คิดไม่ได้ก็เรื่องของเค้า

ผมที่ดูดบุหรี่ + กินเหล้าเกือบทุกวัน อ่านเมนต์ในนี้แล้วล่ะก็

ตามนั้นครับ ชีวิตใครชีวิตมัน

คือจะห้ามอะไรกับคนที่ตั้งใจไปแล้วก็ไม่ได้อะ อย่างผมตั้งใจซ้อม พัฒนา ผมก็ยังวิ่งลุยฝุ่นอยู่มา11ปีแล้ว ร่างกายก็พัฒนาเอาๆ ไม่ได้รู้สึกว่าแสบจมูก หนักปอดอะไรเหมือนกับคนทั่วไป ไม่ได้ต่างกับฤดูกาลอื่นๆเท่าไร ผมเป็นพวกไม่เจอโลงศพไม่หลั่งน้ำตาซะด้วย
ดูงานบุรีรัมย์มาราธอนเมื่อคืน ฝุ่นแดงแจ๊ดด แต่คนวิ่ง30,000คนและ มีถึง48คนที่วิ่งมาราธอนต่ำกว่า3ชม. ฝุ่นเอาคนที่ตั้งใจไปทำสถิติตัวเองไม่ลงจริงๆ
คนส่วนใหญ่รู้ว่าอันตรายขนาดไหน ผมก็รู้ แต่ขนาดนักวิ่งแนวหน้าที่ซ้อมหนักกว่าคนธรรมดาเยอะ ยังไม่เป็นอะไร(ณ ตอนนี้)
ถ้ามันยังไม่ทำให้ผมแสบจมูก คอแห้ง ดำเนินชีวิตลำบาก ผมก็ยังทำต่อไปนะ เพราะเราตั้งใจ เชื่อว่าหลายๆคนก็พร้อมทำแบบเดิมต่อไป ทั้งๆที่รู้ความอันตราย
คนที่เขาซ้อมจริงจังก็ยังแข็งแรงดี สถิติเป็นตัวบ่งชี้ได้ว่าร่างกายพัฒนาตลอด ถ้าฝุ่นมันเอานักวิ่งพวกนั้นลงป่านนี้คงป่วย หรือแสดงสัญญาณอะไรบางอย่างถึงการถดถอยของร่างกายออกมาแล้ว

ไม่อยากด่าหรอกปอดใครปอดมัน แค่มองว่าโง่ดีเนาะ

ไอ้พวกที่เม้นด่าๆแซะคนไปวิ่งนี่บางคนแม่งก็ดื่มเหล้า + สูบบุหรี่ด้วยนะ

สุขภาพเค้า เงินเค้า ปอดเค้า ไปหนักหัวตัวเองซะงั้น

คนจัดอ่ะเข้าใจได้ แต่คนวิ่งอ่ะ อิหยังวะมาก

วิ่งเพื่อออกกำลังกาย แต่มาดมฝุ่นช่วงนี้ นอนอยู่บ้านยังดีกับร่างกายมากกว่า

มันดูย้อนแย้งไงไม่รู้ ยกเว้นจุดประสงค์หลักไม่ใช่เพื่อสุขภาพอ่ะนะ

ใส่แมสก็ได้คับ ไม่ต้องวิ่งก็ได้คับถ้าเหนื่อยจจากการใส่แมส

คัดสรรตามธรรมชาติละกันครัช

อ้อ ไอเราก็นึกว่าวิ่งเอาสุขภาพ ที่แท้วิ่งเช็คอินเก็บเป็นคอลเลคชั่นเรอะ

งงอะไรกันเยอะแยะ ด่าอะไรกันมากมาย มีไปว่าเค้าโง่อีก

สะพานนี้กำลังจะเปิดใช้ปลายเดือน วิ่งครั้งนี้คือโอกาสเดียวที่จะจัดและจะไม่มีอีกแล้ว ที่เห็นคนสูงอายุหลายคนคือเค้าอยากมาสานฝันที่พลาดตอนวิ่งเปิดสะพานพระราม 9 ข้างๆกันเมื่อหลายสิบปีก่อน บางคนก็อยากมาซ้ำที่หลายสิบปีก่อนมาวิ่บเปิดสะพานข้างๆไปแล้ว

