การเมืองท้องถิ่นเป็นเรื่องของ'เครือข่าย'

สิ่งที่คนใน ss มักจะเข้าใจผิด (จริงๆไม่ใช่แค่ใน SS หรอก)

1.พรรคส้มแพ้เพราะลงพื้นที่น้อยกว่า ไม่เห็นหน้าผู้สมัคร
2.เรื่องการซื้อเสียง

การเมืองท้องถิ่นไม่ใช่แค่ไปเห็นหน้าและแค่แจกตัง

แต่มันคือเครือข่าย เอาง่ายๆ ก็เหมือนสโมสรฟุตบอลที่จะมีทีมลูก ในกรณีการเมืองท้องถิ่น บ้านใหญ่ก็จะมีบ้านเล็กหลายๆบ้านอยู่ข้างใน

อบจ จะมีอบต เทศบาล ส.อบจ อยู่ในสังกัด ยิ่งมีเยอะ = ผลประโยชน์เยอะ = แต่ก็มีโอกาสชนะ

ความสัมพันธ์ระหว่าง อบจ อบต เทศบาล มันคือน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอะครับ อบต เทศบาล มีพื้นที่ดูโดยตรง แต่อาจจะขาดงบ ก็ต้องไปขออบจ อบจดูใหญ่ แต่จริงๆไม่มีพื้นที่เจาะจงนะครับ เพราะมันมีพื้นที่อบต เทศบาล คอยบริหารพื้นที่อยู่แล้ว

พรรคส้มแพ้ไม่ใช่เพราะซื้อเสียง ไม่ใช่เพราะไม่ไปงานศพ งานบวช ผมท้าให้ผู้สมัครพรรคส้มไปทุกงานเลยนะ แต่เชื่อมั้ยต่อให้ไปทุกงาน แต่คุณไม่มีเครือข่ายอบต ส.อบจเทศบาล ก็แพ้อยู่ดี บ้านใหญ่ที่ชนะบางบ้านไม่ใช่เพราะผลงานดีเลยครับ แต่เขาดาวน์ไลน์เยอะกว่า บางคนก็ไปให้เห็นไม่เยอะ ชาวบ้านก็รู้จักแค่ชื่อ แต่เงินหนา บริหารดาวน์ไลน์เก่ง ชาวบ้านบางทีมีญาติเป็นหัวคะแนน ก็เลือกตามญาติ เพราะญาติเคยช่วยเหลือ ไม่ใช่เพราะรู้จักผู้สมัครบ้านใหญ่

สรุป การเมืองท้องถิ่น คือ การเมืองขายตรง ยิ่งดาวน์ไลน์เยอะคุณถึงจะมีโอกาสชนะครับ ไม่ต้องแจกเงินเลยก็ได้ เดี๋ยวอนุมัติงบสร้างถนน สร้างนู่น สร้างนี่ ให้กับเครือข่ายในสังกัดก็ได้

ที่ผ่านมาพรรคการเมืองใหญ่ๆเลยไม่ค่อยส่งในนามพรรคไงครับ เพราะอบต เทศบาลหลายๆที่ก็พรรคพวกมาก่อนพรรคการเมือง ไม่มีสี มีแต่เพื่อน

เลือกตั้งใหญ่มันคุมในสังกัดยากกว่า เพราะไม่ใช่ผลประโยชน์โดยตรง+เลือกนอกเขต+ล่วงหน้า เราเลยเห็นพรรคส้มชนะ

ใช่ครับ ยกตัวอย่างที่ลำพูนชนะก็ลูกอบจคนเก่า ตระกูล ภู่พิสิฐ ไปชนะตระกูล วงศ์วรรณ กลยุทธบ้านใหญ่ชนบ้านใหญ่ ถึงชนะมาได้แค่ 1 แต่ถือว่าได้ผลดีเลย

อีกอันที่เป็นเครือข่ายการเมืองที่หลายๆคนมองข้าม และกลุ่มหนูใช้ประโยชน์อย่างมากตอนได้เป็น สธ. และวางรากฐานไปหมดแล้ว
"อสม."
เข้าถึงได้ทุกบ้าน รู้จักคนเยอะ ยิ่งถ้ามีงบมายิ่งเดินบ่อย เพราะพวกนี้สถานะคือชาวบ้านปกตินี่แหละ ถ้าจะฝากเงินฝากป้ายแจก นี่สะดวกสะบาย คนไม่ค่อยรู้ไม่ค่อยจับตามอง มัวแต่ไปเล็งหัวคะแนนมืออาชีพกัน
ซึ่งอสม.จะได้เรื่องได้ราวมั้ย ก็มีบ้างที่ตั้งใจดี แต่ส่วนใหญ่ก็แค่รับเงินหลวงเป็นรายได้เสริมมากกว่า
สมัยผมอยู่อีสานนี่ อสม.บางคนเป็นทั้งครอบครัว คุณสมบัติคือลูกคนโตติดเหล้า เมียติดพนัน แต่ได้เป็นอสม. บางบ้านหนักกว่านั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการวัดความดันคืออะไร ใช้ไม่เป็น แต่เวลาเรียกประชุมสอนงานก็ไม่มาแต่รับเงินนะ สถิติให้ไปเก็บอะไรมา ได้ผลดี 100 เปอร์เซนต์ตลอดเพราะทำส่งวันสุดท้าย

