[RE: ไม่พอใจชีวิตตัวเองเลยครับ]
FFOREVER พิมพ์ว่า:
สวัสดีครับ ขออนุญาตเปลืองพื้นที่ระบายหน่อยครับ
เกี่ยวกับชีวิต ณ ตอนนี้ของผมเอง
เกริ่นก่อนว่าผมมาจากครอบครัวที่ชนชั้นกลางที่ปัจจุบันขยับฐานะมาค่อนข้างสูงเลย พี่น้องเป็นหมอหลายคน
สมัยเรียนผมเรียนเก่งมากครับ เก่งที่สุดในพี่น้องทั้งหมดเลยมั้ง แต่ทักษะทางสังคมแย่มาก รวมถึงนิสัยเสียที่มีจนปัจจุบัน ขี้เกียจไม่ตั้งใจเรียนเพราะคิดว่าแค่เรียนให้พอผ่าน จบมหาลัย 5 ปี แบบเกรดไม่ได้สวยมาก (ดรอปไปปีนึงเพราะเป็นซึมเศร้าครับ)
มหาลัยผมไม่ได้เลือกเรียนหมอครับ ทั้งๆ ที่ถ้าเลือกเรียนผมคิดว่าไม่น่าจะเกินกำลัง แต่ผมมาเลือกสายที่ชอบ แบบอุดมการณ์สูงมาก ตอนนั้นคิดแค่เงินไม่เยอะไม่เป็นไรแค่อยากทำประโยชน์ให้มนุษยชาติ
ตอนนี้อายุ 30 ว่างงานครับ แต่ระหว่างทางมีงานหลักๆ งานเดียวที่เคยทำคือติวเตอร์ ทำแรกๆ ก็อุดมการณ์เหมือนกันครับอยากยกระดับเด็กมัธยมไทยให้ใฝ่รู้ สนใจวิทย์มากขึ้น แต่ทำๆไป ก็รู้สึกโดนกลืนกลายเป็นแค่ติวเพื่อเน้นทำโจทย์ แบบที่ตลาดต้องการซะแล้ว
เริ่มทำงานตั้งแต่ปีสองครับ รายได้ดีเลย ส่งตัวเองเรียนได้ แต่พอติดช่วงที่ป่วย (แม่งป่วยเทอมสุดท้ายก่อนจบด้วย ปี 4 เทอมสอง) เลยหยุดไป กลับมาทำต่อก็รู้สึกไม่เหมือนเดิม เราโดนลดบทบาท โดนมองข้าม บางงานที่เราดีลให้ทีม เราคิดถึงทีมก่อนตลอด (ทางโรงเรียนติดต่อรีเควสตัวผมโดยเฉพาะเลย แต่ผมบอกว่า ผมมีทีม อยากให้ทีมเข้ามาสอนด้วย) แต่กลายเป็นโดนเอาเปรียบไม่เอาเราไปอยู่ในโครงการนั้น ลองคิดย้อนดูตอนนี้น่าจะเพราะผมไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย ใครเบียดเราก็ยอมๆๆๆ คนอื่นอาจจะมองว่าผมไม่คิดมากมั้ง ทั้งๆ ที่จริงๆ โคตรคิดเลย
จบตรีมา ต่อโทได้เทอมนึง ก็ออกมาอีก (ป่วยกำเริบ) จนตอนนี้เพิ่งมาต่อโทอีกรอบครับ มารอบนี้เห็นคนรู้จักก็ท้อนิดหน่อย ตัวท้อปรุ่นเดียวกันจบเอกเป็นอาจารย์วิจัย ได้งานได้อะไรเป็นเรื่องเป็นราว รุ่นน้องที่รู้จักก็กำลังจะจบเอก ท้อขั้นสุด ผมเลิกเล่นโซเชียลไปเลย
