เล่าความตามที่ได้สดับมา
ดีลติ้มซำ(จะเลี้ยงหูฉลามแต่ธราธรปฎิเสธเพราะไม่กินหูฉลามและขอไม่ให้ถ่ายรูปด้วย) ที่ฮ่องกง
………………………………………………………………..
จริงๆแล้ว ธนาธรและพรรคก้าวไกลเขายืนบนจุดยืนเขา เต็มร้อย เขาไม่ร่วมกับ 3 ป 100 %
แต่มีคนอยากให้พรรคก้าวไกลยกมือให้ โดยเขาจะตัดพรรคพลังประชารัฐออกแต่ต้องการเสียงก้าวไกล แต่ก้าวไกล เทื่อธนาธรปฎิเสธ ไม่เอา เขาก็กลับบ้าน
ข่าวเรื่องฮ่องกง ธนาธรไม่เคยพูดถึงและออกสื่อ ทั้งปิยบุตร ช่อ พิธาและคนร่วมตั้งพรรครู้ทุกคน แต่พรรคนี้มีวินัยจะไม่เล่นการเมืองนอกกติกา อะไรลับก็ลับ อะไรเปิดเผยก็เปิด แต่มีคนเล่นเหลี่ยมที่เป็นอีกฝ่ายต่างหากที่เปิดเผยเพื่อให้คนเข้าใจว่าพรรคก้าวไกลไปขอร่วมรัฐบาล
ก่อนหน้านั้นนายใหญ่ต้องการพบและติดต่อมาให้ไปพบที่ฮ่องกง แต่ธนาธรปฎิเสธ นายใหญ่จึงให้อดีตเมียและน้องสาว เจ้ ด.ติดต่อแม่ธนาธร ชื่อนางสมพรให้ข่วยเจราจากับลูกชาย เพราะเขาเคยพึ่งพากันมาก่อนและมีความสนิทกัน แต่ธนาธรปฎิเสธ ทางอดีตเมียนายใหญ่ก็รบเร้าตลอด แม่ธนาธรจึงขอร้องว่าให้ไปเถอะเพราะเป็นคนดีกัน ธนาธรจะตัดสินใจอย่างไรก็เอาตามจุดยืนของตัวเอง เขาเกรงใจแม่ก็เดินทางไปฮ่องกงเพื่อพบคนมีเหลี่ยม
ธนาธรทนรบเร้าจากแม่ไม่ได้ ก็ไปพบ ถูกชักจูงหลายอย่างเพื่อให้สนับสนุนโดยอ้างว่าไม่มี 3 ป แต่ทางพรรคก้าวไกลยืนจุดเดิมว่า ก้าวไกลร่วมรัฐบาลเพื่อไทยได้ แต่ถ้าเพื่อไทยแยกไปตั้งรัฐบาลกับพรรค 3 ป พรรคก้าวไกลยืนจุดเดิม ไม่เอา แต่ก้าวไกลก็บอกว่าไม่ปฎิเสธพรรคภูมิใจไทย ให้นายใหญ่เจรจากับภูมิใจไทย เพื่อจัดตั้งตั้งรัฐบาล ก้าวไกล เพื่อไทย ภูมิใจไทย แบบนี้ ok (ธนาธรรู้มาก่อนแล้วว่าเขา set มาแล้วว่าจัไม่เอาก้าวไกล โดยใช้ คะแนน สว.เป็นตัวชี้ขาดและเขาบกว่าเขาไม่มีอำนาจเปลี่ยนมติพรรคก้าวไกลได้) นายเหลี่ยมเขายังเสนอว่าเอาแบบนี้ไปก่อน ต่อไปปรับรัฐบาลเมื่อสว.ชุดนั้นหมดอำนาจโหวตตั้งรัฐบาลเขาจะเอาก้าวไกลเข้าร่วมรัฐบาลต่อไป แต่ต้องให้เพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ธนาธรไม่เอาและบอกว่าถ้าเป็นรัฐบาลไม่ว่าช่วงไหนพรรคอันดับ 1 ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีและควบคุมนโยบายรัฐบาลในทุกพรรคร่วม ดีลจึง…เอวังด้วยประการฉะนี้แล
ธนาธรก็กลับกรุงเทพแบบเงียบๆ ไม่มีใครรู้ แต่เพราะบางคนใช้เล่ห์เหลี่ยมแอบปล่อยข่าว
คนไม่เคยสัมผัสไม่รู้ หลายคนที่ถูกหยอดสัญญาด้วยตำแหน่งรัฐมนตรี และหลายคนที่เขาให้ตำแหน่งรัฐมนตรีชั่วคราว 3-6 เดือน จากนั้นก็ถือว่าหมดหนี้กันแล้ว เราจึงเห็นรัฐมนตรีจำนวนหลายคนมาก ที่เข้าไปไม่กี่วันแล้วหมดอายุขัยไปเลย อยู่ในพรรคก็ไม่มีใครสนใจ กลายเป็นบ้านร้าง จะมีได้ทุกสทัยก็เพียงพวกบ้านใหญ่ที่ลงขันมีอำนาจต่อรองเท่านั้น
ถ้าใครคิดว่าธนาธรอ่อนขนาดนั้น คุณก็คิดผิดแล้ว เขาก็แค่ เอาความจริงใจ ดึงสันดานของคน ออกมา ให้ประชาชนเห็น ก็เท่านั้น ไม่มีคำว่าอ่อน สำหรับคนๆนี้
นี้คือที่มาของคำว่า”แทงข้างหลัง” เรื่องก็แค่นี้แหละ!
ไปเสือกรู้เรื่องมาก็เอามาบอกเล่าแบบเข้าใจข้อมูลเลอะเลือนไปบ้าง
ขุนจัน พันนา
เครดิต
https://www.facebook.com/share/19tv9BcYGr/?mibextid=wwXIfr