ข้อ1 เห็นด้วยครับ ส่วนข้อ2 บางจังหวัดไม่มีผลครับ

และขอเสริมเรื่องพวกบ้านใหญ่ครับ บางจังหวัดไม่มีบ้านใหญ่ส่งลงสมัครด้วยซ้ำ แต่ส้มก็มีส่งบ้าง

และที่ส้มแพ้(บางจังหวัด) เพราะคนเก่าเค้าเป็นคนทำงานจริง มีผลงานให้เห็น และเป็นฝั่งอิสระ ส่วนส้มส่งใครก็ไม่รู้มาสมัคร แล้วชาวบ้านเค้าจะเลือกเหรอครับ ไม่ใช่ไม่ให้โอกาสนะ ครอบครัวผมก็กาให้2ใบเลย ทั้งๆที่รู้ว่าสู้คนที่เค้าทำงานจริงๆยาก

แต่ที่ผมเชื่อคือ ถ้าเป็นเลือกตั้งใหญ่ ยังไงส้มก็ยังชนะครับ

ก็อย่างที่ท่านว่าแหละครับ ปัจจัยมันต่างกันกับการเลือกตั้งสส. เขาดูแลกันมาเป็นสิบๆปีจู่ๆจะให้มีคนหน้าใหม่ไปเจาะนี่โคตรยาก จริงๆแค่ได้สจ.เข้าไปนั่งในสภาจังหวัดก็ถือว่าสำเร็จพอสมควรแล้วนะ เพราะถ้าจะให้ได้ครองอบจ.ในอนาคตก็ต้องเริ่มจากสจ.นี่แหละ

ระบบเดิมๆ มันฝังลึกไง มันเลยยาก
แต่ได้มา 1 แล้ว ผมคิดว่ามันเป็นหมุดหมายที่ดี

อบจ. เนี่ย ผมว่าเหมาะกับไอส้มมาก ให้เป็นพื้นที่ทดสอบฝีมือ
เพราะสามารถ เปลี่ยนโครงสร้าง ภายในจังหวัดตัวเองได้เลย แล้วค่อยไปเชื่อมส่วนกลางอีกที

งบที่ได้จะถูกเอามาพัฒนาเมือง ส่วนนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะไอทอนที่ถูกตัดสิทธิไป
แล้วไปฟามของมาเพียบเนี่ย จะถูกนำมาใช้แน่ๆ กับจังหวัดลำพูนนี้

ส่วนสภาการเมือง ก็เป็น Scale ขนาดเล็ก ให้ฝึกซ้อมได้อีก
ซึ่งมันจะต้องไปคุยกับ อบต. เทศบาล อีกรอบ แต่พวกนี้อยู่ภายใน อบจ. อยู่แล้วละ ไม่น่าจะมีปัญหา

ส่วนที่อาจจะเป็นปัญหา หรือไม่เป็น ก็คือผู้ว่าราชการจังหวัด
ที่คุม อบจ. อีกทีนึง ซึ่งอาจจะมีบางเคส ที่ความเห็นไม่ตรงกัน

กลับกัน ถ้าผู้ว่า มาจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่แต่งตั้ง
มันอาจจะดีกว่านี้ การทำงานน่าจะ Flow ขึ้น ซึ่งก็ต้องใช้เวลาในการแก้กฏหมาย และบังคับใช้

. . .

ปล. เอาเป็นว่า แค่ผม ตื่ีนตัวกับการเลือกตั้งท้องถิ่นได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าไอส้ม
มันเรียกความสนใจได้เยอะแล้วละครับ และตอนนี้ ไอส้ม มันปักหมุดได้แล้ว 1 จังหวัด

ก็รอดู กันต่อไป ว่าจะมี 2 3 4 ตามมาอีกหรือป่าว?
ุถ้าผลงาน ลำพูนเข้าตาเนี่ย จังหวัดอื่นก็นิ่งไม่ได้ละครับ การแข่งขันจะสูงตาม ประโยชน์ตกที่ประชาชน

เห็นด้วยเลยครับ แต่ก็ไม่ได้แปลกใจที่คนเมืองและเชียร์พรรคประชาชนจะไม่เข้าใจการเมืองท้องถิ่น