โปรเกรสตอนนี้ งานวิจัยเพิ่งโดนรีเจ็กมาหมาดๆ เลยครับ ทีสิสก็ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอันเท่าไร ท้อรอบสองไปอีก
มาเรื่องชีวิตส่วนตัว แต่งงานสองสามปีอยากมีลูกก็ไม่ติดสักที แต่มีจริงก็เริ่มเครียด เริ่มคิดมากละ เรื่องเงิน (แฟนผมแบกเป็นหลัก แต่ไม่ต่างกันมาก ประมาณ 40-60 ครับ) ผมกลายเป็นพ่อบ้านฟูลไทม์ แต่งานบ้านก็ยังแบ่งๆ กันครับ อย่างแฟนทำอาหารไม่เป็น ผมก็ทำให้
ตอนนี้เรื่องลูกกังวลว่าลูกจะโตมายังไง จะมีปมด้อยมั้ย ผมไม่รู้สึกว่าจะเป็นโรลโมเดลให้เขาได้เลย เป็นพ่อที่พึ่งพาไม่ได้ ด้วยโรคที่เป็นก็กลัวว่า ถ้าเราไม่มั่นคงจนลูกสัมผัสได้เมื่อไรเขาเคว้งแน่
มองย้อนกลับไป ถึงต้นเหตุว่าทำไมเราถึงมีนิสัยแบบนี้นะ ทำไมเราไม่สู้ ไม่ดิ้นรนเลยวะ ทำไมเราต้องยอม ไม่ไฟท์เลยวะ นึกย้อนไปถึงต้นเหตุที่ทำให้ป่วย ก็รู้สึกว่ามันไม่แฟร์เลยที่ทางเลือกที่คนอื่นล็อกให้เราทำให้เรากลายเป็ยคนแบบนี้ ผมไม่ได้เลือกจะเป็นแบบนี้เลย เคยพยายามฮึด มันก็เปลี่ยนได้แปปเดียว พออาการมันหนักอีกก็กลับไปติดลบ มันลบ บวก วนไปวนมา
ตอนแต่งงานใหม่ๆ คิดว่าในที่สุดก็มีเซฟโซนแล้ว แต่มันก็ไม่ใช่แบบที่คิด ผมระบายกับภรรยาไปจนเริ่มคิดว่า มันน่าเบื่อที่จะพูดถึงอะไรเดิมๆ ซ้ำๆ แล้ว ยิ่งเราเป็นผู้ชาย หัวหน้าครอบครัว พอมาตอนนี้มีลูกอีก จะสำออยไปตลอดมันก็ไม่ใช่
จริงๆ ไม่อยากเปรียบเทัยบตัวเองกับใคร ยิ่งคนที่สำเร็จมากๆ ผมไม่เคยคิดเลยครับ แต่เอาแค่มาตรฐานของคนทั่วไป อายุ 30 ว่างงาน ไม่เคยมีรายได้เกิน 30000 เลย ยิ่งตอนพยายามพึ่งลำแข้งตัวเองจะให้ถึง 10000 ยังยากเลย
มันทำไมนะ จุดไหนในชีวิตของเราใน 30 ปีนี้ที่มันเป็นตัวจุดชนวนปฏิกิริยาลูกโซ่มาจนจุดนี้ อายุเท่านี้มันไม่น่าจะใช่วัยที่ต้องเริ่มทำอะไรแล้ว มันเป็นวัยที่ต้องสุกงอมแล้วนะเว้ย
ท้อครับ จากใจลูซเซอร์ที่ขีวิตล้มเหลวคนนึง พิมพ์วกไปวกมาขออภัยด้วยนะครับ
อย่าเปรียบเทียบเราในวันนี้ กับคนอื่นครับ
ให้เปรียบเทียบกับตัวเองเมื่อวานครับ วันนี้เราก้าวไปข้างหน้าไหม
จังหวะชีวิต โชคชะตาคนเราต่างกันครับ
แต่ถ้าท่านทำวันนี้ดีกว่าเมื่อวาน สำคัญที่สุดครับ