แค่สูดฝุ่นงานวิ่ง มันจะตายเร็วขึ้นกี่วัน กี่เดือน กี่ปีกันครับ

ใช่ครับ คุณเคยฝันอยากทำอะไรมั๊ยครับ

อันนี้ก็เห็นด้วยนะ น่าจะใส่แมส

มันไม่ใช่แค่วันเดียวไหนจะวันธรรมดาทั่วไป ตามสวนสาธารณะ คนสูงอายุก็ยังมาวิ่งอยู่ปกติ เขาก็วิ่งมานานแล้วด้วย ฝุ่นก็มีทุกปีก็เจอหน้ากันทุกปีก็ยังไม่เห็นเป็นไร
ปอดใครพร้อม ก็ออกมาทำกิจกรรมปกติ
ใครไม่พร้อมก็พักไป
การออกมาวิ่งสำหรับหลายคน มันไม่ใช่การออกกำลังกายธรรมดา มันก้าวข้ามกลายเป็นสิ่งที่รัก สิ่งที่ต้องทำ
ไม่งั้นแต่ละคนจะมาทำร้ายตัวเองซ้อมหนักเพื่อมาพังไมโตรคอนเดรียตัวเองทำไม

ถ้าคนร่างกายอ่อนแอจริงๆ เป็นภูมิแพ้ ติดโรคง่ายก็พักหรือเข้ายิมเอาแก้เสี้ยน เพราะออกมาสูดอากาศในสภาพแบบนี้ก็มีแต่แย่ลง
ผมก็เป็นคนนึงที่ไม่ได้วิ่งเพื่อสุขภาพ แต่วิ่งเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ เน้นวัดผลจากสถิติทั้งการซ้อมและแข่ง
ตราบใดที่ฝุ่นยังไม่ทำให้ป่วย ก็ยังคงวิ่งต่อไป

สุขภาพของตัวเอง อยากทำไรก็ทำ ผมสนใจแค่คนที่บ้านพอ เพราะถ้าคนที่บ้านเจ็บป่วย ลำบากผมต้องหาเงินมาดูแล ผมบอกตลอดว่าติดเตียงมา เป็นมะเร็งมา หาเงินด้วยตัวเองไม่ได้ ก็ลำบากผม

มีข้อมูลไหมคะ

ว่าออกไปวิ่งกลางแจ้ง จะเป็นอันตรายกว่าอยู่ในบ้านเฉยๆ
**ในสถานการณ์ฝุ่นปกคลุมทั้งประเทศ**

คนที่ป่วยหายใจเป็นเลือด ส่วนใหญ่ก็อยู่ในอาคารก็เป็นกันได้
แต่กลับคนที่ออกไปทำกิจกรรมถายนอก ออกไปทำงานกลับไม่เป็น
ฝุ่นอาจจะเป็นสาเหตุของมะเร็ง หรือไม่ได้เป็นมะเร็งก็ได้ เราไม่เคยมีข้อสรุปเรื่องนี้ ทางการแพทย์ยังไม่สามารถหาข้อสรุป เพียงแต่สันนิษฐานว่าเป็นสาเหตุได้

การไปคอมเม้นว่าคนนั้นโง่ หรือไม่โง่คอมเม้นมันอาจจะง่าย แต่มีข้อมูลสนับสนุนไหมคะ

คือสังคมเรามันจะสุดโต่งไปทั้งหมด
อีกฝั่งอ้างว่าอย่าไปรับพลังงานลบ หรือของเสียเข้าร่ายกาย
อีกฝั่งก็บอกว่าร่างกายเรามีกระบวนการขับของเสีย
มันอาจจะถูกทั้งคู่ก็ได้ ถ้ามนุษย์เริ่มหายใจไม่ได้ ออกซิเจ็นน้อยเกินไป ร่างกายจะรู้ตัวเอง ว่าที่ตรงนั้นอยู่ไม่ได้ ต้องหนี ตามธรรมชาติสร้างสรรค์ ให้ร่างกายมนุษย์ปรับตัวได้

ก็คงคิดว่านอนอยู่บ้านรึต้องออกไปทำงานวันอื่นๆก็ไม่ต่างกัน ไปกิจกรรมดีกว่า