นั่นก็เพราะวิธีิคิดแบบนี้ก็มาจากกลุ่มนำของพรรคประชาชนและกลุ่มคณะก้าวหน้าเหมือนกัน แล้วก็ไม่แปลกอีกที่พวกเขาเหล่านั้นจะไม่เข้าใจการเมืองท้องถื่น นั่นก็เพราะบรรดากลุ่มนำของพรรคประชาชนและคณะก้าวหน้าเองก็ไม่ได้เติบโตและต้องพึ่งพา "ดาวน์ไลน์" ภาษาของเจ้าของกระทู้

เพราะพวกเขาเหล่านั้น ถ้าไม่มีฐานทางครอบครัวที่ดีอยู่แล้ว ไม่ก็เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ทั้งแนวคิดและวิธีมองการเมืองจึงไม่เข้าใจคำว่า "ดาวน์ไลน์"

แต่ในภาษารัฐศาตร์มันคือ "เครือญาติ" "เจ้าหนี้" "ผู้มีบุญคุณ" "คนอนุมัติเงินเบี้ยคนชรา" "เจ้าภาพกฐิน งานบุญ"

อีกเรื่องคือ เรื่อง "ซื้อเสียง"

ผมว่า คนเมืองหลายคนอาจจะไม่มีประสบการณ์ในการอยู่ ตจว. ที่อยู่ไกล ๆ ครับ การเดินทางไปคูหา มันไม่ได้สะดวกสบาย ไม่มีขนส่งสาธารณะ ดังนั้นการไปเลือกตั้งย่อมมี "ต้นทุน" ที่ต้องไปคูหา ค่าน้ำมัน ค่ารถ ค่าลางาน ค่าเสียเวลา

ดังนั้นแนวคิดการซื้อเสียง มันจึงไม่ใช่เรื่องการใช้เงินเป็นแรงจูงใจในการเลือก แต่มันอาจเป็นเรื่อง ลดต้นทุนในการไปเลือกตั้ง

ผมอ่านบางท่านในนี้วิเคราะห์ไว้ว่าเรื่องหนึ่งคือ เพราะ อบจ. ไม่มีเลือกตั้งนอกเขต และไม่มีเลือกตั้งล่วงหน้า แต่เหตุผลในเชิงรัฐศาสตร์ที่ไม่ให้มีการเลือกตั้งนอกเขตสำหรับเลือกตั้งท้องถิ่นนั้นก็เพราะ

รัฐไทยอยากให้คะแนนเสียงมันเพื่อคนที่อยู่ อาศัยและทำงานที่จังหวัดนั้นหรือพื้นที่นั้นจริง ๆ ซึ่งผิดกับวิธีคิดในการเลือก สส. ที่มีเลือกตั้งนอกเขต นั่นก็เพราะ สส. เป็นเพียงตัวแทน ของคน แต่ใช้พื้นที่ในการกำหนดขอบเขตการเลือกตั้งเฉยๆ

เพราะถึงที่สุด สส. ก็ทำงานภาพใหญ่ (ในแง่บทบาทหน้าที่นะ)

ดังนั้นจากเหตุผลเหล่านี้ รวมถึงผู้ที่ตั้งกระทู้นี้ก็น่าจะเป็นอีกมุมว่า ทำไม พรรคประชาชนยังแพ้เลือกตั้งท้องถิ่น และในความเห็นผม มันคือการ แพ้แบบแย่มากด้วย การได้ 1 จังหวัดไม่ใช่ ชัยชนะแน่นอนครับ

หลายพื้นที่เช่น สมุทรสงคราม นครนายก ที่ผมนึกออกตอนนี้ ก็ใช้ "บ้านใหญ่" มาลงในนามพรรคทั้งนั้น

ไม่นับเชียงใหม่ ภูเก็จ ตราด ที่ เรียกว่า หมายมั่นปั้นมีสุด ๆ เพราะพรรคเปิดตัวเร็วกว่าใคร ตั้งใจมาก ลงพื้นที่ เลือก โปรไฟล์ดีสุดๆ ก็ยังแพ้

การเมืองท้องถิ่นไม่ใช่เรื่องโปรไฟล์ดี แต่เป็นเรื่องเครือข่ายแบบที่เจ้าของกระทู้ได้ตั้งไว้


ป.ล. อ่านไปอ่านมา ทำไมพิมพ์ยาวขนาดนี้ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจบ และรับฟังอีกมุมหนึ่งครับ

