กรณีข่าวการขอลดค่าจ้างโมฯ จาก FSG
ขออนุญาตนำงานเขียนของเพจ Scouse Bastard มานะครับ
ข่าวลือเรื่องสัญญาของโมนี่ ผมว่าจริงครึ่งนึง (ถึงสื่ออาจจะแค่เดาขึ้นมาเฉยๆก็เถอะ) ซึ่งจริงๆผมว่ามันก็คงติดแถวๆนี้นี่แหละ
ครึ่งนึงยังไง? หลายคนคงจำได้ว่าก่อนปีใหม่ อับบาสเคยออกมาโวยวายว่า "โมยินดีจะเซ็นสัญญาปีเดียวแต่ค่าเหนื่อยต้องสมศักดิ์ศรี" อันนี้แหละ Hint ใหญ่เลย
สโมสรคงอยากให้สัญญาปีต่อปีจริง และตามสไตล์ต่อรองของอับบาส ก็คือเอางั้นก็ได้ แต่ต้องเพิ่มเงิน (ไปดูลีลาต่อรองของอับบาสสัญญาครั้งก่อนได้ใน
https://www.facebook.com/scousebastard/posts/pfbid0C7QUFycPp4yCC4jY4xew3SoBNhYsmg1RPRTR3KyNQW2koNhce1pXYNqCvvX6npqal )
เรื่องเงียบๆไป แปลว่าสัญญาที่ยื่นไปให้ใหม่คงเกิน 1 ปี อาจจะ 1+1/2/2+1 ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
จบแค่นี้มั้ย - ไม่อยู่แล้ว ไม่งั้นก็เซ็นไปแล้ว นักเตะอายุมากไม่เคยเป็นปัญหาจากฟอร์มปัจจุบัน แต่เป็นคำถามถึงฟอร์มอนาคตต่างหาก
ถ้าลิเวอร์พูลขอลดเงินเดือนดื้อๆ ตอนนี้ดีลคงคว่ำไปแล้วละครับ สิ่งที่น่าจะเกิดมากกว่าคือสโมสรต้องการย้ายเงินเดือนคงที่ส่วนหนึ่งไปเป็นโบนัส
เช่น ถ้าเดิมที เงินเดือนฐาน 350k ยิงประตู/แอสซิสลูกละ 100k ลงสนามนัดละ 50k โมควรจะมีรายรับ 350k*52+100k*30+50k*50 = 23.7m/ปี (ตัวเลขทั้งหมดสมมุติ)
สโมสรอาจเสนอว่า ประตู+แอสซิสเป็นลูกละ 150k ลงสนามนัดละแสนมั้ย แล้วเงินเดือนเหลือซัก 310k ซึ่งถ้าลงปีละ 50 นัด ยิง+จ่าย 30 ประตู ก็จะมีรายรับเท่าเดิม
ถ้ายูคิดว่ายูฟอร์มดีเล่นได้ไม่ตกไม่เกี่ยวกับอายุก็เอาไปสิ
พูดง่ายๆคือพยายามผ่องถ่ายความเสี่ยงจากการฟอร์มตกกลับไปให้นักเตะนั่นแหละ แล้วก็ตกลงกันไม่ได้ (ที่เราไม่รู้คือต่อรองกัน Aggressive แค่ไหน) ตัวเลขยังไม่น่าพอใจ(สำหรับแต่ละฝ่าย) แต่ยังไม่ห่างถึงขนาดเลิกคุย
*เรื่องโบนัสอย่าไปคิดว่าโบนัสนักเตะเหมือนพนักงานเงินเดือนทั่วๆไปที่ทำได้ตามเป้าแล้วก็เจ้านายค่อยมาประชุมว่าจะให้เท่าไหร่ แต่จริงๆมันเป็นส่วนหนึ่งในแพ็คเกตตั้งแต่ต้น ถ้าดูจากโพสต์เก่าจะพบว่าเวลาเขาตกลงสัญญา เขาเริ่มจากตกลงก่อนว่าถ้าทำได้ตามเป้าจะได้เงินเท่าไหร่ สูงสุดที่เป็นไปได้เท่าไหร่ เสร็จแล้วค่อยหั่นเงินก้อนนั้นออกมาเป็นเงินเดือนคงที่ กับส่วนที่จ่ายตามผลงาน หรือควรจะพูดว่าถ้านักเตะทำงานได้ตามคาดหวัง เงินก้อนนี้จะรับเต็ม สาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะสโมสรต้องล็อครายจ่ายสูงสุดว่าต้องจ่ายมาจริงๆจะยังไม่ละเมิดกฏการเงิน (และจริงๆเป็นกฏของ FA ด้วยว่าจะมีโบนัสที่ไม่ระบุในสัญญาไม่ได้)
