ในหลักของพุทธ เราเชื่อว่าตัวเราไม่ใช่เราจริงๆ

ร่างกายไม่ใช่ของเรา อันนี้เชื่อว่าทุกคนเข้าใจได้ง่าย

แต่ถ้าจะบอกว่า ความรู้สึก ความจำ ความคิด การรับรู้

ก็ไม่ใช่ของเราด้วย คุณจะเชื่อเรื่องนี้หรือเปล่า

ถ้าจะบอกว่า เราทุกคนเหมือนไททั่นวิปริต คุณจะเชื่อมั้ย

ถ้าตัวเราแท้ๆ คืออะไรบางอย่างที่ฝังอยู่ในร่างกายของเรา

ปล่อยให้ร่างกายนี้ ความคิดนี้ พาเราไหลไปเรื่อย

โดยที่ทัังหมด นั่นไม่ใช่สิ่งที่เรากำหนดอะไรได้เลย

แต่มันชัดเจน แนบเนียน จนเราเชื่อว่า ทุกอย่างเราทำเอง

เช่น เราหิวข้าว อยากกินไก่ทอด นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เรากำหนดขึ้นมาเอง

เราชอบผู้หญิงผมยาว ความคิดแบบนี้ เราก็ไม่ได้สร้างเอง

เรานึกถึงใครซักคน เราบวกเลขในใจ นี่ก็ไม่ใช่เรากำหนด

ข้อความทั้งหมดนี้ คุณเชื่อหรือไม่

หรือถ้าคุณอาจจะเชื่อ หรือไม่เชื่อก็ตาม

แล้วถ้าจะถามอีกว่า ถ้ามันมีวิธีเอาตัวแท้ๆของเรา

ให้หลุดออกมาจากร่างกายนี้ จิตใจนี้ ได้

คุณเชื่อว่ามันสามารถทำได้หรือไม่

เมาดิ เดวสันดานดิบๆก็หลุดมาเอง

เราชอบผู้หญิงนมใหญ่ ความคิดแบบนี้ เราก็ไม่ได้สร้างเองใช่ไหมฮะ

ผัสสะ เกิดดับ
อารมณ์ เกิดดับ
ร่างกาย เกิดดับ

สิ่งที่มีดับ สิ่งนั้นไม่ใช่ของเรา


เพราะถ้าเป็นของเรา สิ่งนั้นย่อมบังคับได้
การที่ต้องดับ บังคับไม่ได้ สิ่งนั้นจึงไม่ใช่ของเรา

----------------------

ปล.สิ่งที่ท่านพูด ผมว่ามันดูแปลกๆนะ
สุ่มเสี่ยงเข้าใจผิดมาก

คุณเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิดมั้ยล่ะ เรื่องขันธ์ 5 คือ สิ่งที่พุทธวางไว้
ให้คานกับเวียนว่ายตายเกิด ถ้าคุณไม่เชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิดก็มีแนวโน้ม
ที่จะเชื่อเรื่องขันธ์ 5 แต่ถ้าคุณไม่เชื่ออะไรเลย แสดงว่าตรรกคุณย้อนแย้งกันเอง
กลับกันถ้าเชื่อทั้งคู่ มันดันไปด้วยกันได้

ความเห็นผม พุทธไม่ใช่ศาสนาซะทีเดียว
เพราะไม่เชื่อในพระผู้สร้าง แต่เป็นแนวทางปฏิบัติ ไปในแนวปรัชญา + วิธีการมากกว่า

อ่าน ศึกษา เพื่อเป็นพื้นความรู้

แต่จุดสำคัญคือการลงมือปฏิบัติ

ตัวอย่างง่ายๆ ก็เหมือนกับ ขี้จักรยาน หรือว่ายน้ำ
ศึกษาให้ตาย ไม่ปฏิบัติ ก็เสียเปล่า

อ่านสองสามบรรทัดก็กดปิดล่ะนะ

ขอสั้นๆ ง่ายๆ แบบให้ทุกคนมี empathy ต่อกัน อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน จบ

ร่างกายไม่ใช่ของเราอยู่แล้วครับ แค่ขนาดเวลาถ่ายหนักถ่ายเบายังกำหนดไม่ได้เลย ยิ่งช่วงหลังฟังเรื่อง อวกาศและจักรวาล เริ่มจะคิดว่าเราน่าจะเกิดแค่ทีเดียวในรอบล้าน ๆ ปีไม่ค่อยเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิดแล้วครับ ไม่รู้ผมคิดถูกมั้ยนะ