นี้แหละ ผมถึงอยากให้ลงไปโฟกัสที่ท้องถื่น มันใกล้ชิดชาวบ้าน เห็นปัญหาโดยตรง เลือกโครงการต่างๆลงตามหมุ่บ้านได้ มีผลงานให้เห็น เพราะมีงบเป็นของตัวเอง ไม่ใช่มีแต่คำพุดสวยหรุ การเมืองใหม่ การเมืองโปร่งใส แล้วไม่มีงบไม่มีผลงานให้ชาวบ้านเห็น

แล้วเชื่อเถอะถ้าส้มได้ท้องถิ่น คำพุดที่ชาว ss ชอบแซะว่างานบุญ งานแต่ง งานศพ พวกนี้ส้มก้อต้องได้ไปหมดเหมือนกัน

อันนี้ผมถามแบบโง่ๆเลยนะ ss นี่ไม่มีคนพรรคอื่นเลยหรอครับผมนึกว่าบอร์ดพรรคประชาชน

การจะมีเครือข่ายมันก็ต้องใช้เงิน เงินจำเป็นสำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นเสมอ ไม่งั้นเค้าจะเเย่งหัวคะเเนนกันทำไม เค้าจะจ่ายกันทำไม

ไม่ต้องอะไร เลือกเทศบาลที่กำลังจะมา ที่บ้านเริ่มหาเงิน เริ่มเอาที่ไปขายฝาก เพื่อมาสู้เลือกตั้งกันเเล้ว

หัวคะเเนน ไม่ได้ทำงานให้ฟรีๆ เครือข่ายมันไม่ได้ทำงานให้คุณฟรีๆ อสม นี่ตัวตีเลย ทุกอย่างมันเกี่ยวกับเงินทั้งนั้น ใครว่าไม่เกี่ยว ซื้อเสียงก็เช่นกัน

แล้วมีหน้าไปด่าคนอื่นว่าโง่เหลือจะเชื่อ

ถ้าบอกพรรคไหนคิดว่าส่งเสาไฟฟ้าลงแล้วชนะ

ตอนนี้กลายเป็นพรรคส้มแล้วหล่ะที่คิดอย่างนั้น

เสาไฟฟ้า(คนที่กุไม่รุจัก เห็นหน้าทีเดียวตอนจะเลือกตั้ง) vs คนที่ชาวบ้านไว้ใจในระดับท้องถิ่น


การเมืองท้องถิ่น จำไว้ การเมืองท้องถิ่น

งั้นก็เป็นงานของพรรคประชาชนแล้วละที่จะไปหาวิธีมาแก้ แต่ก็เข้าใจว่ามันยากมาก

ก็อยู่ที่เลือกผู้สมัครนั้นแหละ อย่างลำพูนที่ได้ก็ลูกอดีตนายกอบจ.เก่า ทำงานกับพรรคมาตั้งแต่ต้น นี้คือเลือกดีเลยนะ

ถ้าดึงรุ่นใหม่แบบนี้จากพวกที่เล่นการเมืองกันอยู่แล้วมาได้ ก็มีลุ้นอีกเยอะ แล้วก็ควรทำแบบนี้ด้วย ไม่ใช่แบบเอาใครไม่รู้มาลง หลายๆจังหวัดส่งแบบใครไม่รู้จริงๆ อย่างภูเก็ตก็คือ ส่งหมอ ที่ไม่ได้เล่นการเมือง ไม่ได้อะไรเลย แบบก็อยู่รพ.รักษาคนไข้อยู่ตลอดมาลงซะงั้น แบบก่อนสมัครยังทำงานโรงพยาบาลอยู่เลย พอจะมาก็ค่อยลาออก แล้วจะเอาอะไรไปชนะเจ้าถิ่มขาประจำเขา

จริงๆอยากรู้กระบวนการเลือกคนเหมือนกัน ว่าเลือกยังไง อย่างเคสภูเก็ตนี้เห็นว่าหมออยากเล่นการเมืองเพราะเห็นคนไข้ประสบอุบัติเหตุจากการจราจรเยอะ เลยอยากมาเล่นการเมืองเพื่อจะแก้ไข้เรื่องการจราจร เลยมาสมัครแล้วก็ได้รับเลือกให้ลงเลยซะงั้น

ก็ต้องบอกว่าพรรคส้มเยอะสุดครับ
ส่วนฝั่งแดงหลังเลือกตั้งใหญ่เพื่อไทยข้ามขั้ว ก็ทำเอาแตกไปหลายทาง
บางส่วนก็เลิกเชียร์ บางส่วนหายไปจากบอร์ด แต่บางส่วนก็ยังเชียร์อยู่
ส่วนเหลือง พอพรรคฝั่งเค้าไปจับเพื่อไทยกันหมด ก็ไม่มีพรรคให้เชียร์ละ
มีหายๆไปบ้าง ที่ยังอยู่ก็ตามแซะแดงกับส้มอย่างเดียว