมไม่ใช่เพียงหน้าที่ของรัฐบาล แต่เป็นพันธกิจร่วมของเราทุกคน // อุ๊งอิ๊ง กล่าวเปิดงาน ‘Thailand Rule of Law Fair 2025
“การลงทุนในหลักนิติธรรมไม่ใช่เพียงหน้าที่ของรัฐบาล แต่เป็นพันธกิจร่วมของเราทุกคน ดิฉันเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะช่วยเสริมสร้างความโปร่งใส ความเท่าเทียม และความมั่นคงให้กับประเทศไทยของเรา”
.
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงาน ‘Thailand Rule of Law Fair 2025 งานแฟร์เพื่อความแฟร์’ ครั้งแรกในอาเซียนกับงานสร้างหลักนิติธรรมจากการมีส่วนร่วมของทุกคน ภายใต้หัวข้อ ‘Investing in the Rule of Law for a Sustainable Future’
.
รัฐบาลมุ่งพัฒนาหลักนิติธรรมให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ เน้นให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางกฎหมายได้ง่ายและรวดเร็ว ผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
วันนี้ (7 กุมภาพันธ์ 2568) เวลา 10.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงาน Thailand Rule of Law Fair งานแฟร์เพื่อความแฟร์ หัวข้อ “Thailand Rule of Law Fair : Investing in the Rule of Law for a Sustainable Future” ว่า ประเทศไทยกำลังมุ่งหน้าสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยหลักนิติธรรมเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นคงและความสงบสุขให้กับสังคม ไม่เพียงแค่เป็นแนวทางในการบริหารประเทศ แต่ยังเป็นเครื่องมือที่เชื่อมโยงกับความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคม การพัฒนาที่แท้จริงจะต้องมีพื้นฐานจากความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการฟื้นฟูหลักนิติธรรมเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยการดำเนินคดีในกรณีทุจริตทางการเงินในตลาดหลักทรัพย์ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ รัฐบาลได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วและโปร่งใส เพื่อให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษตามกฎหมาย ซึ่งการดำเนินการนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความตั้งใจของรัฐบาลในการรักษาความโปร่งใสและความยุติธรรม แต่ยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลได้ขับเคลื่อนระบบยุติธรรมให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเน้นให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางกฎหมายได้ง่ายและรวดเร็ว ผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น การจัดตั้งแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ช่วยให้ประชาชนสามารถยื่นฟ้องคดีหรือเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิของตนเองได้ทันที ซึ่งทำให้ประชาชนในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล สามารถใช้บริการได้อย่างสะดวกสบาย
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า
รัฐบาลให้ความสำคัญกับการขยายสิทธิมนุษยชนให้ครอบคลุมกลุ่มคนที่เคยถูกมองข้าม เช่น กลุ่มคนไร้สัญชาติที่ในอดีตไม่ได้รับการคุ้มครองอย่างเหมาะสม ปัจจุบันรัฐบาลได้เปิดโอกาสให้กลุ่มเหล่านี้สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในกระบวนการยุติธรรม รวมถึงการได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมายจากทนายความและหน่วยงานรัฐ นอกจากนี้ ยังให้ความช่วยเหลือทางสังคม เช่น การศึกษา การจ้างงาน และการเข้าถึงบริการทางสุขภาพ การผลักดันสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ ในเป้าหมายที่ 16 มุ่งเน้นเรื่องสันติภาพ ความยุติธรรม และการสร้างสถาบันที่เข้มแข็ง การดำเนินการนี้ไม่เพียงช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม แต่ยังเสริมสร้างประเทศไทยให้เป็นประเทศที่ทุกคนมีโอกาสและความเสมอภาคอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมุ่งมั่นพัฒนาหลักนิติธรรมให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างสถาบันและโครงสร้างทางสังคม เพื่อให้ประเทศสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดต่าง ๆ ตามดัชนีความสามารถในการแข่งขันของ IMD รัฐบาลยังมุ่งสร้างความไว้วางใจในระบบรัฐและกฎหมาย ผ่านการทำงานร่วมกับภาคประชาสังคมและหน่วยงานระหว่างประเทศ เช่น OECD และ The World Justice Project (WJP) เพื่อยกระดับมาตรฐานในทุกมิติ
“การลงทุนในหลักนิติธรรมไม่ใช่แค่หน้าที่ของรัฐบาล แต่เป็นพันธกิจร่วมของทุกคน ซึ่งการร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะช่วยเสริมสร้างความโปร่งใส ความเท่าเทียม และความมั่นคงให้กับประเทศไทย นายกรัฐมนตรีมั่นใจการสร้างระบบที่โปร่งใส ยุติธรรม และมั่นคงจะเป็นรากฐานของความก้าวหน้าที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป และขอให้การประชุมในวันนี้เต็มไปด้วยความสำเร็จและข้อเสนอแนะที่มีคุณค่าต่อการพัฒนาประเทศ” นายกรัฐมนตรี ระบุ
************
#นายกแพทองธาร #แพทองธารชินวัตร
#TheStandardNews
: 0 ใบ
: 0 ใบ
My Locker