[RE: ปีนี้เป้นปีที่ผมเข้าใจเรื่องขันธ์5]
taopromd พิมพ์ว่า:
หนมปังขึ้นรา พิมพ์ว่า:
Rakkii พิมพ์ว่า:
หากเข้าใจสิ่งเหล่านี้แล้วช่วยอะไรเราได้บ้างครับ อย่างเช่นเคสท่านทำให้ท่านเปลี่ยนอะไรได้บ้าง
หรือสามารถเปลี่ยนมายเซท ลดความเครียดกับชีวิตลงอะไรแบบนั้นใช่ไหมครับ
ขออนุญาตตอบแทน จขกท
ไม่ช่วยอะไร ถ้าไม่ได้ปฏิบัติครับ
แต่ถ้าปฏิบัติไปจนเข้าถึงสภาวะธรรมได้ ก็ใช่ครับ ลดความเครียดในชีวิตลงมหาศาลเลย แต่กว่าจะไปถึงได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆอะ อย่างว่า ถ้ามันง่าย คงเป็นอรหันต์กันทั้งโลกละ
สมมุติแบบเราใช้ชีวิตปล่อยจอยไปเลย อะไรจะเกิดก็เกิด ถ้าเกิดก็คิดว่าช่างมัน เข้าข่ายเราเข้าถึงขันธ์ 5 มั้ยอ่ะพี่ตูน เพราะมันก็เท่ากับปล่อยวางทุกอย่างได้แล้ว
ไม่ใช่ความคิดคับเตี้ย การปล่อยวางมันต้องปล่อยด้วยสภาวะจิตจากการวิปัสนาครับ ที่เตี้ยพูดคือมันแค่ความคิดที่เราคิดขึ้นมา มันไม่ใช่สภาวะจิต
การปล่อยวางด้วยสภาวะจิต มันคือเห็น คือรู้สึกได้เลย สมมติเตี้ยมีอารมณ์โกรธขึ้นมา เตี้ยจะเห็นอารมณ์นั้นชัดเป็นฉากๆเลย แล้วเตี้ยก็จะรับรู้ว่าไอ้สิ่งนั้นมันไม่ใช่ของเรา ร่างกายเราก็จะเห็นเป็นแค่ก้อนเนื้อที่ตั้งอยู่ ร่างนี้ไม่ใช่ของเรา(จะเห็นได้ขนาดนี้ต้องผ่านการวิปัสนามาเยอะมากๆ)
แต่ถ้าเตี้ยโกรธ แล้วเตี้ยพยายามใจเย็นให้หายโกรธ ปล่อยความโกรธให้หายไป อันนี้คือเราไม่ได้รู้สึกว่าความโกรธนั้นมันไม่ใช่ของเรา เราก็ยังยึดติดกับความโกรธนั้นอยู่ดี เพียงแต่พยายามระงับให้มันหายเฉยๆ
สรุปคือการละวางขันธ์ที่ว่า มันต้องละวางด้วยสภาวะจิต ละวางในความรู้สึกเลย(ซึ่งจะทำได้ต้องผ่านการปฏิบัติมาเยอะมากๆ) ไม่ใช่แค่คิดขึ้นมาเอง คิดอะใครก็คิดได้ ถ้าแค่คิดแบบที่เตี้ยบอกแล้วมันบรรลุธรรม คงบรรลุธรรมกันเกือบทั้งโลกแล้วคับ
ปล.สนใจเปลี่ยนมานับถือพุทธมั้ย