ถ้าฟอร์มดีไม่มีตกตลอดอายุสัญญาจริง สัญญาสองแบบนี้ไม่ต่างกันเลย แต่เราก็รู้ว่าความเสี่ยงมีอยู่ ขึ่้นกับใครจะแบ่งกันแบกเท่าไหร่ ปัญหาคือไม่มีใครรู้อนาคต และไม่มีใครอยากแบกความเสี่ยง
ทีนี้ถ้าไม่มีใครมาเฉลยทีหลังว่าจริงๆเขาไม่คุยกันมาหกเดือนแล้ว ก็แปลว่า สำหรับทั้งสองฝ่าย ทั้งคู่ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอยู่ เพราะมูลค่าสัญญาสูงขนาดนี้ถ้าไม่ใช่ซาอุ ก็อาจจะไม่มีทีมอื่นในยุโรปจ่ายได้ เรียกว่าถ้าต้องลดค่าเหนื่อย (คงที่) ลดค่าเหนื่อยแต่ไม่ต้องย้ายบ้าน ก็ยังอาจจะดีกว่า
เนื่องจากไม่มีใครรู้อนาคต (นักเตะ "รู้" ว่าตัวเองเล่นได้ดีจนหมดสัญญา สโมสร "คิดว่ารู้" ว่าเล่นได้ดีไม่ตลอดสัญญาหรอก และ แฟนบอล "รู้" ว่าเล่นได้ดียัน 40 แน่ๆ - แค่กๆๆ) เลือกทางไหนก็คงไม่ผิด ถ้าเรายอมรับผลที่จะตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็น
- อาจหาตัวแทนไม่ได้ (ถ้าไม่ต่อ)
- อาจไม่เหลือเงินไปหาตัวแทน (ถ้าต่อด้วยมูลค่าเต็มแล้วเกิดฟอร์มตก)
แต่เอาจริงผมว่าไม่มีใครรับผลที่ตามมาได้หรอกครับ ถึงเวลาไม่ว่าตัวเองเลือกอะไรไว้ก็จะ "โบ้ย" ให้หาทางหาตัวแทนให้ได้ทั้งนั้นละ สุดท้ายทางเลือกที่ดีที่สุดมันก็ต้องแชร์ความเสี่ยงกันให้ได้นั่นแหละ
ผมขอปิดท้ายด้วยโควทของนิกกี้ มอแกน นักการเมืองชาวอังกฤษ
"Any negotiation involves compromise and no one will get everything they want."
การเจรจาต่อรองใดๆคือการประนีประนอมและไม่มีใครได้ทุกอย่างที่ต้องการ
ไม่สมเหตุสมผลที่จะผลักความเสี่ยงทั้งหมดให้นักเตะ และไม่สมเหตุสมผลเหมือนกันที่จะผลักความเสี่ยงทั้งหมดให้สโมสร
ปล. เอาจริงๆ ในทาง Emotional, One day contract ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดี
.
.
.
อ่านๆ ดูถ้าผู้อ่าน Bias กันจัดๆ คนเขียนคงจะเป็นติ่ง FSG ตามที่ใครหลายๆ คนว่าไว้
ซึ่งผมกลับมองว่านี่ก็เป็นงานเขียนที่วางปากกาไว้บนสติและสมองมากกว่าอารมณ์นะครับ
เครดิต
https://www.facebook.com/share/1486WJmT9B/