ยากไป รู้แค่ตื้นๆ อยุ่ไปวันๆดีกว่า

แล้ว ตัวเรา มันอยู่ตรงไหนเนี้ยสิ สมอง? สมองตายนอนเป็นผักร่างกายนับว่าเป็นเรามั้ย ศาสนาพุทธเลยมองว่าสิ่งที่เรียกว่า เรา มันคือการประกอบของธาตุต่างๆจากปัจจัยที่พร้อม

สุขทุกข์ไม่มีใครบันดาล นอกจากตัวเราเอง พระพุทธเจ้าว่าไว้แบบนี้ ที่พิมพ์มาอันนี้สำนักใหนละเนี้ย

ชอบคนนมใหญ่ก็ เราเองนั้นเละ
ชอบคนผมยาวก็ เราเองอีกอยู่ดี
หิวข้าวจะกินไก่ทอดก็เราเองอีกอยู่ดี

ไม่ใช่ครับ พระพุทธเจ้าบอกว่า
1. สุขทุกข์ไม่ได้เกิดจากตัวเองบันดาล
2. สุขทุกข์ไม่ได้เกิดจากผู้อื่นบันดาล
3. สุขทุกข์ไม่ได้เกิดจากตัวเองและผู้อื่นบันดาล
4. สุขทุกข์ไม่ได้เกิดมาเองลอยๆ

แดนเกิดของเวทนา (สุข ทุกข์ และเฉยๆ) มาจากผัสสะ หรือสัมผัสซึ่งมี 6 ทาง ครับ

เว็บโป๊ที่คุยธรรมได้เป็นตุเป็นตะ ทีแรกว่าจะเม้นเอาขำๆแบบนี้นะ แต่พออ่านคอมเม้นมาเรื่อยมีสิทธิ์โดนด่าแฮะ ยังทิดแพรรี่มาตอบเอง
หลายท่านมีความเข้าใจธรรมะที่ลึกซึ้งพอสมควร เห็นหลายกระทู้ละ สมาชิกเราเก่งเรื่องธรรมเยอะนะ แม้แต่เรื่องการทำสมาธิภาวนาก็มีตอบแบบถึงสาระจริงๆ
จะว่าไปssนี่แหล่งรวมคนเก่งไว้เยอะเลยนะ

.

ถ้าตามทางวิทย์ ความรู้สึกต่างๆ เป็นแค่สารเคมีในสมอง

บางเรื่องที่คุณพบเจอแล้วมีความสุข/ความทุกข์ สำหรับคนอื่นอาจจะรู้สึกเหมือนกัน ตรงกันข้าม หรือไม่ได้รู้สึกอะไรก็เป็นได้


แต่ถ้าตามที่ตาฟรอยบอก มนุษย์ก็มีแค่ Id SuperEgo Ego เท่านั้นเอง

คุณจะปลดปล่อยสัญชาตญาณดิบออกมาเลยก็ได้ สิ่งเหล่านี้มีอยู่ในสัตว์ทุกชนิดฝังกันมาในระดับDNA กิน ขี้ ปี้ นอน

SuperEgo จะหล่อหลอมถึงหลักศีลธรรมและผลทางสังคมที่คุณจะได้รับ แล้วคุณก็จะแสดงออกมาเป็นEgoของตัวคุณเอง

Ego ไม่ได้มีความหมายด้านลบเสมอไป แต่Egoมีทั้งแบบที่ดีและไม่ดี


ความคิดก็คือความคิด ตราบใดที่ยังไม่กระทำมันก็ยังอยู่ในหัวคุณ ไม่มีใครอ่านความคิดคุณได้ และคุณก็ไม่สามารถอ่านความคิดใครได้ แต่บางครั้งที่คุณรู้สึกเหมือนมีใครอ่านใจได้ ผมมองว่านั่นคือหลักสถิติและการสังเกตุ ไม่ใช่พลังจิตแบบอาเนีย


ส่วนความคิดเป็นเรื่องที่เราคิดได้เองหรือมีใครมากำหนดไว้แล้วนั้น อาจต้องยาวไปถึงเรื่อง "เจตจำนงเสรี" ลองหาข้อมูลดูได้ครับ


ข้อมูลผมอาจจะผิดพลาดนะ บางอย่างก็ลืมๆไปละ เอามาโต้แย้งหรือสนทนากันได้ครับ