รุ่นเราไม่น่าทัน แต่รุ่นหลานโดนแน่ๆ

มันไม่ร้อนอย่างเดียวนะครับ

ไอ้ประเทศที่หนาวๆ นี่มันหนาวแบบโคตรๆ

กลายเป็นอากาศสุดขั๊วไปแทน ที่หนาวก็หนาวโคตร ที่ร้อนก็ร้อนโคตร

สายเกินแก้อะแน่นอน

อากาศร้อนขึ้นปีละ1องศา ปัจจุบันหน้าร้อนนี่Average 40c

พวกบ้านที่อยู่อาศัยอีก10ปีข้างหน้าน่าจะ50cคงต้องเป็นแบบบ้านไทยสมัยก่อน ยกสูงให้อากาศด้านล่างถ่ายเท

ไม่งั้นเหมือนอยู่หม้ออบ อาจจะช่วยไม่ได้มาก องศาคงเท่าเดิม แต่ความอบอ้าว มันต่างกัน

การออกแบบบ้านให้ลมผ่าน มีต้นไม้เพิ่มร่มเงา จะช่วยได้เยอะเวลาเปิดแอร์

สมัยเรียนผมขับผ่านเส้นบูรพาวิถี พวกโรงงานปล่อยควันฉ่ำ ผมเห็นละมีความขุ่นเคืองทั้งตัวเจ้าของโรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ปล่อยผ่านเรื่องแบบนี้

มันโคตรทำลายระบบนิเวศ

สุดท้ายจบที่คนต้องย้ายที่อยู่เหมือน เมืองนึงของจีนที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นควัน

แล้วก็ไปเป็นแรงงานต่างด้าวในประเทศอื่น

เอาแค่โลกร้อนก็แย่แล้ว ยังมาเจอPM2.5 ซ้ำเข้าไปอีก

คุณไม่ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาวันนี้ ในอนาคตคุณก็ต้องแก้อยู่ดี แทนที่จะจัดการตั้งแต่ตอนนี้ ต้องรอให้มันหนักๆถึงจะรู้ตัวว่าต้องทำ ถึงตอนนั้นอาจจะทำอะไรไม่ได้แล้ว

ทุกวันนี้ช่วยเรื่องถุงพลาสติก รู้ว่าคงไม่มีผลไรเลย แต่กลายเป็นนิสัยไปละ

ผมก็ยังลดใช้พลาสติกแล้วก็ยังสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมหรือมลพิษเหมือนเดิม

มันไม่ได้ช่วยในตอนนี้ก็จริง แต่ถ้าจะเอากันแค่ตัวเองน่ะผมว่ามันมักง่ายเกินไป แค่บอกว่ายังไงเราก็แก้ไม่ทันแล้วก็ปล่อยให้มันแย่ลงเรื่อยๆ ผมว่ามันเป็นMindset ที่ไม่คำนึงถึงคนในยุคต่อไป หรืออย่างเร็วที่สุดก็รุ่นเรากันเลย

ส่วนตัวผมว่ายังไม่สาย แต่ถ้ายังเป็รแบบทุกวันนี้คำว่าสายไป คงอยู่อีกไม่ไกล ตอนนี้ได้แต่หวังเรื่องการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซ ด้วยพลังงานทดแทน

ผมขอยกโควทจากหนังเรื่อง
"ถ้าโลกตายมนุษย์ก็ตาย แต่ถ้ามนุษย์ตายโลกจะอยู่รอด"

ไม่สามารถหยุดได้ ทำได้แค่ชะลอ แต่ก็นั่นแหละ ความใส่ใจเรื่องนี้มันต่ำ

คนที่สนใจก็พยายามเข้าไป ที่จะหาทางชะลอและพัฒนาสิ่งต่างๆเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงในอนาคตข้างหน้า แต่คนที่คิดมันมีแค่นิดเดียว

ส่วนใหญ่ก็คิดแค่ว่า ไม่ใช่เรื่องของกู

รอบๆตัว คนเข้าใจเรื่องโลกร้อนน้อยมาก

มาไกลเกินแก้แล้วครับ รอวัฏจักรโลกปรับสมดุลย์ไปครับ

- ไกลเกินแก้ แต่ส่วนตัวก็พยายามลดใช้พลาสติกตลอด พกถุงผ้าตลอด มีแค่อย่างเดียวที่เลิกไม่ได้คือหลอดพลาสติก 555

- แต่สิงหนึ่งที่ต้องยอมรับกันก่อนคือ CO2 มันมีผลทำให้โลกร้อนจริงๆ ไม่งั้นก็ไม่ต้องมีวิทยาศาสตร์อะไรกันแล้ว

อย่างน้อยนิดหน่อย มันก็ชะลอ
เหมือนสุขภาพเราอ่ะ เรารู้ว่าต้องแก่ตายสักวัน ถ้าเราถลุงกินดื่มสูบไม่ออกกำลังกาย มันตายเร็วขึ้น จากจะตาย80 อาจจะตายตอน30
ทรัมพ์ ทำแบบนี้ มันยิ่งไปกันใหญ่ ถ้าชิบหายเร็วขึ้นปีละ1% ผ่านไป30ปี มันต่างแน่ ระหว่างชะลอกับไม่ชะลอ

ไกลเกินแก้ละมั้ง

แต่ในอนาคตคนที่รวยมีเงิน ก็คงหาทางรอดได้แหละ

ส่วนพวกเราชาวหาเช้ากินค่ำคงตามสภาพ

ผมว่า อารม interstella เลยครับ
ฝุ่นจะเพิ่มขึ้นเป็นระดับนั้น อาหารการกิน จะน้อยลงระดับในหนังเลย
พวกคนรวยๆแบบ bill gates ถึง Land Bank มาเรื่อยๆ